“Honda Motor” และ “Nissan Motor” ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ “รถอีวี” เช่น ซอฟต์แวร์ แบตเตอรี เพื่อลดต้นทุนการพัฒนาของทั้งสองฝ่ายและทำให้แข่งขันในตลาดต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะ “จีน” ซึ่งยอดขายของทั้งสองบริษัทกำลังตกต่ำ
ขณะที่ “Mitsubishi Motors” ซึ่งมีดีลความร่วมมือกับ “Nissan” มาตั้งแต่ปี 2016 จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์รวม 3 บริษัท ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเจรจาเป็นพันธมิตรด้านเงินทุนระหว่าง Honda และ Nissan หรือไม่ โทชิฮิโร มิเบะ ประธานบริษัท Honda กล่าวว่า “เรายังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรด้านเงินทุนในขณะนี้ แต่ก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้”
เมื่อร่วมกัน 3 บริษัทแล้วจะทำให้ต้นทุนการพัฒนาลดลง และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งญี่ปุ่นด้วยกันได้ เพราะก่อนหน้านี้มี 4 บริษัทญี่ปุ่น ได้แก่ Toyota Motor, Subaru, Suzuki Motor และ Mazda Motor ที่ประกาศสร้างกิจการร่วมค้า ผนึกกำลังกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปแล้ว
“แม้ว่าเราจะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่เรามีความท้าทายเหมือนกัน” มาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan กล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับมิเบะ “ประเด็นหลักของความร่วมมือของเราจะเป็นด้านซอฟต์แวร์”
บริษัทรถญี่ปุ่นนั้นกำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดใน “จีน” อย่างต่อเนื่อง หลังจากรถยนต์ไฟฟ้าจีน เช่น BYD ได้รับความนิยมสูงขึ้น และกินส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถยนต์พรีเมียม เฉพาะเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดขายของ Honda ในจีนตกลงถึง 40% และของ Nissan ก็ตกลง 27% เมื่อสัปดาห์ก่อน Honda เพิ่งจะตัดสินใจลดการผลิตรถสันดาปในฐานผลิตที่จีนลง 19% ส่วน Mitsubishi Motors ถึงกับถอนฐานผลิตออกจากจีนไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน
“Honda และ Nissan กำลังเผชิญกับความยากลำบากในจีน และพวกเขาจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นถึงจะยังอยู่ในตลาดที่นั่นได้” ทัตซูโอะ โยชิดะ นักวิเคราะห์ยานยนต์อาวุโสจาก Bloomberg Intelligence กล่าว ดังนั้น การเป็นพันธมิตรนี้จึง “มีเหตุผล”
อูชิตะ ซีอีโอของ Nissan กล่าวด้วยว่า แบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าต้องใช้การลงทุนมหาศาล ดังนั้น การที่บริษัทรถตกลงร่วมมือกันพัฒนาในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการสร้างความมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้ผลตอบแทนจากการทุ่มทรัพยากรลงไป
สำหรับผลงานในช่วงครึ่งปีแรก 2024 ทั้ง 3 บริษัทในความร่วมมือนี้คือ Honda, Nissan และ Mitsubishi สร้างยอดขายรถยนต์ไป 4 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งยังน้อยกว่า Toyota แค่บริษัทเดียวที่สามารถขายได้ 5.2 ล้านคัน
- “Uber” เซ็นดีล “BYD” นำรถอีวี “100,000 คัน” ปล่อยราคาพิเศษให้คนขับในยุโรป-ละตินอเมริกา
- มอเตอร์ไซค์ก็ไม่รอด! ‘ฮอนด้า’ ประเมินตลาดปี’67 หดตัว 10% เร่งเข็นรถ 8 รุ่นใหม่กระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง
การต่อสู้ของบริษัทรถญี่ปุ่นในตลาดโลกนั้นมีแรงหนุนจากรัฐบาลด้วย โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่ารถญี่ปุ่นจะต้องได้ส่วนแบ่งตลาด 30% ในตลาดโลกภายในปี 2030
“รัฐบาลและบริษัทรถญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติแล้วว่า ญี่ปุ่นจะไม่ชนะในตลาดถ้าสถานะยังเป็นแบบนี้ต่อไป” ทาเครุ อิโตะ ผู้อำนวยการที่สำนักงานการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลด้านการเคลื่อนที่ของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมกล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้ว