“LG” เป็นหนึ่งในผู้ผลิต “แบตเตอรี” รายสำคัญในสหรัฐฯ แต่บริษัทจากแดนโสมแห่งนี้ยังต้องการขยายไปผลิต “เครื่องชาร์จอีวี” อีกด้วย โดยบริษัทเพิ่งจะเปิดโรงงานผลิต EV Charger เป็นแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่รัฐเท็กซัส กำลังการผลิต 10,000 เครื่องต่อปี รีบตักตวงโอกาสหลังประธานาธิบดีไบเดนประกาศเร่งเพิ่มสถานีชาร์จรถอีวีสาธารณะทั่วประเทศ
โรงงานผลิตเครื่องชาร์จอีวีของ LG เริ่มต้นการผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ในบ้าน กำลังไฟ 11kW แล้ว และจะเริ่มไลน์การผลิตเครื่องชาร์จแบบ ‘Fast Charge’ กำลังไฟ 175 kW ภายในครึ่งปีแรกปี 2024 นี้
LG ยังแถลงด้วยว่า บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนการผลิตเครื่องชาร์จในระดับ ‘Ultra-fast Charge’ กำลังไฟ 350kW ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นการผลิตได้ภายในสิ้นปี 2024
บริษัทจากเกาหลีใต้แห่งนี้ระบุว่า บริษัทเลือกเท็กซัสเพราะมีโรงงานบางส่วนอยู่ที่นั่นแล้ว และเป็นเพราะรัฐเท็กซัสมีเครือข่ายโลจิสติกส์ขนส่งที่ยอดเยี่ยม และยังเป็นแหล่งรวมการดำเนินการของบริษัทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ยานยนต์ไปจนถึงการเงิน (รัฐเท็กซัสเป็นที่ตั้งของโรงประกอบรถยนต์หลายยี่ห้อ เช่น GM, Toyota และ Tesla)
- ‘BYD’ ผงาด! เบียด ‘Tesla’ ขึ้นแท่น “แชมป์ตลาดอีวี” Q4/2023 นับเป็นการเสียตำแหน่งในรอบ 9 ปี
- สหรัฐฯ อาจขึ้น “กำแพงภาษี” นำเข้า “รถอีวี” จากจีนเพิ่มอีก เพื่อดึงฐานผลิตรถกลับประเทศ
LG กล่าวด้วยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจเกี่ยวกับ “เครื่องชาร์จอีวี” ทั้งในยุโรปและเอเชีย โดยบริษัทร่วมกับพันธมิตรอีก 2 รายเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ผ่านการเข้าซื้อกิจการบริษัท EV Charger สัญชาติเกาหลีใต้ชื่อ “AppleMango” (ก่อนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “HiEV”)
จากการเข้าซื้อกิจการครั้งนั้น LG มองว่าบริษัทจะได้สร้าง ‘synergy’ กับธุรกิจแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่แล้ว รวมถึงสินค้าประเภทเครื่องกักเก็บพลังงานและระบบจัดการพลังงาน และยังจะได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้าน “หน้าจอ” เข้าไปผนวกกับเครื่องชาร์จอีวีเหล่านี้ เพื่อให้ได้สถานีชาร์จที่มีหน้าจอกลางแจ้งแบบกันน้ำ กันฝุ่น และคงทนถาวร
หลังการขยายสู่ธุรกิจใหม่ นำมาสู่การสร้างโอกาสในสหรัฐฯ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลโจ ไบเดนต้องการจะขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีเครื่องชาร์จ 169,741 หัวในสถานีชาร์จจำนวน 65,113 แห่งทั่วประเทศ (รวมหัวชาร์จทั้งประเภท DC, Fast Charge และ Ultra-fast Charge) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไบเดนต้องการขยายจำนวนเครื่องชาร์จสาธารณะเป็น 500,000 หัวทั่วประเทศภายในปี 2030 ซึ่งจะทำให้ LG มีโอกาสการผลิตและขายสินค้า
“จากการลงทุนโรงงานผลิต EV Charger ของเราในเท็กซัส เราจะสามารถสนองตอบความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านรถยนต์อีวีที่เติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ ได้” Jand Ik-hwan ประธานธุรกิจโซลูชันของ LG กล่าว