“แคนนอน” เน้นย้ำภาพผู้นำตลาดกล้อง DSLR เปิดตัว EOS 1000D

แคนนอนเอาใจคนเล่นกล้อง เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR รุ่น EOS 1000D ความละเอียด 10.1 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช Speedlite 430EX II ชูจุดเด่นประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย และคุ้มค่าเงิน

นายวรินทร์ ตันติพงศ์พานิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ขณะนี้กระแสความนิยมกล้อง DSLR ในประเทศไทยกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมา แคนนอนซึ่งถือเป็นผุ้บุกเบิกนวัตกรรมเทคโนโลยีกล้องถ่ายรูปชั้นนำ ประสบความสำเร็จมากในการเปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR หลายต่อหลายรุ่นสู่ตลาดไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งที่ 48% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 ในครั้งนี้เราจึงภูมิใจอย่างยิ่งที่จะเปิดตัวกล้อง EOS 1000D ออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้”

กล้องแคนนอน EOS 1000D เป็นกล้องดิจิตอลทรงประสิทธิภาพ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถรอบด้านคุ้มค่าเงิน ถ่ายภาพคมชัดได้ถึง 10.1 ล้านพิกเซลโดยให้สีสันสมจริงเป็นธรรมชาติ และมีฟังก์ชั่นครบครันสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์เสริมทั่วไป เช่น เลนส์ และแฟลชได้หลากหลาย

ทรงประสิทธิภาพด้วยหน่วยประมวลผล DIGIC III และเซนเซอร์ CMOS 10.1 ล้านพิกเซล
EOS 1000D อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพการถ่ายภาพระดับสูง มีจุดเด่นอยู่ที่เซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 10.1 ล้านพิกเซลที่ให้ภาพคมชัดทุกรายละเอียด และชิปประมวลผลภาพอัจฉริยะ DIGIC III เช่นที่มีอยู่ในกล้องระดับไฮเอนด์รุ่นอื่นๆของแคนนอน ทำให้ EOS 1000D สามารถประมวลผลสีภาพได้สมจริงเป็นธรรมชาติด้วยความเร็วสูง พร้อมระบบลดสัญญาณรบกวน (Noise Reduction) แม้จะถ่ายภาพด้วยค่าความไวแสงสูงๆ ก็ตาม

EOS 1000D สามารถเลือกบันทึกภาพได้ทั้งแบบ JPEG และ RAW ลงในเมมโมรี่การ์ดแบบ SD หรือ SDHC

คู่ใจนักถ่ายภาพ
กล้อง EOS 1000D เป็นการผสมผสานลักษณะเด่นระหว่างกล้องคอมแพคซึ่งใช้งานง่ายเข้ากับประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมของกล้องดิจิตอล SLR กล้อง EOS 1000D จึงครบครันด้วยคุณลักษณะการใช้งานหลากหลาย สามารถยกระดับฝีมือการถ่ายภาพของผู้ใช้ได้อย่างง่ายดาย และด้วยคุณสมบัติพร้อมใช้งานได้ทันทีภายในเวลาเพียง 0.1 วินาที พร้อมออโต้โฟกัส 7 จุดแบบ wide-area AF system ผู้ใช้จึงสามารถบันทึกภาพได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็ว 3 ภาพต่อวินาที

คุณลักษณะประการหนึ่งที่ผู้ใช้กล้องคอมแพคมักคิดถึงกันมากที่สุดเมื่อหันมาใช้กล้องดิจิตอล SLR ทั่วไปก็คือ การบันทึกภาพด้วยจอ LCD แทนที่การบันทึกภาพแบบ Optical โดยทั่วไป จอ LCD ของกล้องดิจิตอล SLR ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้มองภาพเท่านั้น แต่ด้วยเซนเซอร์ CMOS ของ EOS 1000D ซึ่งมีระบบชัตเตอร์แบบกล (mechanical shutter) ทำให้ชัตเตอร์ของกล้องรุ่นนี้สามารถเปิดใช้งานอยู่เสมอแม้อยู่ในโหมด shooting นอกจากนี้ จอ LCD ขนาด 2.5 นิ้วของกล้อง EOS 1000D ยังสามารถเลือกใช้โหมด Live View ซึ่งจะให้ผู้ใช้สามารถเห็นภาพจริงก่อนถ่ายผ่านจอ LCD ได้เหมือนกล้องคอมแพคทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อนำกล้อง EOS 1000D เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกโหมด Live View โดยมองภาพผ่านจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแทนที่การใช้จอ LCD บนกล้อง ทำให้สะดวกอย่างยิ่งในการปรับโฟกัสและองค์ประกอบภาพ พร้อมบันทึกภาพถ่ายลงในฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง

ฟังก์ชั่นที่โดดเด่นของกล้อง EOS 1000D อีกอย่างหนึ่งคือ Picture Style ถือเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยในการปรับแต่งรูปแบบของภาพถ่ายให้มีลักษณะเฉพาะ เสมือนหนึ่งการเลือกใช้ฟิล์มถ่ายภาพประเภทต่างๆ ตามที่ต้องการ โดยปรับเลือกได้หลากหลายรูปแบบ อาทิ Standard, Portrait, Landscape, Neutral, Faithful, Monochrome หรือภาพแบบขาว-ดำ และปรับเซ็ตเป็นค่าการใช้งานส่วนตัวของผู้ใช้เองได้เพิ่มเติมอีก 3 ค่า

นอกจากนี้ EOS 1000D ยังเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นที่โดดเด่นหลายอย่าง อาทิ ระบบปรับแสงอัตโนมัติ (Auto Lighting Optimizer) โดยกล้องจะช่วยปรับเพิ่มความสว่างของโทนมืด ช่วยให้จุดเด่นของภาพ โดยเฉพาะใบหน้าของตัวแบบดูสว่างสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป ส่วนระบบวัดแสงมี 3 แบบ คือ Evaluative, Partial และ Center-weighted
กล้อง EOS 1000D ยังมาพร้อมกับระบบทำความสะอาดเซนเซอร์อัจฉริยะ (EOS I.C.S) ซึ่งใช้ระบบอุลตราโซนิคแบบสั่นสะเทือนในการกำจัดฝุ่นบนฟิลเตอร์แบบ low pass ที่อยู่ข้างหน้าเซนเซอร์ CMOS ออกไป ร่วมกับระบบทำความสะอาดด้วยซอฟต์แวร์ Dust Delete Function ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพถ่ายที่ได้จะมีความคมชัด ปราศจากรอยดำจากฝุ่นละอองบนเซนเซอร์อย่างแน่นอน

ใช้งานง่าย
และเช่นเดียวกับกล้องรุ่นอื่นๆของแคนนอน EOS 1000D ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีสามารถจับได้อย่างกระชับและถนัดมือตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) และมีจุดเด่นคือใช้งานง่าย EOS 1000D จึงมีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และมีรูปทรงเหมาะมือสามารถใช้งานได้คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ โดยมีปุ่มกดใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ เท่าที่จำเป็น อาทิ ปุ่มปรับความไวแสง ฟังก์ชั่น Picture Style ระบบวัดแสง ระบบ Drive Mode ระบบ AF และระบบ WB Mode ขณะเดียวกันผู้ใช้สามารถเลือกใช้ฟังก์ชั่นและปรับค่าส่วนอื่นๆ ได้ตามชอบใจจากเมนูภายในเครื่อง

อุปกรณ์เสริมคู่ใจกล้องตัวเก่ง : แฟลช Speedlite 430 EX II
EOS 1000D ยังไม่หวั่นแม้ในที่ที่มีแสงน้อยด้วยระบบแฟลชอัตโนมัติภายในตัวกล้อง ทำให้สามารถจับภาพได้ครอบคลุมถึง 17 มิลลิเมตรของทางยาวโฟกัส (Guide No. 13/43 at ISO 100 in metres/feet) และยังสามารถปรับใช้ได้กับแฟลช Speedlite ของแคนนอนรุ่นอื่นๆ ได้หลากหลายตามระยะใกล้ไกลและแสงของภาพ

Speedlite 430EX II เป็นแฟลชรุ่นล่าสุดของแคนนอน ที่มีการปรับปรุงคุณสมบัติหลายอย่างให้ใช้งานง่าย ตัวอย่างที่เด่นชัดเช่น การนำแผงวงจรของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสลับซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์มาปรับใช้ ทำให้ 430EX II สามารถลดระยะเวลาในการยิงแฟลชซ้ำลงได้ประมาณ 20% เมื่อเทียบกับแฟลชรุ่นอื่นๆในปัจจุบัน และไม่มีเสียงรบกวนให้รำคาญใจ แฟลช Speedlite 430EX II จึงช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับกล้องถ่ายภาพได้อย่างมหาศาล แฟลช Speedlite 430EX II นี้มักได้รับการติดตั้งให้กับกล้องดิจิตอล SLR ตระกูล EOS ในช่วงหลังๆมานี้พร้อมกับระบบวัดแสงอัตโนมัติแบบ E-TTL II โดยผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นแฟลชได้ทางเมนู นอกจากนี้ผู้ใช้ยังปรับระดับกำลังไฟแฟลชด้วยระบบแมนวลเองได้ เนื่องจาก Speedlite 430EX II สามารถกำหนดค่ากำลังไฟแฟลชจากเดิม 1 stop ไปอยู่ที่ระดับ 1/3 stop ได้ แฟลช 430EX II ยังได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่ายขึ้นด้วยปุ่มล็อคแฟลชแบบใหม่ ทำให้สะดวกต่อการถอดและใส่แฟลชมากกว่าการใช้สลักเกลียวหัวเหลี่ยมตามปกติ

นอกจากนี้ แฟลช Speedlite 430EX II มีขั้วต่อเป็นโลหะ ช่วยเพิ่มความเสถียรในการส่งข้อมูลระหว่างกล้องกับแฟลช และลดการสปาร์คที่มักเกิดขึ้นขณะถอดและใส่แฟลช และมาพร้อมกับการซิลรอยต่อต่างๆของแฟลช เพื่อป้องกันละอองน้ำและฝุ่นได้เป็นอย่างดี

EOS 1000D ซึ่งมาพร้อมกับแฟลช Speedlite 430EX II นี้จึงเป็นกล้องดิจิตอลที่ทรงประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และเปี่ยมด้วยความสามารถรอบด้านเหมาะกับผู้ที่สนใจถ่ายภาพที่ต้องการภาพถ่ายคุณภาพสูง

กล้องดิจิตอล SLR รุ่น EOS 1000D พร้อมแฟลช Speedlite 430EX II เริ่มวางตลาดที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แคนนอนทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้ โดยมีราคาเปิดตัว 25,900 บาท และ 13,900 บาท ตามลำดับ