โมโตโรล่า ตอกย้ำพันธสัญญาที่มีต่อประเทศไทย หลังผลประกอบการยอดเยี่ยม

มร. เอ็ด แซนเดอร์ ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร โมโตโรล่า อิงค์ ได้เดินทางเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อยืนยันพันธสัญญาที่โมโตโรล่ามีต่อประเทศไทย พร้อมแสดงจุดยืนของโมโตโรล่าในวิสัยทัศน์เรื่อง “Seamless Mobility” หรือการสื่อสารแบบไร้รอยต่อ

การเดินทางเยือนประเทศไทยเป็นระยะเวลา 1 วัน ของผู้นำบริษัทโมโตโรล่าในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนประเทศในภูมิภาคเอเชียเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีการเติบโตเป็นอย่างสูงสำหรับโมโตโรล่า โดยประเทศที่ มร.แซนเดอร์ เดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียตนาม สำหรับการเดินทางเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ มร.แซนเดอร์ มีกำหนดการเข้าพบผู้แทนจากมูลนิธิชัยพัฒนา รวมถึงเข้าพบเจ้าหน้าที่รัฐบาลในสังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ลูกค้า และพันธมิตรรายสำคัญของโมโตโรล่า

“ในฐานะที่เป็นตลาดที่มีการเติบโตเป็นอย่างสูง ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีความสำคัญลำดับต้นๆ ในภูมิภาคนี้สำหรับโมโตโรล่า และจากการตอบรับอย่างสูงที่มีต่อผลิตภัณฑ์โมโตโรล่าในประเทศไทย ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเห็นถึงศักยภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้เทคโนโลยีที่ทรงประสิทธิภาพ” มร. แซนเดอร์ กล่าว

“ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นถึงพัฒนาการที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยในขณะนี้ การก้าวสู่เทคโนโลยีสื่อสารรูปแบบใหม่ อย่าง 3จี และ ไวแมกซ์ จะช่วยผลักดันให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถก้าวสู่โลกของการสื่อสารที่สามารถเชื่อมต่อ สื่อสารถึงกัน และเพลิดเพลินกับคอนเทนท์ต่างๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือเครือข่ายรูปแบบใด สำหรับโมโตโรล่าเราเรียกวิสัยทัศน์ดังกล่าวว่า “Seamless Mobility” หรือการสื่อสารแบบไร้รอยต่อ“ มร. แซนเดอร์ กล่าวเสริม

การเดินทางเยือนประเทศไทยของ มร. แซนเดอร์ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากโมโตโรล่าได้ประกาศผลประกอบการที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย โดยในปี 2548 โมโตโรล่าได้รายงานยอดขายโดยรวมอยู่ที่ 36.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว 18 เปอร์เซ็นต์ และรายได้ต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.82 เหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 102 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ตัวเลขผลประกอบการสำหรับ โมโตโรล่า ประเทศไทย รายงานยอดขายโทรศัพท์มือถือเพิ่มสูงขึ้นถึง 84 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และจำนวนเครื่องโทรศัพท์ที่จำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น 74 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นแนวโน้มที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับโมโตโรล่า อย่างไรก็ดี ปี 2548 นับว่าเป็นปีที่ โมโตโรล่า ประเทศไทย มีการเติบโตสูงสุด

“พิจารณาจากผลประกอบการที่ผ่านมา เราเชื่อว่าในปี 2549 นี้ จะเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของโมโตโรล่า ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวแฟลกชิพสโตร์ (Flagship Store) โมโตโรล่าเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมนี้ โมโตโรล่ายังคงยืนยันพันธสัญญาในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างอิสระในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ที่บ้าน หรือเพื่อความสนุกสนาน” นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมโตโรล่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ตลอดระยะเวลากว่า 36 ปี ที่โมโตโรล่าได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ระบบการสื่อสารเคลื่อนที่ของโมโตโรล่าได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบการสื่อสารของกองทัพอากาศ การควบคุมเขตชายแดน การบริการในช่วงเวลาฉุกเฉิน การจัดการสนามบิน และงานสาธารณะทั่วไป โมโตโรล่าได้แสดงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเพื่อการพัฒนาตลาดให้ก้าวไปสู่การรวมโซลูชั่นด้านการสื่อสารเข้าไว้ด้วยกัน

ข้อมูลเกี่ยวกับโมโตโรล่า
โมโตโรล่า ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย และบรอดแบรนด์ชั้นนำของโลก มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ที่โมโตโรล่ายึดมั่นมาโดยตลอด นั่นก็คือ ‘Seamless Mobility’ เพื่อนำเสนอความสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้นในทุกการติดต่อสื่อสาร การรับข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงในทุกที่ทุกเวลาที่คุณต้องการ ด้วยผลิตภัณฑ์อันเป็นที่ต้องการและยอมรับ รวมไปถึงการบริการที่ครอบคลุม และระบบเครือข่ายอันทรงประสิทธิภาพของโมโตโรล่า

โมโตโรล่า ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่มีชื่อจัดอยู่ใน ‘Fortune 100 company’ ของนิตยสาร Fortune ซึ่งเป็นทำเนียบของ 100 บริษัทที่มีรายได้ประจำปี 2548 สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยโมโตโรล่า มียอดการจำหน่ายในปี 2548 สูงถึง 36.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโมโตโรล่า คลิกไปที่ www.hellomoto.com/th