ปีที่ 5 ของแบรนด์ “อภิทาวน์” จากค่าย “เอพี” จับจุดตลาด “ต่างจังหวัด” จ่ายแพงกว่าได้ถ้าให้มากกว่า

อภิทาวน์ อุบลราชธานี
“เอพี” ส่งแบรนด์ “อภิทาวน์” เข้าไปบุกตลาดอสังหาฯ “ต่างจังหวัด” มาตั้งแต่ปี 2563 หากรวมแผนของปีนี้อภิทาวน์จะเปิดครบ 15 โครงการทั่วไทย สั่งสมองค์ความรู้จับจุดมัดใจตลาดภูธรว่ากลุ่มลูกค้า “จ่ายแพงกว่าได้ถ้าให้มากกว่า” พร้อมเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แน่นกับแคมเปญ “อภิทาวน์ทั่วไทย x เชฟกะปอม”

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กลับไปบุกตลาดต่างจังหวัดอีกครั้งเมื่อปี 2563 และเป็นการไปทำตลาดด้วย “บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์” ต่างจากในอดีตที่เอพีเคยทำตลาดด้วย “คอนโดมิเนียม” แต่ต้องหยุดไปเพราะยอดขายไม่ดีเท่าที่คาด

เมื่อไปด้วยสินค้าใหม่ทำให้เอพีมีการสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาคือ “อภิทาวน์” เป็นแบรนด์เฉพาะสำหรับออกต่างจังหวัด นับถึงปัจจุบันรวมแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของปี 2567 ด้วยแล้ว ปีนี้อภิทาวน์จะเปิดครบ 15 โครงการ มูลค่ารวม 13,530 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าการเดินทัพครั้งใหม่ของเอพีในต่างจังหวัดดูจะไปได้สวย

อภิทาวน์
“วิทการ จันทวิมล” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)

สำหรับปี 2567 จะย่างเข้าสู่ปีที่ 5 ของอภิทาวน์ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ “วิทการ จันทวิมล” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) พร้อมทีมผู้บริหารโครงการในต่างจังหวัด “สรุปกลยุทธ์การส่งอภิทาวน์เข้าตลาดต่างจังหวัด” มาได้ ดังนี้

1.เลือกจังหวัด “เมืองรอง” เพื่อหาโอกาสแบบ “บลูโอเชียน”

ถ้านับรวมแผนเปิดตัวใหม่ของปี 2567 เอพีจะเข้าตลาดครบ 14 จังหวัด กระจายทั่วทุกภูมิภาค และถ้าลงรายละเอียดชื่อจังหวัดที่ไป จะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่ปกติแล้วนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพฯ จะไม่ค่อยเลือกไปลงทุน หลายจังหวัดถือว่าเป็น “เมืองรอง” แต่มาเป็นตัวเลือกแรกของเอพี เช่น นครศรีธรรมราช เชียงราย นครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี สุพรรณบุรี

เป็นความตั้งใจของเอพีที่จะเลือกพื้นที่​ “บลูโอเชียน” ก่อน เพื่อให้การแข่งขันแข่งเฉพาะกับผู้เล่นในท้องถิ่นเป็นหลัก แต่จังหวัดที่เลือกก็ได้คัดสรรมาแล้วว่ามีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่พอ และที่สำคัญคือผู้คนเริ่มมีไลฟ์สไตล์คล้ายกับคนกรุงเทพฯ​ เพราะมีลูกหลานที่เคยมาเรียนหรือทำงานในกรุงเทพฯ​ ย้ายกลับไป หรือมีคนจากกรุงเทพฯ ย้ายเข้าไปอยู่

อภิทาวน์ อุดรธานี
2.‘Location in Location’ เลือกทำเลใกล้เมืองเป็นหลัก

เอพีจะเน้นเลือกทำเลใกล้ใจกลางเมือง หรือใกล้แหล่งงานสำคัญ แม้ว่านั่นจะหมายถึงราคาบ้านที่จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เพราะเรียนรู้มาแล้วว่า “ใกล้กว่าแพงกว่า ดีกว่า ไกลกว่าถูกกว่า” ในกรณีของการพัฒนาโครงการอภิทาวน์

เหตุเพราะการไปแข่งขันในต่างจังหวัดนั้นข้อเสียเปรียบของบริษัทจากกรุงเทพฯ คือ “ต้นทุนที่ดิน” ซึ่งไม่สามารถสู้กับท้องถิ่นซึ่งเป็นแลนด์ลอร์ดดั้งเดิม มีที่ดินเก็บไว้ การไปแข่งราคาจึงไม่ใช่กลยุทธ์ที่เอาชนะได้ จึงต้องหันมาสู้ด้วยทำเลที่ดีพอ และภายในโครงการมีความแตกต่างให้ลูกค้าเลือกที่จะ “จ่ายแพงกว่าได้ถ้าให้มากกว่า”

 

3.พื้นที่ส่วนกลางแบบกรุงเทพฯ

ความแตกต่างที่ว่านั้นส่วนใหญ่หมายถึง “พื้นที่ส่วนกลาง” เพราะปกติตลาดต่างจังหวัดโดยเฉพาะในเมืองรอง อสังหาฯ ท้องถิ่นจะไม่ค่อยมีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เช่น คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ แต่สิ่งเหล่านี้โครงการในกรุงเทพฯ เห็นกันจนชินตา และเอพีได้ยกไปไว้ในอภิทาวน์ด้วย

พื้นที่ส่วนกลางเป็นต้นทุนที่มากขึ้นทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น แต่เป็นคุณภาพชีวิตแบบใหม่ในไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ลูกค้าต่างจังหวัดบางกลุ่มต้องการ และทำให้ตัดสินใจเลือกซื้ออภิทาวน์

อภิทาวน์ อุดรธานี
4.ที่อยู่อาศัยแบบ ‘customize’ ให้ตรงกับแต่ละจังหวัด

อภิทาวน์เป็นแบรนด์ที่สามารถลงได้ทั้งสินค้าบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ แล้วแต่ว่าสินค้าแบบไหนจะเหมาะกับพื้นที่โครงการนั้น

ตัวอย่างเช่น “อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา” เป็นทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรม ทำให้ลูกค้าหลักจะเป็นพนักงานในนิคมฯ มักจะเป็นคู่รักหรือครอบครัวเล็ก อยู่กันเพียง 2-3 คน จึงเลือกลงสินค้าเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน ราคาเริ่ม 2 ล้านบาท เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และราคาจับต้องง่าย

ขณะที่ “อภิทาวน์ อุบลราชธานี” จะแตกต่างสิ้นเชิง เพราะลักษณะตลาดเป็นครอบครัวขยาย อยู่กัน 2-3 เจนเนอเรชันในบ้านหลังเดียว และเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่มีกำลังซื้อ จึงเลือกลงสินค้าเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 4 ห้องนอน ซึ่งต้องมีห้องนอนชั้นล่างให้กับผู้สูงอายุ ทำราคาเริ่ม 5-6 ล้านบาท

ตัวอย่างโปรดักส์แบบทาวน์เฮาส์ที่ อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา
5.จูงใจด้วย “อัตราดอกเบี้ย”

เนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้เอพีจะได้เปรียบเรื่องคอนเน็กชันกับธนาคารพาณิชย์ มีแพ็กเกจสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยราคาพิเศษให้กับลูกค้า ส่วนใหญ่แล้วจะให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบริษัทท้องถิ่นราว 0.8 – 1.3% หรือเท่ากับงวดผ่อนที่ต่ำกว่าประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจุดนี้เป็นหมัดเด็ดในการจูงใจให้ลูกค้าเลือกซื้อ

 

สร้างแบรนด์ “อภิทาวน์” ให้แน่นด้วยแคมเปญเชื่อมโยง “อาหารถิ่น”

อีกโจทย์หนึ่งที่ต้องตีให้แตกคือ “คนต่างจังหวัดยังไม่ค่อยรู้จักเอพีหรืออภิทาวน์” ปีนี้เอพีจึงมีแคมเปญที่จะสร้างแบรนด์ให้คนต่างจังหวัดรู้จักมากขึ้นคือ “อภิทาวน์ทั่วไทย x เชฟกะปอม” (*ผู้เข้าแข่งขัน มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ซีซัน 2)

เชฟกะปอม มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ซีซัน 2

คอนเซ็ปต์คือการพาเชฟกะปอมไปทำกิจกรรมฝึกทำอาหารท้องถิ่นรสชาติ ‘ฝีมือแม่’ ใน 5 จังหวัดที่เป็นตัวแทนแต่ละภูมิภาค ได้แก่ เชียงราย สุราษฎร์ธานี ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ และอุบลราชธานี พร้อมกับทำคอนเทนต์เป็นซีรีส์ออนไลน์ เผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในจังหวัดนั้นๆ

“เราอยากให้แคมเปญนี้ทำให้คนรู้จักเอพีและอภิทาวน์ และมีมุมมองว่าแบรนด์นี้คือแบรนด์ที่จะมายกระดับคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยของเขา” วิทการกล่าว

สำหรับโครงการ “อภิทาวน์” ที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 2567 มีทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท เปิดใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี ทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่ม 1.99 ล้านบาท, ระยอง 2  – ทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่ม 2.09 ล้านบาท, หาดใหญ่  บ้านเดี่ยว (ยังไม่สรุปราคา) และ พิษณุโลก (ยังไม่สรุปโปรดักส์และราคา)

อภิทาวน์
โครงการอภิทาวน์ทั้งหมด 15 โครงการ รวมที่จะเปิดใหม่ 4 โครงการในปี 2567