‘BYD’ โชว์ปี 2024 กวาดรายได้ทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์ ค่อย ๆ ทิ้งห่าง ‘Tesla’ คู่แข่ง

หลังจากที่เริ่มบุกตลาดโลก บีวายดี (BYD) ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง เทสลา (Tesla) กำลังอยู่ในช่วงขาลงจากทั้งการแข่งขันที่รุนแรง และภาพลักษณ์ของ    อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอ ที่ส่งผลต่อแบรนด์

BYD ค่ายรถอีวียักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 7.77 แสนล้านหยวน หรือ 1.07 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอดขายเพิ่มขึ้น +29% คิดเป็นยอดส่งมอบรถทั้งหมด 4.27 ล้านคัน ในขณะที่ Tesla คู่แข่งคนสำคัญทำรายได้ 9.77 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นยอดส่งมอบรถทั้งหมด 1.79 ล้านคัน ลดลง -1.1% 

ในปีนี้ ยอดส่งออกของ BYD ก็ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 BYD ส่งออกรถไปแล้ว 133,361 คัน เติบโต +124% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ด้านของ Tesla กำลังเจอปัญหาในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็น จีน ที่ยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมากกว่า -50% อีกตลาดก็คือ ยุโรป ที่ส่วนแบ่งการตลาดของ Tesla ในช่วง 2 เดือนแรกลดลงเหลือ 7.7% จาก 18.4% ในปี 2024

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดขายของ Tesla กำลังดิ่งลงเหวเป็นผลมาจาก พฤติกรรมของมัสก์ ที่กำลังส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาเป็น ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเป็นผู้ดูแลกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล นอกจากนี้ มัสก์มักจะแสดงความเห็นแทรกแซงเกี่ยวกับ การเมืองในต่างประเทศ 

อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ BYD อาจจะทิ้งห่าง Tesla ได้มากกว่านี้หรือไม่ ทั้งในแง่ยอดขายและเทคโนโลยี โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BYD ได้เปิดตัว ระบบชาร์จเร็วพิเศษ ที่ชาร์จเพียง 5 นาที วิ่งได้ 400 กิโลเมตร แซงหน้าเทคโนโลยีการชาร์จของ Tesla Superchargers ของ Tesla ใช้เวลา 15 นาทีในการชาร์จและให้ระยะ 320 กิโลเมตร

นอกจากนี้ BYD ได้เปิดตัวระบบ God’s Eye ช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเมื่อเดือนที่แล้ว แถมยังให้ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งนักวิเคราะห์ มองว่า การอัปเกรดฟรีของระบบผู้ช่วยขับรถอัจฉริยะ ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ Tesla และผู้ผลิตรถอีวีสัญชาติจีนรายอื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม บริการ Full Self-Driving (FSD) ของ Tesla ต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกรายเดือนที่ 99 ดอลลาร์ หรือการชําระเงินครั้งเดียว 8,000 ดอลลาร์ ทำให้ Tesla อาจต้องยอมลดราคา

Source