ราคาข้าวนั้นได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 15 ปี สาเหตุสำคัญมาจากประเทศอินเดียนั้นได้ห้ามส่งออกข้าว ประเทศจีนประสบปัญหาภัยธรรมชาติ และยังรวมถึงสภาวะอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง จากผลกระทบของเอลนีโญ ทำให้หลายประเทศมีผลผลิตข้าวลดลง
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวว่า ราคาข้าวสารได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา หลังจากความต้องการข้าวในตลาดโลกยังเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณข้าวในท้องตลาดนั้นกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังรวมถึงสภาวะอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
สำนักข่าวรายดังกล่าวอ้างอิงราคาข้าวขาวหัก 5% จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ราคาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 659 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 22,525 บาทต่อตัน และราคาข้าวสารนั้นถ้าหากนับตั้งแต่ต้นปีแล้วราคาได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 38% แล้ว
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวสารเพิ่มมากขึ้นคือ หลายประเทศที่ส่งออกข้าว เช่น อินเดียที่ได้ประกาศงดส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศเนื่องจากต้องการควบคุมราคาข้าวในประเทศ โดยอินเดียถือเป็นประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกข้าวมากถึง 40% เมื่อเทียบสัดส่วนการส่งออกทั้งหมด
การห้ามส่งออกข้าวของอินเดียยังทำให้หลายประเทศในทวีปเอเชีย หรือแม้แต่ในทวีปแอฟริกาได้รับผลกระทบ เนื่องจากข้าวนั้นเป็นอาหารหลักของหลายประเทศ นอกจากนี้การห้ามส่งออกยังสร้างผลกระทบต่อมาคือมีการกักตุนข้าวไว้เพื่อที่จะทำให้มีปริมาณในการบริโภคเพียงพอ ส่งผลทำให้เกิดสภาวะเลวร้ายเพิ่มขึ้น
ขณะที่ประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ก็ประสบปัญหาเจอพายุไต้ฝุ่นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้ปริมาณข้าวในท้องตลาดไม่เพิ่มขึ้น ยิ่งส่งผลกระทบต่อตลาดข้าวทั่วโลก ขณะเดียวกันประเทศส่งออกสำคัญอย่างไทย หรือแม้แต่เวียดนามเองก็มีปริมาณผลิตที่จำกัด เมื่อเทียบกับ 2 ประเทศรายใหญ่
ไม่ใช่แค่ข้าวเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ในช่วงที่ผ่านมา สินค้าเกษตรที่ผู้คนใช้บริโภคอย่างกาแฟ มะกอก หรือแม้แต่อ้อยที่นำมาผลิตน้ำตาล ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
สภาวะอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลทำให้ผลผลิตลดลงจากอากาศที่ร้อนมากขึ้น และผลกระทบจากสภาวะเอลนีโญ ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำสำหรับไว้ทำการเกษตรในหลายประเทศนั้นลดลง ซึ่งข้าวหรือแม้แต่สินค้าทางการเกษตรอื่นๆ ก็ได้รับผลดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังจะกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ