สภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงกว่าเมื่อปี 2540 ที่ผ่านมา และคงจะใช้เวลา 3-4 ปีกว่าจะฟื้นตัว ภาวการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้การแข่งขันในภาคธุรกิจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้หากนักการตลาดท่านใดตัดสินใจลดงบประมาณตลาดจะถือเป็นความผิดพลาดครั้งสำคัญ เพราะนี่ไม่ใช่เวลาของการตัดงบ สิ่งที่นักการตลาดควรทำคือการเพิ่ม หรือ อย่างน้อยก็รักษางบประมาณการตลาดไว้ในระดับเดิม เพราะนี่จะเป็นโอกาสดีในการเร่งสร้างกำไร และช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งที่พร้อมใจกันลดงบประมาณการตลาด
การทำงานในสถานการณ์ที่งบประมาณค่อนข้างจำกัดนั่นถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย นักการตลาดควรมุ่งเน้นกลยุทธ์ตลาดในเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ ทั้งนี้เพื่อใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยเหตุนี้ นักการตลาดส่วนใหญ่จึงเล็งเห็นว่าการตลาดออนไลน์คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรฝ่าฟันและผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี แม้นักการตลาดส่วนใหญ่จะพอใจกับผลตอบแทนและประสิทธิภาพของการตลาดออนไลน์ แต่ก็ยังมีนักการตลาดบางส่วนที่หวั่นเกรงว่า การตลาดออนไลน์มีความเสี่ยงสูงและวัดผลได้ยาก ด้วยเหตุนี้นักการตลาดที่จะหันมาใช้การตลาดออนไลน์ ควรเสริมสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ งาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok จึงถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้สำหรับนักการตลาดที่กำลังมองหาโอกาสในการนำตลาดออนไลน์มาเสริมศักยภาพด้านการแข่งขัน สร้างกำไร หรือเพื่อวาวแผนกลยุทธ์ออนไลน์เพื่อผนวกไว้ในแผนการตลาดรวมของตน ตลอดจนเพื่อเรียนรู้ถึงกลยุทธ์และแนวคิดใหม่ๆ ของการตลาดออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา” ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนายศิระพัฒน์ เกตุธาร กรรมการผู้จัดการบริษัท สป็อตมาร์ก จำกัด บริษัทผู้จัดการประชุมสัมมนาเชิงธุรกิจมืออาชีพ ซึ่งจัดงาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการเพิ่มสูงขึ้นของการตลาดออนไลน์ในประเทศไทย
ความคึกคักของ การตลาดออนไลน์ ไม่ได้เพียงเกิดขึ้นเฉพาะในเมืองไทย แต่เป็นแนวโน้มที่ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก ดังจะเห็นได้จากรายงานล่าสุดของ เคลซีกรุ๊ป และ บีไอเอ แอดไวซ์ เซอร์วิส ที่แสดงว่า ถึงแม้การใช้จ่ายด้านโฆษณาโดยรวมของสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะลดลงปีละ 1.4% “แต่ข่าวดีก็คือ งบประมาณโฆษณาออนไลน์จะเพิ่มขึ้นมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป โดยงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในการโฆษณาในเยลโลเพจเจสออนไลน์ เสิร์ชเอ็นจิน การตลาดอีเมลล์ และเครื่องมือกาตลาดออนไลน์อื่นๆ”
พัฒนาการของตลาดออนไลน์ในประเทศไทยก็เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ได้คาดการณ์ไว้ว่า งบประมาณด้านการตลาดออนไลน์มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น โดยเป็นผลภาวะเศรษฐกิจถดถอยและงบประมาณที่จำกัดจะทำให้นักการตลาดจะหันไปใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น เพราะเป็นเครื่องมือที่ประหยัดแต่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ประเทศไทยก็ยังเป็นประเทศที่การตลาดออนไลน์มีแนวโน้มี่จะขยายตัวสูง เนื่องจากมีอัตราเฉลี่ยของระยะเวลาใช้งานอินเตอร์ต่อผู้ใช้เป็นอันดับสองในเอเชียรองจากสิงคโปร์ และมีผู้ใช้งานอินเตอร์มากกว่า 13 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ใช้สมาชิกอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ถึง 913,000 คน
“ภายในงาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok ผู้เชี่ยวขาญจะร่วมแสดงวิสัยทัศน์และแนะแนวทางให้แก่นักการตลาดถึงการนำเครื่องมือการตลาดออนไลน์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านความคุ้มค่าต่อการลงทุนและการสร้างผลกำไร โดยจะเน้นไปที่เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่กำลังได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวาง อาทิ Social Media Marketing, Search Engine Marketing, e-Mail Marketing ตลอดจนการวางกลยุทธ์โฆษณาออนไลน์” นายศิระพัฒน์กล่าวและว่า “นอกจากนี้เรายังเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาดออนไลน์มาร่วมเสวนาถึงเครื่องมือการตลาดที่น่าจับตามองอื่นๆ อาทิ Video Marketing, Blogging, Mobile Marketing, Behavioral Targeting, Relationship Marketing and Multicultural Marketing ที่กำลังเป็นที่จับตาของนักการตลาดออนไลน์ทั่วโลกอีกด้วย”
งาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2552 ณ โรงแรมโฟร์ ซีซันส์ กรุงเทพฯ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ ที่เว็ปไซต์ www.sptmrk.com หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท สป็อตมาร์ก จำกัด โทรศัพท์ 02 978 2519 หรือ [email protected] สำหรับท่านที่สนใจที่จะร่วมสนับสนุนการจัดงานหรือร่วมเป็นวิทยากรโปรดติดต่อ คุณบุศรา กุลแพทย์ ที่ 081 350 3486 หรือ [email protected]