Huawei ตั้งเป้ายอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2024 สูงถึง 70 ล้านเครื่อง ได้แรงส่งจาก Mate 60 Pro กระแสตอบรับดี

ภาพจาก Shutterstock
หัวเว่ย ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากจีน ได้วางเป้ายอดขายโทรศัพท์มือถือของบริษัทมากถึง 70 ล้านเครื่อง ในปี 2024 หลังบริษัทได้แรงส่งจากโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 60 Pro ในจีนที่ได้กระแสตอบรับดีกว่าคาด

สื่อต่างประเทศหลายแห่งทั้ง Nikkei Asia และ Gizmo China รวมถึงเว็บไซต์ข่าวในจีนอย่าง DoNews รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า หัวเว่ย (Huawei) ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากจีน ได้วางเป้าว่าบริษัทจะมียอดขายโทรศัพท์มือถือมากถึง 70 ล้านเครื่องในปี 2024

โดยยอดขายโทรศัพท์มือถือที่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตจากจีนรายนี้ตั้งเป้าถือว่าเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายในปี 2022 ที่ผ่านมา และเป้าดังกล่าวนี้เท่ากับยอดขายโทรศัพท์มือถือในช่วงปี 2014

ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ Huawei เพิ่มเป้าหมายยอดขายโทรศัพท์มือถือในปีหน้าก็คือ โทรศัพท์ในรุ่น Mate 60 Pro ได้รับความนิยมในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคา หรือแม้แต่ประสิทธิภาพ

อีกปัจจัยที่ทำให้ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมเพิ่มเป้ายอดขายมือถือคือ ประเด็นของการไม่พึ่งพาชิ้นส่วนจากบริษัทในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างชิปด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรในประเทศจีนโดย SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติจีน

การวางจำหน่ายโทรศัพท์ในรุ่น Mate 60 Pro นั้นบริษัทมองว่าเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ยอมแพ้จากสหรัฐอเมริกาที่ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น SMIC หรือแม้แต่ตัวของ Huawei เอง

หลังจากการเปิดตัวของ Mate 60 Pro ไม่นานนัก Eric Xu รองประธานของ Huawei ได้กล่าวว่าถ้าหากจีนจะต้องการไล่ทันคู่แข่งในเรื่องชิป คนจีนจะต้องสนับสนุนการใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งคำกล่าวดังกล่าวตามหลังมาจากการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทอย่าง Mate 60 Pro

Huawei คาดว่าผู้บริโภคชาวจีนสนับสนุนแบรนด์โทรศัพท์ดังกล่าวมากขึ้นด้วย เพื่อที่จะทำให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนไล่ตามคู่แข่งทัน โดยบริษัทคาดว่าจะส่งมอบโทรศัพท์ในรุ่น Mate 60 ได้มากถึง 20 ล้านเครื่อง และยังไม่รวมโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่หลังจากนี้

อย่างไรก็ดีเป้าหมายของ Huawei ในปี 2024 ยังต่ำกว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือที่บริษัทเคยทำได้สูงสุดในปี 2019 ซึ่งบริษัททำได้มากถึง 240 ล้านเครื่อง

ที่มา – Nikkei Asia, Gizmo China, DoNews