ศุภาลัย แนะซื้อบ้าน-คอนโด รับมือเงินเฟ้อ ตอกย้ำขายราคาเดิมอีก 20 ยูนิต/โครงการ

ศุภาลัย แนะเคล็ดลับซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียม รับมือภาวะเงินเฟ้อ ชี้ข้อดีซื้อบ้านล็อตสุดท้าย ต้นทุนเดิม ตอนราคายังไม่ปรับ ย้ำควรพิจารณาความจำเป็น ทำเล รายได้ และคุณภาพสินค้า ก่อนราคาบ้านปรับตัวพุ่งแตะ 10% ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมชูจุดเด่นโครงการศุภาลัย มีรูปแบบให้เลือกหลากหลายและขายราคาเดิมประมาณ 20 ยูนิต ต่อโครงการ ภายในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภาวะอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 3%ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านอยู่ที่ 6-7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 9% และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่า 10% ในอนาคต เนื่องจากต้นทุนราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง

สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในบางส่วนก็ยังไม่ได้ปรับราคาบ้านและคอนโดมิเนียมในส่วนของล็อตเดิม เพราะมีความกังวลเรื่องการชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านของประชาชน จึงยอมแบกภาระเรื่องต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นไว้เอง

ดังนั้น ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ถือเป็นจังหวะโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจซื้อบ้านในยุคเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นได้เป็นอย่างดี เพราะมีความมั่นคง ไม่มีความเสี่ยง และมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต อันเป็นข้อได้เปรียบกว่าการลงทุนซื้อทรัพย์สินประเภทอื่นๆ อาทิ การลงทุนหุ้น,ทองคำ ที่มีอัตราการผันผวนมากว่า

อย่างไรก็ตาม ราคาบ้านและคอนโดฯ จะต้องมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นในส่วนของโครงการใหม่อาจใกล้เคียง 10% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้ราคาบ้านคงเหลือในตลาดโดยรวมอยู่ที่ 5-6% อันเนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละรายมีจำนวนโครงการบ้านและคอนโดฯ ในส่วนของล็อตเดิม ไม่เกิน 5% และกำลังเปลี่ยนไปล็อตใหม่ซึ่งราคาปรับสูงขึ้น เพราะต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทั้งราคาที่ดิน ราคาเหล็ก ราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงาน และดอกเบี้ยเงินกู้

นายอธิป กล่าวเพิ่มเติมว่า ศุภาลัย มีจุดเด่นเกี่ยวกับโครงการบ้านและคอนโดฯ ให้ผู้บริโภคเลือกซื้อหลากหลายทำเลและประเภท จึงทำให้มีโครงการที่ขายในราคาเดิมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20 ยูนิตต่อโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีโครงการทั้งสิ้นกว่า 30 โครงการ ส่วนโครงการที่เริ่มก่อสร้างใหม่ได้มีการทยอยปรับราคาบ้าน 5-6% ใกล้เคียงกับราคาตลาดโดยรวม

“เชื่อว่าภายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ นับเป็นจังหวะโอกาสที่ดีสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโดฯ เพราะเป็นวิธีการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่ฉลาดที่สุด ทั้งนี้ ศุภาลัย มีโครงการที่ขายราคาเดิมให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้ออยู่พอสมควร” นายอธิป กล่าวย้ำ

นอกจากนี้ นายอธิป ได้แนะนำวิธีการเลือกซื้อบ้านในยุคเงินเฟ้อว่า จะต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ คือ อันดับแรกจะต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้บริโภค ทำเลที่มีความต้องการ เช่น ใกล้ที่ทำงาน เป็นต้น อีกทั้งควรคำนึงถึงงบประมาณที่จะซื้อและผ่อนชำระ ตลอดจนคุณภาพสินค้าด้วย