‘Tesla’ ลดราคาสินค้าใน ‘จีน’ อีกครั้ง ทั้งที่เคยเซ็นข้อตกลงเลิกทำ “สงครามราคา”

ภาพจาก Shutterstock
ย้อนไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ภายในงาน China Automotive Forum ได้มีการลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึก เลิกตัดราคา จากผู้บริหารจากบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 16 ราย โดย เทสลา (Tesla) ที่ถือเป็นผู้จุดฉนวนสงครามราคาก็ร่วมลงนามด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาใจไม่ได้มีผลทางกฎหมาย ทำให้ล่าสุด เทสลาได้ปรับลดราคาสินค้าอีกครั้ง

เทสลา ประกาศลดราคาในตลาดจีนอีกครั้ง โดยราคา Tesla Model Y ลดลง 14,000 หยวน (ราว 70,000 บาท) เหลือ 296,400 หยวน (ราว 1,440,000 บาท) และยังได้ปรับราคา Tesla Model 3 ทั้งสองรุ่นย่อย (RWD และ Performance) ลงจากเดิมอีก 8,000 หยวน (ราว 39,000 บาท) โดยมีราคาเริ่มต้นเหลือ 220,400 หยวน (ราว 1,070,000 บาท)

การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้หุ้นของบริษัท ร่วง 1.2% เพราะไม่ใช่แค่ในตลาดจีน แต่ในตลาดสหรัฐฯ เทสลาก็ลดราคา Tesla Model S และ Model X อีกประมาณ 10% โดยเริ่มต้นที่ 78,490 ดอลลาร์ (ราว 2,740,000 บาท) และ 88,490 ดอลลาร์ (ราว 3,090,000 บาท) ตามลำดับ ซึ่งการปรับลดดังกล่าวทำให้ อัตรากําไรของเทสลาอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020

ทั้งนี้ เทสลาได้เริ่มลดราคาสินค้าในตลาดจีนครั้งแรกตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2022 จนถึงเดือนมกราคม 2023 ซึ่งเป็นช่วงที่แบรนด์กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่ง ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีน โดยหลังจากที่เทสลาลดราคาลง แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในจีนก็เริ่มทำสงครามราคากัน โดยนักวิเคราะห์มองว่าแนวโน้มของการแข่งขันด้านราคาจะยังดำเนินต่อไปตลอดช่วงไตรมาส 3 ของปี และหลายแบรนด์จะเริ่มหั่นราคากันหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ

“แรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นเกิดขึ้นมาจากการแข่งขันที่สูง รวมถึงจำนวนสินค้าคงเหลือที่สูงขึ้น และการส่งเสริมการขายในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว” นักวิเคราะห์ยานยนต์ของ HSBC กล่าว

ปัจจุบัน ตลาดจีนถือว่ามีความสําคัญต่อเทสลาอย่างมาก โดยเฉพาะกำลังการผลิตจากโรงงาน Shanghai Gigafactory เพียงแห่งเดียวก็คิดเป็น มากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั่วโลก

Source