ไนท์แฟรงค์ฟันธงตลาดคอนโดเกรด เอ ยังไปได้สวย แนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน (high end) โดยเน้นเฉพาะโครงการที่เปิดขายระหว่างปี 2546-2548 ในบริเวณพื้นที่กรุงเทพชั้นใน ซึ่งพบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมเปิดขายทั้งตลาดจำนวน 26,500 ยูนิต จากทั้งหมด 125 โครงการ โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่สุขุมวิทจำนวน 6,233 ยูนิต (24%) รองลงมาคือ พื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจจำนวน 5,279 ยูนิต (20%) และพื้นที่ยานนาวา-บางคอแหลมจำนวน 4,848 ยูนิต (18%)

หากพิจารณาโครงการคอนโดมิเนียมทั้งตลาดตามระดับราคา พบว่า คอนโดเกรด เอ (ราคาขายเฉลี่ย 70,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป) มีจำนวน 6,051 ยูนิต (22.8%) ในขณะที่คอนโดเกรด บี (ราคาขายเฉลี่ย 50,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร) มีสัดส่วนสูงที่สุดในตลาด หรือประมาณ 12,614 ยูนิต (47.6%) และคอนโดเกรด ซี (ราคาขายเฉลี่ย 30,000-50,000 บาทต่อตารางเมตร) มีจำนวน 7,835 ยูนิต (29.6%)

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2549 ไนท์แฟรงค์ฯ พบว่ามีคอนโดเกรด เอ เปิดขายประมาณ 889 ยูนิต มากกว่าครึ่งปีแรก 2548 ที่มีการเปิดขายจำนวน 569 ยูนิต โครงการเปิดใหม่ในครึ่งปีแรก 2549 จะตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (เพลินจิต หลังสวน สีลม และสาทร) และพื้นที่บริเวณสุขุมวิทตอนกลาง ในขณะที่ยอดขายสะสมของคอนโดเกรด เอ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีหลัง 2548 มียอดขาย 874 ยูนิต หรือมียอดขายสะสมรวม 3,812 ยูนิต คิดเป็น 63% จากอุปทานรวม เพิ่มขึ้นจาก 61% ในครึ่งปีแรก 2548 ซึ่งมียอดขาย 559 ยูนิต หรือมียอดขายสะสมรวม 2,938 ยูนิต (คอนโดเกรดเอ เปิดตัวใหม่ในครึ่งปีหลัง 2548 มีถึง 1,234 ยูนิต) ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าอุปสงค์ของตลาดยังมีแนวโน้มการขยายตัวค่อนข้างดี

ในส่วนของราคาขายเฉลี่ยของคอนโดเกรด เอ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกทำเล ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจมีราคาขายเฉลี่ยของคอนโดเกรด เอ สูงที่สุด โดยในช่วงครึ่งปีหลัง 2548 ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 92,024 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่พื้นที่ย่านสุขุมวิทอยู่ที่ 83,694 บาทต่อตารางเมตร และในส่วนของพื้นที่ริมแม่น้ำบริเวณเจริญกรุง และเจริญนคร มีการพัฒนาโครงการคอนโดระดับบนเพิ่มมากขึ้น และเป็นโครงการขนาดใหญ่ ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดเกรด เอ อยู่ที่ 83,000 บาทต่อตารางเมตร

แนวโน้มในปี 2549 ตลาดคอนโดเกรด เอ ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะในด้านอุปทาน ในขณะที่ด้านอุปสงค์ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเช่นกัน แต่อาจเพิ่มในอัตราที่ลดลง เนื่องจากยังคงมีอุทานเปิดใหม่เข้ามาในตลาดจำนวนมาก โดยคาดว่าตลอดทั้งปี 2549 อาจจะมีโครงการเกรด เอ เปิดใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1,500 ยูนิต ในส่วนของราคา ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% เนื่องจากราคาที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งปีแรกของปี 2549 ราคาเสนอขายของโครงการคอนโดเกรดเอ เปิดใหม่ในย่านสุขุมวิทได้เพิ่มไปกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร

อย่างไรก็ตาม ความต้องการคอนโดระดับบนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ห้องพักขนาดเล็กสามารถทำยอดขายได้เร็วกว่าห้องพักขนาดใหญ่ นอกจากนี้ปัจจัยในด้านที่ตั้งทำเล รวมถึงรูปแบบการพัฒนาโครงการ ชื่อเสียงของผู้ประกอบการ และการบริหารงานขาย ล้วนแต่เป็นปัจจัยกำหนดความสำเร็จของการพัฒนาโครงการ แต่ด้วยภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาวัสดุก่อสร้าง รวมไปถึงราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตได้อย่างจำกัด