Bloomberg คาด จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าสหรัฐฯ “ต้องรอต่อไปอีก” จากปัญหาภาคอสังหารุมเร้าหนัก

ภาพจาก Pixabay
นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนที่จะมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐอเมริกานั้นอาจต้องรอออกไปถึงหลังปี 2040 โดยปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นตัวฉุดรั้งของเศรษฐกิจจีน รวมถึงความมั่นใจของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

สำนักข่าว Bloomberg รายงานถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในจีนที่กำลังชะลอตัวจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลทำให้ขนาดเศรษฐกิจของแดนมังกรไม่อาจเอาชนะสหรัฐอเมริกาได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดว่าจะสามารถเอาชนะได้ในช่วงปี 2030-2035

ล่าสุดรายงานของสำนักข่าวดังกล่าวได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังช่วงปี 2040 อย่างไรก็ดีขนาดเศรษฐกิจจีนที่เอาชนะได้จะห่างกับสหรัฐฯ ไม่มากนัก แตกต่างกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดที่หลายฝ่ายมองว่าจีนจะเอาชนะได้ภายใน 10 ปีนี้ด้วยซ้ำ และขนาดเศรษฐกิจจะทิ้งห่างมาก

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ขนาดของเศรษฐกิจจีนไม่สามารถเอาชนะได้ก็คือ “ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์” โดยสัดส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อ GDP จีนสูงถึง 1 ใน 3 โดยนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนถึง 1.5 จุด (หรือ Percentage Point) ในปีนี้

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ปล่อยมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับตลาดอสังหาฯ อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ถ้าหากครัวเรือนที่ไม่มีบ้านที่จดทะเบียนภายใต้สมาชิกครอบครัวคนใดคนหนึ่งสามารถนับเป็น “ผู้ซื้อบ้านครั้งแรก” ได้ ซึ่งจะทำให้บุคคลเหล่านี้สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านครั้งแรกได้ถูกกว่าเดิม

สัดส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อ GDP จีนเคยสูงถึง 1 ใน 3  – ภาพจาก Shutterstock

นอกจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบปัญหาแล้ว ภาคผู้บริโภคของจีนตกอยู่ในภาวะเงินฝืดด้วย หลังจากจีนได้รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ -0.3% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของจีนตามมาหลังจากที่จีนได้รายงานตัวเลขการส่งออกนำเข้าของเดือนกรกฎาคมซึ่งอ่อนแอกว่าที่คาดไว้อีกด้วย

ปัญหาดังกล่าวจีนได้เตรียมมาตรการให้ประชาชนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อฟื้นเศรษฐกิจกลับมาโตอีกรอบ เนื่องจาก 2 ภาคอุตสาหกรรมนั้นมีบริษัทจีนที่ผลิตสินค้าดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และต้องการให้ภาคการผลิตจีนนั้นสร้างสินค้านวัตกรรม

ไม่เพียงเท่านี้ จีนยังได้ออกมาตรการผ่อนคลายให้นักธุรกิจชาวต่างชาติสามารถเข้าประเทศทำธุรกิจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาจีนประสบปัญหาเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2022 เม็ดเงินการลงทุนในจีนต่ำสุดในรอบ 18 ปี

รายงานของ Bloomberg ชิ้นดังกล่าวยังชี้ถึงเศรษฐกิจจีนชะลอตัวไวกว่าที่คาด การฟื้นตัวหลังจากการแพร่ระบาดของโควิดนั้นถือว่าหมดไปแล้ว รวมถึงความมั่นใจของผู้บริโภค ปัจจัยดังกล่าวได้ลากโอกาสเติบโตของเศรษฐกิจจีนลงมา โดยปี 2030 นั้นคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะโตแค่ 3.5% จากเดิมที่คาดไว้ 4.3%

ซ้ำร้ายไปกว่านั้นในปี 2050 ทาง Bloomberg คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเหลือแค่ 0.9% เท่านั้น

ถ้าหากมองข้อดีของเศรษฐกิจระยะกลางแล้ว จีนยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ และยังมีพื้นที่ที่สามารถไล่พัฒนาเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อเป็นผู้นำได้ทัน รวมถึงรัฐบาลที่โฟกัสการพัฒนาด้านต่างๆ แม้ว่า Bloomberg จะชี้ว่าเรี่ยวแรงในการพัฒนาเรื่องดังกล่าวจะลดน้อยถอยลงก็ตาม