บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเยอรมันอย่าง “โฟล์คสวาเกน” ล่าสุดเตรียมที่จะปลดพนักงานสัญญาจ้างออกบางส่วน หลังจากที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทนั้นลดลงจากหลายสาเหตุ ขณะเดียวกันบริษัทยังประสบปัญหาต้นทุนที่สูงเพิ่มมากขึ้น
โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) เตรียมปลดพนักงานบางส่วนจำนวน 300 ราย หลังจากสัญญาของพนักงานเหล่านี้หมดภายในเดือนตุลาคม ซึ่งพนักงานเหล่านี้ทำงานอยู่ในโรงงานที่ Zwickau ซึ่งเป็นโรงงานหลักสำหรับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท
การปลดพนักงานครั้งนี้ยังทำให้พนักงานที่มีสัญญาจ้างอีกราวๆ 2,000 รายจากจำนวนพนักงานในโรงงานทั้งหมด 11,000 รายอาจมีสถานการณ์ของตำแหน่งงานที่ไม่แน่นอนหลังจากนี้
สาเหตุสำคัญที่ทำให้พนักงานเหล่านี้ถูกปลดออกมา แม้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงก็ตาม คือ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทลดลง โดยโรงงานที่ Zwickau จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ID ซึ่งส่วนใหญ่คำสั่งซื้อมักจะมาจากบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายบริษัทได้รัดเข็มขัดจากสภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจ
อีกปัจจัยที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Volkswagen ลดลงก็คือ เงินอุดหนุนที่รัฐบาลท้องถิ่นที่จะมอบให้สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะหมดลงในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ส่งผลให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีส่วนลดสำหรับผู้ซื้ออีกต่อไป
นอกจากนี้ Volkswagen การแข่งขันจากคู่แข่งหลายราย ทั้ง Tesla ของสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่กำลังเข้ามาบุกตลาดในทวีปยุโรปอย่างหนักจนทำให้สหภาพยุโรปเตรียมสอบสวนในเรื่องดังกล่าวว่ารัฐบาลจีนได้อุดหนุนเงินให้แก่อุตสาหกรรมดังกล่าวหรือไม่
ไม่เพียงแค่ปัจจัยจากคู่แข่งเท่านั้น แต่ Volkswagen เองยังประสบปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาพลังงาน ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ย หรือแม้แต่ต้นทุนการพัฒนารถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์
ในช่วงที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรปรายนี้ ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนผ่านการผลิตจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันไปยังรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้เต็มรูปแบบภายใน 5 ปี รวมถึงลงทุนในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ของรถยนต์ ฯลฯ เพื่อที่จะไล่ทันคู่แข่งรายอื่นทั้งในเยอรมัน หรือแม้แต่คู่แข่งจากต่างประเทศ
ผลประกอบการของ Volkswagen ครึ่งปีแรกของปี 2023 บริษัททำรายได้รวมที่ 156,300 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ราวๆ 18% ขณะที่กำไรของบริษัทอยู่ที่ 11,300 ล้านยูโร ลดลงจากปี 2022 ถึง 14% บริษัทมองว่าภายในปีนี้สัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะคิดเป็นสัดส่วน 8-10% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด