“ธนิยะ” ปรับโฉมนิวลุครับกระแส “สีลม” ยุคใหม่ ศูนย์รวม “กอล์ฟ” – “ดองกิ” ดันทราฟฟิคทะลุ 3 หมื่นคน/วัน

หลังประกาศรีโนเวตตั้งแต่ปี 2563 ขณะนี้ “ธนิยะ” พร้อมแกรนด์โอเพนนิ่งพื้นที่รีเทลโฉมใหม่ ปรับปรุงให้โปร่งโล่งและสดใสตอบรับกระแส “สีลม” ยุคใหม่ โดยธนิยะจะยังคงเป็นศูนย์รวมอุปกรณ์ “กอล์ฟ” ของไทยแต่เพิ่มเติมด้านไลฟ์สไตล์ร้านอาหารมากขึ้น พร้อมกับแม่เหล็กสำคัญ “ดองกิ” ด้านหน้าอาคารที่ช่วยดันทราฟฟิคทะลุ 3 หมื่นคน/วัน

ย้อนไปเมื่อปี 2563 ธนิยะ กรุ๊ป ประกาศปรับโฉมพื้นที่รีเทลของอาคาร “ธนิยะ สีลม” ทั้งตึกหน้าส่วนที่ติดบีทีเอส และตึกหลังส่วนเอเทรียม รวมพื้นที่เช่า 12,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท

เหตุที่ต้องลงทุนรีโนเวตครั้งใหญ่เพราะตึกธนิยะนั้นอยู่คู่สีลมมานานถึง 30 ปีแล้ว ได้เวลาที่ต้องแปลงโฉมให้ทันสมัย ไม่น้อยหน้าตึกอื่นๆ บนถนนสีลมที่มีทั้งสร้างใหม่และรีโนเวตใหญ่ เช่น โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค, อาคารพาร์ค สีลม, อาคารบุญมิตร สีลม, โรงแรมนารายณ์ สีลม หากธนิยะไม่มีการปรับปรุงก็อาจจะไม่ทันกระแส “ยุคใหม่” ของสีลมที่กำลังจะมาถึง

ธนิยะ สีลม
บรรยากาศภายในพื้นที่รีเทลธนิยะ เอเทรียม หลังปรับใหม่ให้ทันสมัยขึ้น

“ศลิษา นภาธร” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ธนิยะ กรุ๊ป เปิดเผยว่า การรีโนเวตที่ทำมาอย่างต่อเนื่องของธนิยะ สีลม ปัจจุบันพร้อมแล้วที่จะแกรนด์โอเพนนิ่ง เผยโฉมการปรับปรุงภายในอาคารที่ดูโปร่งโล่ง สดใส สบายตามากขึ้น

 

“กอล์ฟ” ผนึก “ดองกิ” ดึงทราฟฟิคทะลุ 3 หมื่นคน/วัน

แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่เอกลักษณ์ของ “ธนิยะ” จะยังเหมือนเดิม คือการเป็นศูนย์รวมอุปกรณ์กีฬาและคอมมูนิตี้ของคนรัก “กอล์ฟ” ที่ใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีร้านกอลฟ์อยู่ที่ธนิยะมากกว่า 40 ร้าน หลายแบรนด์เข้ามาเปิดระดับแฟลกชิปสโตร์เฉพาะกีฬากอล์ฟที่นี่ เช่น Mizuno Golf

ธนิยะ สีลม
ชั้น 1-2 เป็นชั้นอุปกรณ์กอล์ฟ ชั้น 3 เป็นร้านไลฟ์สไตล์และบิวตี้ ชั้น 4 เป็นโซนร้านอาหาร

อย่างไรก็ตาม ธนิยะมีการปรับมิกซ์ร้านค้าจากเดิม 80% เป็นร้านอุปกรณ์กอล์ฟ 20% เป็นร้านอาหาร ปัจจุบันสร้างความหลากหลายขึ้นด้วยการปรับลดเหลือ 50% เป็นร้านอุปกรณ์กอล์ฟ อีก 50% จะผสมกันทั้งร้านเสื้อผ้าสปอร์ตแวร์ ร้านอาหาร บิวตี้ และ “ดอง ดอง ดองกิ” ที่เป็นดิสเคานต์สโตร์ชื่อดังจากญี่ปุ่น

เหตุที่ต้องปรับมิกซ์ใหม่เพราะต้องการดึงลูกค้านักกอล์ฟรุ่นใหม่วัย 20-30 ปีเข้ามามากขึ้น กลุ่มนี้จะสนใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นแบบ “แอคทีฟ ไลฟ์สไตล์” ด้วย ไม่ได้สนใจเฉพาะอุปกรณ์กอล์ฟเท่านั้น รวมถึงธนิยะต้องการจะดึงดูดพนักงานออฟฟิศทั่วไปในย่านสีลมให้มากกว่าเดิม ซึ่ง “ดอง ดอง ดองกิ” ถือเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยได้จริงหลังเข้ามาเปิดตั้งแต่ปี 2565

สินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่นสปอร์ตแวร์ที่เข้ามามากขึ้น
ดอง ดอง ดองกิ ด้านหน้าตึกธนิยะ บีทีเอส

ศลิษากล่าวต่อว่า หลังการปรับโฉมทั้งหมดนี้ ธนิยะสามารถดึงลูกค้าเข้ามาได้ประมาณ 30,000-35,000 คนต่อวัน มากขึ้นกว่าก่อนรีโนเวตราว 30%

 

เหลือปิดดีล “ร้านอาหารญี่ปุ่น” เข้าพื้นที่

สำหรับการเช่าพื้นที่ในส่วนรีเทลของธนิยะ ศลิษาระบุว่ามีการเช่าไปแล้ว 80% ของพื้นที่ อีก 20% ที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นโซนร้านอาหารบนชั้น 4 และพื้นที่ “S Club” โซนขายสินค้าไลฟ์สไตล์กอล์ฟบนชั้น 3

ในส่วนร้านอาหาร ธนิยะอยู่ระหว่างเจรจากับผู้เช่ากลุ่ม “ร้านอาหารญี่ปุ่น” อยู่ขณะนี้ คาดว่าจะปิดดีลได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 3/67 ที่ต้องเน้นเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น เพราะมรดกชื่อเสียงของธนิยะโด่งดังในหมู่คนญี่ปุ่นและมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในตึกมาแต่ดั้งเดิม จึงต้องการจะรักษาเอกลักษณ์นี้ไว้เช่นกัน

บางส่วนของร้านอาหารญี่ปุ่นที่เข้ามาเปิดบนชั้น 4 ของธนิยะแล้ว

เมื่อถามถึงอนาคตระยะยาวของพื้นที่รีเทล ธนิยะ จะแข่งขันได้กับโครงการรีเทลใหม่ๆ ที่กำลังก่อสร้างบนถนนสีลมหรือไม่ ศลิษามองว่าโครงการอื่นๆ จะไม่ส่งผลลบกับธนิยะมากนัก

“เรามองว่าเราวางเป้าหมายลูกค้าที่ต่างจากห้างฯ อื่นในย่านนี้แน่นอน เพราะเราทาร์เก็ตกลุ่มนรักกอล์ฟโดยเฉพาะ” ศลิษากล่าว “ในทางกลับกัน มองย่านสีลมระยะยาวเมื่อทั้งย่านมีการรีโนเวตขยับไปพร้อมกัน จะช่วยให้สีลมทันสมัย ดูดีขึ้น เป็นภาพบวกมากกว่า”