ไดก้า เอสเตท รุกอสังหาฯเมืองพัทยา ส่ง The Sanctuary คอนโดติดหาด

ไดก้า เอสเตท ส่ง The Sanctuary Wong Amat เจาะตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับพักอาศัย และ ตากอากาศ เน้นคอนเซ็ปต์ Tropical Contemporary ติดชายหาดส่วนตัว และ ปราสาทสัจธรรม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับผู้ที่รักทะเลสะอาดและธรรมชาติบริสุทธิ์ มั่นใจ ที่พักอาศัยในพัทยายังมีทิศทางเติบโตที่ดี พร้อมดึง ฮาริสัน เข้าบริหารงานขาย คาดได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายทั้งไทย และต่างชาติเป็นอย่างดี

คุณนิพนธ์ อติชาตการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดก้า เอสเตท จำกัด เจ้าของ โครงการคอนโดมิเนียมหรู The Sanctuary Wong Amat ซึ่งมีพื้นที่ตั้งติดชายหาดวงศ์อำมาตย์ พัทยา เปิดเผยว่า สำหรับโครงการ The Sanctuary ถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม โลว์ไรซ์ บนพื้นที่รวม 9 ไร่ โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 อาคาร ประกอบด้วยอาคารสูง 5 ชั้น จำนวน 1 อาคาร และอาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ห้องพักอาศัยมีขนาด 90- 300 ตารางเมตร ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่ 1 – 5 ห้องนอน มีจำนวนห้องพักอาศัย รวม 172 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท และมูลค่าโครงการรวมกว่า 2 พันล้านบาท

สำหรับโครงการ The Sanctuary Wong Amat เป็นคอนโดมิเนียมสำหรับพักอาศัย ซึ่งผสมผสาน การพักผ่อนที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวเข้ากับธรรมชาติที่งดงามได้อย่างลงตัว โดยได้ออกแบบโครงการ ให้มีสไตล์รีสอร์ท แบบ Tropical Contemporary ซึ่งมุ่งเน้นความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย และทันสมัย อย่างแท้จริง ห้องพักทุกห้องสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลได้อย่างชัดเจน พร้อมมีชายหาดส่วนตัว ซึ่งติดอยู่กับโครงการ สามารถลงเล่นน้ำได้ทุกเมื่อ และ ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ทำให้โครงการร่มรื่น เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้โครงการยังเพิ่มความสะดวกสบาย ด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่จัดสรรไว้มากถึงกว่า 60 % ของพื้นที่โครงการทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเทนนิส พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยอย่างครบครัน ขณะเดียวกันบริเวณรอบ ๆ โครงการยังมีสถานทีพักผ่อนอื่น ๆ มากมาย อาทิ สนามกอล์ฟ สโมสรเรือยอร์ท สนามฝึกขี่ม้า สนามยิงธนู และศูนย์รวมกีฬาทางน้ำนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น เจ็ตสกี สกีน้ำ ดำน้ำ ฯลฯ

“โครงการนี้เราออกแบบโดยเน้นความเป็นส่วนตัวสำหรับการพักอาศัย และการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยโครงการเราถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ติดกับชายหาดสวยที่อาจจะหาไม่ได้แล้วในพัทยา ขณะที่ตัวโครงการมีความได้เปรียบทั้งในด้านของทำเลที่ตั้งที่ติดหาด และเป็นหาดแบบส่วนตัว ห้องพักทุกห้อง

ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันในรูปแบบของ Modern ผสมกลิ่นไอของ Tropical ที่เต็มไปด้วยต้นไม้รายล้อม
โครงการ พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงจากสนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น” คุณนิพนธ์ กล่าว

คุณนิพนธ์ กล่าวต่อไปว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการจะเน้นไปที่ กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ที่ต้องการที่พักอาศัย และที่พักผ่อนตากอากาศในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร มีความเป็นส่วนตัวในแบบ เอ็กซ์คลูซีฟ (Exclusive) และสะดวกสบายในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะการเดินทางจากกรุงเทพ และ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยในปัจจุบันตลาดที่พักอาศัย และที่พักสำหรับตากอากาศในพัทยา ถือว่าได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเห็นได้ว่ามีโครงการหลากหลายรูปแบบเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในส่วนของชาวต่างชาติก็นิยมที่จะมาพักผ่อน หรือบางคนก็ใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยหลังการเกณียณอายุด้วยเช่นกัน ซึ่งจากรูปแบบของโครงการ ทำเลที่ตั้ง คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี รวมถึงผู้มองหาโอกาสในการลงทุนทางอสังหาริมทรัพย์ ที่จะมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโครงการ ที่มีพื้นที่สวยติดทะเล

สำหรับในด้านการขายและการตลาด บริษัทฯได้มอบหมายให้ บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแล โดยโครงการมีกำหนดเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2550 ขณะที่ในช่วงแรกที่มีการเปิดจองแบบพรีเซลส์ ปรากฏว่ามียอดจองแล้วเกินกว่า 30% โดยในช่วงนี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจซึ่งประกอบไปด้วย โทรทัศท์ขนาดใหญ่ หรือ ชุดครัวสุดหรู นอกจากนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายนั้น จะเน้นทั้งกลุ่มเป้าหมายชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งที่อยู่อาศัย ในกรุงเทพฯและพัทยา ผ่านสื่อต่าง ๆหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อให้สามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด

ผู้บริหาร บริษัท ไดก้า เอสเตท จำกัด ประกอบด้วยกลุ่มผู้ดำเนินงานธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีประสบการณ์อันยาวนาน โดยก่อนหน้านี้มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ มายาวนาน ในกรุงเทพ ทั้งในเขตสุขุมวิท บางรัก และ สวนหลวง บริษัทมีโครงการเป้าหมายที่จะขยายตัวทั้งในเขตกรุงเทพ ภูเก็ต และ พัทยา