ผลสำรวจพบ “คนรวย” มีแนวโน้ม “ขโมยของ” จากช่องชำระเงินด้วยตนเอง (Self-Checkout) มากที่สุด

Self-Checkout
(Photo: Shutterstock)
ปัญหาการ “ขโมยของ” จากช่องชำระเงินด้วยตนเอง (Self-Checkout) เป็นประเด็นสำคัญในค้าปลีกสหรัฐฯ ทำให้มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับกรณีนี้ โดยผลสำรวจหนึ่งพบว่า “คนรวย” มีแนวโน้มแอบไม่จ่ายเงินสินค้าบางชิ้นที่ช่องนี้มากกว่าคนชนชั้นอื่น

สำนักข่าว Business Insider รายงานบทความเกี่ยวกับการแอบ “ขโมยของ” ที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่อง Self-Checkout เครื่องนี้ทำให้มีการขโมยรูปแบบใหม่ นั่นคือการ “แอบไม่จ่ายเงินค่าสินค้าเป็นบางชิ้น” ด้วยการเลี่ยงสแกนสินค้าชิ้นนั้นแล้วเนียนใส่ลงถุงช้อปปิ้งรวมกับสินค้าที่สแกนแล้ว

มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า อัตราสินค้าที่ไม่ถูกสแกนชำระเงินในช่องทาง Self-Checkout นั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 6.7% (รวมทั้งที่ตั้งใจขโมยและไม่ได้ตั้งใจ) สูงกว่าการชำระเงินผ่านช่องทางแคชเชียร์ปกติที่มีอัตราสินค้าที่ไม่ได้สแกนจ่ายเพียง 0.3%

ในการสำรวจนักช้อป 5,000 คนในสหรัฐฯ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนส่วนใหญ่ยอมรับว่าตัวเองเคยเผอิญหยิบสินค้ากลับบ้านมาโดยไม่ได้สแกนที่เครื่องและชำระเงิน ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้เมื่อลูกค้ากำลังรีบและอาจจะลืมสแกนของบางชิ้นไป

อย่างไรก็ตาม การสำรวจผู้ใหญ่ 2,000 คนที่เคยใช้ช่องชำระเงินด้วยตนเองจาก LendingTree กลับให้ผลที่น่าแปลกใจ เพราะในกลุ่มที่ยอมรับว่าตัวเองเคย “ตั้งใจ” ไม่แสกนของเพื่อขโมยกลับบ้านโดยไม่จ่ายเงินนั้น กลุ่มที่มีแนวโน้มจะทำแบบนี้มากที่สุดกลับเป็น “คนรวย”

กลุ่มคนที่มีรายได้ครัวเรือนมากกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 3.4 ล้านบาท) มีถึง 18% ในกลุ่มที่ยอมรับว่าเคยตั้งใจขโมย

เมื่อเทียบกันแล้ว กลุ่มที่มีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 35,000 เหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) มีสัดส่วนเพียง 14% ที่บอกว่าตนตั้งใจจะจิ๊กของด้วยการไม่สแกนจ่ายเงิน

Photo : Shutterstock

ทางสำนักข่าวได้ติดต่อไปยัง Terrence Shulman ซึ่งเป็นทนายความและนักบำบัดที่ Shulman Center for Compulsive Theft, Shopping and Hoarding (ศูนย์ช่วยเหลือผู้เสพติดการขโมย การช้อปปิ้ง และสะสมของ) เพื่อหาคำตอบที่เป็นไปได้ว่าทำไมคนรวยถึงมีโอกาสจะขโมยผ่านช่องชำระเงินด้วยตนเองมากยิ่งกว่าคนชนชั้นรองๆ ลงมาซึ่งน่าจะมีความจำเป็นในการขโมยมากกว่า

Shulman ระบุว่ายังไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มีทฤษฎีที่เป็นไปได้ 2-3 ข้อที่คนรวยจะขโมยของผ่านช่องทาง Self-Checkout

ทฤษฎีแรกคือคนรวยนั้นจริงๆ แล้วไม่พอใจที่จะต้องบริการตนเอง การต้องหัดทำอะไรเองในเรื่องจุกๆ จิกๆ แบบนี้ถูกมองเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่าการแอบจิ๊กของไม่ยอมสแกนจ่ายอาจจะเป็นการประท้วงอย่างเงียบๆ ของคนรวยว่า ‘ทำไมฉันจะต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วย’

ทฤษฎีต่อไปคือการมีจิตใต้สำนึกแบบคนรวยที่คิดว่า ‘ถ้าฉันถูกจับได้หรือมีปัญหาใดๆ ก็ตาม ฉันก็มีเส้นสายพอที่จะโทรฯ เรียกใครให้มาจัดการไกล่เกลี่ย หรือจ้างทนายความสู้คดีก็ได้’

แน่นอนว่า บางคนที่มีภาวะชอบการขโมยของเพื่อความตื่นเต้นก็จะยิ่งถูกกระตุ้นด้วยความสะดวกและง่ายดายของเครื่อง Self-Checkout ประเด็นนี้ Shulman มีการพูดคุยกับคนในเครือข่ายของศูนย์ฯ หลายคนบอกตรงกันว่า ฉันจะไม่ใช้เครื่องสแกนของด้วยตนเองแบบนี้หรอกเพราะฉันไม่ไว้ใจตัวเอง

Source