สภาพัฒน์รายงานตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ที่ผ่านมานั้นเติบโตแค่ 1.5% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ โดยปัจจัยหลักในไตรมาสนี้ที่ยังทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้คือ ภาคการบริโภค รวมถึงภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยไตรมาสนี้คือภาคการส่งออก
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้รายงานตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ของปี 2566 นั้น GDP เติบโตได้ 1.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสื่อต่างประเทศมองว่าอาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตมาสนี้ต่ำกว่าผลสำรวจของนักวิเคราะห์ของทั้ง Bloomberg มองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ผ่านมานั้นเติบโตอยู่ที่ 2.2% และมองว่าไทยอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ขณะที่สำนักข่าว Reuters มองว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ผ่านมาเติบโตได้ 2.4%
ถ้าหากมองตัวเลขการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ของปีนี้ ไตรมาส 3 นี้เศรษฐกิจไทยเติบโตแค่ 0.8% เท่านั้น ขณะที่ 9 เดือนแรกของไทย GDP เติบโตที่ 1.9%
ปัจจัยสำคัญที่ถ่วงเศรษฐกิจไทยในไตรมาสนี้คือภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะปัจจัยจากประเทศจีน อย่างไรก็ดีปัจจัยบวกในไตรมาสนี้ก็คือการบริโภคภายในประเทศที่ยังเติบโต รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชน
สำหรับตัวเลขที่น่าสนใจในไตรมาส 3 นี้
- การบริโภคในประเทศเติบโต 8.1%
- การส่งออกของไทยเติบโต 0.2% (ในสกุลดอลลาร์ -2%) ขณะที่การนำเข้าสินค้าถดถอย -10.2%
- การลงทุนภาคเอกชนเติบโต 3.1%
- การอุปโภคภาครัฐกลับถดถอยที่ -4.9%
- อัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.99% ต่ำที่สุดในรอบ 15 ไตรมาส
สภาพัฒน์คาดว่า GDP ไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 2.5% และคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 1.4% ขณะที่ปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในช่วง 2.7-3.7%