สองผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา“จุฬาฯ-หอการค้า” เชื่อแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 11 ที่เริ่มปี2006-2010 จะเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ของประเทศจีนในสายตาชาวโลกได้แบบก้าวกระโดด ชี้เฉพาะยุทธศาสตร์ “ออกไปข้างนอก” ส่งผลให้แบรนด์ขนาดยักษ์ของจีน ยกพลตีตลาดทั่วโลกชนิดคึกคักในวันนี้ สำนักพิมพ์โขงชีมูล เสือปืนไว อิงกระแส บิลล์ เกตส์ เมืองจีน ยกกรณีศึกษา 8 แบรนด์มังกรยักษ์ระดับโลกร่วมงาน
นายชาญ สิริมนตาภรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาธุรกิจไทย-จีน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากความยิ่งใหญ่ของประเทศจีนในปัจจุบัน ที่เป็นผลพวงจากแผนพัฒนาประเทศในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกและอีก 5ปี เชื่อว่าจะขึ้นไปอยู่อันดับ3 รองเพียงสหรัฐและญี่ปุ่น ด้วยมูลค่าตัวเลขกว่า 26 ล้านล้านหยวน(109.4ล้านล้านบาท) เพราะจีดีพีแต่ละปีโตเฉลี่ย 9-10% การส่งออกโตเฉลี่ยปีละ 20% ผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นปีละ 23% การลงทุนจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ)เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนสูงเป็นอันดับ1ของโลกหรือมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯแล้ว
“ยุทธศาสตร์ใหม่ของจีนตามแผนพัฒนาประเทศฉบับที่11 ที่เริ่มปี2006-2010 คือ “ออกไปข้างนอก” ในที่นี้คือ การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการของจีนไปสร้างความยิ่งใหญ่นอกประเทศ เพราะการใหญ่ในประเทศถือว่าใหญ่ยังไม่จริง ต้องไปสร้างแบรนด์ในต่างประเทศ เหมือนกับที่ญี่ปุ่น และเกาหลีทำสำเร็จมาแล้ว”
ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จีนได้วางยุทธศาสตร์การสร้างแบรนด์แบบเป็นขั้นตอนคือ สร้างแบรนด์ประเทศ(Country Image)และแบรนด์สินค้า(Product Image)คู่ขนานกันไป เฉพาะอย่างยิ่งหลังกีฬาโอลิมปิกปี 2008 และเวิร์ลด์ เอ็กโปร์2010 ที่จีนเป็นเจ้าภาพจะทำให้ชื่อสินค้าจีนเป็นที่รู้จักเหมือนกับสินค้าญี่ปุ่นและเกาหลีที่รู้จักกันดีในวันนี้
นายชาติเมธี แซ่หงษ์ กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์โขง ชี มูล กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น ทางสำนักพิมพ์จึงจัดทำพ็อกเก็ตบุคส์ในแนวซีรี่ย์เกี่ยวกับจีน เพื่อฉายภาพให้ชัดเจนขึ้น โดยได้เปิดตัวไปแล้วในชื่อ“Branding พญามังกร..วิถีใหม่สินค้าจีนบนลุ่มน้ำเจ้าพระยา” ซึ่งมีหัวใจสำคัญอธิบายยุทธ์ศาสตร์การสร้างแบรนด์สินค้าและการสร้างธุรกิจที่เริ่มจากศูนย์ ท่ามกลางกระแสที่มีเจ้าตลาดยึดพื้นที่ไว้หมดแล้ว แต่สามารถพลิกประสบความสำเร็จมาได้ ทั้งนี้ได้หยิบยกเอาแบรนด์จีนขนาดใหญ่มาเป็นกรณีศึกษาอย่างไฮเออร์ เลอโนโว ทีซีแอล วู่หลิง หลี่หนิง หัวเหว่ย ชิงเต่า และฉางฮง ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ได้วางแผนสร้างแบรนด์สินค้าในประเทศไทยและภูมิภาคอื่น ๆทั่วโลกให้เป็นที่รู้จักอย่างจริงจังและเป็นขั้นตอน
“หนังสือเล่มนี้ได้รับการตอบรับจากผู้สนใจอย่างดีและเร็ว ๆ นี้ สำนักพิมพ์โขง ชี มูล เตรียมนำหนังสือเข้าร่วมในงานสัมมนาในหัวข้อ “พบ บิลล์ เกตส์ เมืองจีน” ที่จะมาบรรยายถึงผลสำเร็จการทำธุรกิจในจีน ณ เมืองไทย ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ถนนราชดำเนิน รวมถึงการเตรียมจัดสัมมนาในเรื่องแบรนด์จีนในเร็ว ๆ นิ้อีกด้วย”