ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม และนิตยสาร Money & Wealth จัดเสวนาเรื่อง “เงินไทยไปลงทุนนอก : ทางเลือกใหม่ เพื่อการกระจาย ความเสี่ยง” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุนรวม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ นักลงทุนด้าน บลจ.ชั้นนำกว่า 10 แห่งร่วมออกบูธให้คำปรึกษา 6 มิถุนายนนี้ ที่หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ ฯ ถ.รัชดา
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Hard Topic ทาง Money Channel ว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ธปท. ได้ให้วงเงินกับนักลงทุนสถาบันไปลงทุนต่างประเทศ จำนวน 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้ว โดยในปัจจุบัน การนำเงินออกไปลงทุนยังน้อยมาก ในส่วนของนักลงทุน การลงทุนมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ระมัดระวัง และมีขั้นตอนการเรียนรู้ เนื่องจากความพร้อมของนักลงทุนยังไม่เท่ากัน ขณะนี้ ธปท. ได้เปิดให้มีทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น จากการที่ฐานะเงินสำรองของประเทศมีมากพอสมควรแล้ว แม้ว่า การอนุญาตให้นักลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศจะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก แต่ประเทศไทยก็มีเงินทุนไหลเข้ามามากเช่นกัน ดังนั้น หากเราทำนโยบายอย่างมีวินัย ดูแลเสถียรภาพให้ดี และตลาดมีธรรมาภิบาล ความกังวลในเรื่องเงินทุนไหลออกไม่น่าจะมีมากนัก ในระยะยาวประชาชนจะมีช่องทางการลงทุนมากขึ้น และทำให้การกระจายความเสี่ยงดีขึ้น ในด้านกองทุนต่าง ๆ นั้น ก็น่าจะนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนด้วย
ด้าน นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้สนับสนุนโครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม กล่าวว่า การเปิดเสรีทางการเงิน ให้นักลงทุนได้มีโอกาสเคลื่อนย้ายเงินทุนนั้น ถือเป็นอีกความพยายามหนึ่งในการพัฒนาตลาดทุนไทยในด้านอุปทาน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งจะเป็นกลไกผลักดันให้เกิดการแข่งขัน ซึ่งในปัจจุบันผู้ลงทุนรายย่อยของไทย ไม่สามารถไปลงทุนในตราสารทางการเงินในต่างประเทศได้โดยตรง จึงต้องลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เท่านั้น
นายมาริษ ท่าราบ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า “ ภายใต้สถาวะการณ์ปัจจุบัน การแข็งค่าของเงินบาทถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ แต่นักลงทุนจะต้องพิจารณานโยบายการลงทุนของกองทุน FIF อย่างละเอียด ทั้งประเภทสินทรัพย์ที่จะลงทุน หรือภูมิภาค ที่จะไปลงทุน เป็นต้น กองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศ จะช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งก็ได้รับความสนใจทั้งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ที่ได้ออกกองทุนใหม่มานำเสนอต่อผู้ลงทุน และนักลงทุนเองทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อย ซึ่งได้สร้างสีสันให้กับธุรกิจกองทุนรวมได้มาก และแม้วัตถุประสงค์หลักของกองทุน FIF เพื่อการกระจายความเสี่ยงก็ตาม แต่ในแง่ของผลตอบแทนก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเช่นเดียวกัน ซึ่งขึ้นกับประเภทของสินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุน”
“ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2550 มีกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) จัดตั้งแล้ว 33 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 30,640 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากพอสมควร ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน โครงการให้เงินทำงาน ผ่านกองทุนรวม* และนิตยสาร Money & Wealth จึงได้ร่วมจัดบรรยายพิเศษและสัมมนา “เงินไทยไปลงทุนนอก : ทางเลือกใหม่ เพื่อการกระจายความเสี่ยง” เพื่อให้นักลงทุนได้รู้จักและเข้าใจมากขึ้น” นายมาริษกล่าวเพิ่มเติม
อนึ่งการสัมมนาดังกล่าวจะจัดให้มีขึ้นในวันพุธ ที่ 6 มิถุนายน 2550 ตั้งแต่เวลา 13.3 0 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์ สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ.รัชดาฯ โดยเริ่มด้วยบรรยายพิเศษ “ เพิ่มโอกาสให้เงินไทย ในตลาดการเงินเสรี ” โดย คุณผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตามด้วยการเสวนา “ เงินไทยไปลงทุนนอก: ทางเลือกใหม่ เพื่อการกระจายความเสี่ยง” โดยได้รับเกียรติจาก นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายมาริษ ท่าราบ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และนักลงทุนมืออาชีพ นพ.บุญ วนาสิน ประธานโรงพยาบาลปิยะเวช และดำเนินรายการโดยคุณเนาวรัตน์ เจริญประพิณ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ( บลจ.) กว่า 10 แห่ง ผนึกกำลังร่วมออกบูธนิทรรศการและให้คำปรึกษา พร้อมแจกของสมนาคุณมากมายเมื่อจองซื้อหน่วยลงทุน FIF ในงาน
สำหรับท่านที่สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ หมายเลข 0 2203 9701 และ www.moneychannel.com