“Apple” ปวดหัวจัด! เพราะตลาด “จีน” แบนการใช้ “ChatGPT” พลังเบื้องหลังฟีเจอร์ใหม่ใน iPhone

ภาพจาก Unsplash
“Apple” เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “AI” หรือ “Apple Intelligence” ที่จะผนวกเข้ากับ iPhone รุ่นใหม่ แต่ปัญหากำลังจะเกิดกับตลาดใหญ่ของบริษัทนั่นคือ “จีน” เพราะรัฐบาลจีนแบนไม่ให้ใช้งาน “ChatGPT” ภายในประเทศ ทำให้บริษัทต้องเร่งหาพันธมิตร AI จีนมาสนับสนุน iPhone ที่จะขายในแดนมังกร

เมื่อต้นเดือนนี้เอง “Apple” ประกาศฟีเจอร์ใหม่ “Apple Intelligence” โดยร่วมกับพันธมิตรคือ “OpenAI” เจ้าของเครื่องมือ “ChatGPT” เป็นผู้สนับสนุนการพัฒนาฟีเจอร์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม Apple อาจจะต้องเผชิญปัญหากับตลาด “จีน” เพราะจีนเป็นประเทศแรกๆ ในโลกนี้ที่มีการวางกฎระเบียบควบคุมการใช้เทคโนโลยี Generative AI

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานกำกับดูแลโลกไซเบอร์ของจีน ซึ่งเป็นผู้ดูแลอินเทอร์เน็ตระดับสูงสุดของประเทศ ได้ออกแนวปฏิบัติใหม่สำหรับอุตสาหกรรมนี้ว่า บริษัทใดก็ตามที่ต้องการทดลองใช้งาน Generative AI จะต้องขออนุญาตจากทางการก่อนเท่านั้น ที่ผ่านมาสำนักงานฯ ดังกล่าวได้ให้อนุญาตโมเดล AI ไปแล้วมากกว่า 100 โมเดล ซึ่งทั้งหมดเป็น AI จากบริษัทจีน

สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า Apple กำลังมองหาบริษัทผู้พัฒนา AI จากจีนเพื่อเป็นพันธมิตรร่วมกัน ก่อนที่ iPhone รุ่นใหม่จะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ แต่ปัจจุบันทางบริษัทยังไม่สรุปดีลกับใคร

Apple จำเป็นต้องหาพันธมิตรในจีนอย่างรวดเร็ว เพราะยอดขายสมาร์ทโฟนของ Apple ทั่วโลกตกลงถึง 10% ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ IDC Research บริษัทวิจัยตลาด เหตุผลหลักเกิดจากยอดขายที่ตกลงแรงในประเทศจีน ซึ่งเป็นเพราะความรู้สึกชาตินิยมที่เกิดขึ้นในประเทศ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจตกต่ำและการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ตลาดจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ Apple

ข้อมูลจากบริษัทวิจัย Counterpoint Research พบว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนแบรนด์ Huawei เติบโตพุ่งถึง 70% ในจีนเมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมา ซึ่งถ้าหาก iPhone ยังไม่มีอะไรใหม่อย่างการใส่ฟีเจอร์ AI ลงมาอย่างสมบูรณ์ ลูกค้าก็อาจจะรอไปก่อนและยังไม่ซื้อรุ่นนี้

“Apple มีโอกาสสูงมากที่จะได้พันธมิตรท้องถิ่นในจีนเพื่อมาแทนที่ OpenAI เพราะพูดง่ายๆ ก็คือ บริษัทจำเป็นต้องมีให้ได้” นาบิล่า โพพาล ผู้อำนวยการอาวุโสที่ IDC Research กล่าว “ผู้บริโภคจีนย่อมคาดหวังว่าโทรศัพท์ระดับพรีเมียมของพวกเขาจะมีฟังก์ชัน AI ทันสมัยที่สุด และน่าจะลังเลการใช้จ่ายเงินมากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐไปกับอุปกรณ์ที่ไม่มี AI”

ในขณะเดียวกัน รีซ เฮย์เดน นักวิเคราะห์จาก ABI Research มองว่า บริษัท AI ในจีนก็อาจจะพุ่งเป้าผู้บริโภคชาวจีนได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะบริษัทเหล่านี้มีการศึกษาโมเดล AI ที่แยกย่อยภาษาถิ่นของคนจีนด้วย

หาก Apple มีพันธมิตรบริษัทจีนก็จะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะบริษัทสมาร์ทโฟนต่างชาติรายแรกที่มีการจับมือกับบริษัทจีนคือ “Samsung” พวกเขาจับมือกับ “Baidu” บิ๊กเทคจีน ไปก่อนหน้านี้แล้ว และนำโมเดล AI ของ Baidu มาสนับสนุนการบริการแปลภาษาในเครื่อง รวมถึงมีการจับมือ “Meitu” เพื่อใช้ AI ตัดต่อตกแต่งรูปภาพ ซึ่งถือเป็นการทำงานเฉพาะให้กับตลาดจีน เพราะในมือถือเครื่องอื่นในโลกนี้ Samsung ใช้ AI โมเดล “Gemini” ของ “Google” มาสนับสนุนฟีเจอร์ และแน่นอนว่า Gemini ถูกแบนในจีน

นอกจากจีนแล้ว Apple อาจจะเผชิญปัญหากับสหภาพยุโรปในแบบเดียวกัน ตามรายงานข่าวของ CNN พบว่า ฟีเจอร์ Apple Intelligence อาจจะยังไม่พร้อมใช้งานในยุโรปภายในปีนี้ เนื่องจากกฎระเบียบในกฎหมายการตลาดดิจิทัล (Digital Markets Act: DMA) ของอียู ซึ่งทางบริษัท Apple ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการยุโรปเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาเพื่อตอบสนองลูกค้าในอียูต่อไป

Source