เผยทิศทางธุรกิจบ้านมือสองสมาคมนายหน้าฯยืนยันตลาดแข่งขันสูง

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เผยทิศทางธุรกิจบ้านมือสอง ยืนยันตลาดมีมูลค่ามหาศาลส่งผลให้มีการแข่งขันสูงทั้งโบรกเกอร์อิสระ นิติบุคคลและนายหน้าต่างชาติ ชี้ผู้บริโภคยอมรับมาตรฐานและจรรยาบรรณ ร้อยละ 30 ซื้อ-ขายทรัพย์ผ่านนายหน้า ในขณะที่ยังมีนายหน้าสร้างปัญหาเนื่องจากไม่มีกฎหมายควบคุมการทำงาน

น.พ.สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจบ้านมือสองในเมืองไทยว่า ตลาดมีแนวโน้มว่าจะแข่งขันกันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากปัจจุบันนี้ส่วนแบ่งทางการตลาดนั้นมีมูลค่ามหาศาล คาดว่าทั้งระบบนั้นมีทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ รอการขายอยู่ไม่ต่ำกว่า 3 แสนหน่วย ทำให้ช่วงที่ผ่านมามีนายหน้าเข้ามาแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนายหน้าอิสระ นายหน้านิติบุคคล นายหน้าต่างชาติ รวมทั้งนายหน้าที่ไม่มีบัตรพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์วิชาชีพจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากจำนวนบ้านมือสองทั้งระบบได้ดึงดูดบุคคลทั่วไปเข้ามาสู่อาชีพดังกล่าว เนื่องจากมองว่าธุรกิจนายหน้านั้นสามารถทำได้ง่ายและมีผลตอบแทนสูง เมื่อมีผู้เข้ามาทำธุรกิจนายหน้ามากขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ซื้อบ้านมือสองในปัจจุบันมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันกันสูง

“การแข่งขันอย่างรุนแรงของธุรกิจนายหน้ามีทั้งด้านบวกและด้านลบ กล่าวคือ การแข่งขันจะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจากสามารถเลือกใช้บริการนายหน้าที่มีอยู่จำนวนมากในตลาด ในขณะเดียวกันนายหน้าก็จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาขีดความสามารถในการทำงาน เพื่อเกิดการบริการที่ดีที่สุดและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าสูงสุด ประชาชนที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์และผู้ซื้อจะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันได้อย่างเห็นได้ชัด” นายแพทย์สมศักดิ์ให้ความเห็นและเปิดเผยถึงด้านลบที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันของธุรกิจนายหน้าว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างนายหน้ากับผู้บริโภคมีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น การเรียกเก็บเงินกินเปล่าโดยไม่ทำงานหรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบางประเภทที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสินค้าตามข้อตกลง สินทรัพย์ไม่ได้ตามเงื่อนไขสัญญาที่ตกลงกันไว้ ฯลฯ รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างนายหน้ากับนายหน้าเอง เช่น การแย่งชิงลูกค้ากันโดยขาดจรรยาบรรณ มีการกลั่นแกล้งหรือแม้แต่ปัญหาเรื่องการขัดผลประโยชน์กันเอง เป็นต้น

นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า แม้อาชีพนายหน้าจะได้รับความสนใจในวงกว้างก็ตาม แต่การทำงานจริงนั้นยังมีปัญหาอยู่มากมาย เนื่องจากต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายและผลประโยชน์ จึงไม่อยากให้มองว่าอาชีพนายหน้านั้นทำกันได้ง่าย ๆ เพราะนอกจากต้องลงทุนเหมือนกับธุรกิจอื่น ๆ แล้ว ผู้ที่จะสามารถอยู่ได้ท่ามกลางการแข่งขันของตลาด ต้องมีต้นทุนทางด้านวัฒนธรรม คุณธรรม มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ และมีความรับผิดชอบสูง เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องการความไว้วางใจจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างนายหน้าจะสร้างความเสียหายและผลกระทบอย่างรุนแรงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทางสมาคมนายหน้าฯ จะสามารถควบคุมได้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ เท่านั้น และไม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายหน้ารายอื่นๆได้ นอกจากจะมีกฎหมายออกมาบังคับใช้เท่านั้น

ในเรื่องเดียวกันนี้นายพลชัย ชัยยศมานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท บ้านนานา จำกัด ในฐานะกรรมการ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคว่า การซื้อ-ขายบ้านมือสองนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่างสิ้นเชิง จากประชาชนไม่ยอมรับและไว้วางใจนายหน้ามากนัก เมื่อธุรกิจมีการแข่งขันสูงได้บังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจบ้านมือสองต้องปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปที่ต้องการซื้อ-ขายบ้านมือสองให้ความสำคัญและยอมรับการทำงานของนายหน้ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนายหน้าที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งทำงานภายใต้ข้อบังคับและกฎระเบียบ ทำให้มีจรรยาบรรณและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากลมากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ ร้อยละ 30 ของผู้บริโภคใช้บริการซื้อ-ขายบ้านมือสองผ่านนายหน้า และเชื่อว่าการแข่งขันของธุรกิจบ้านมือสองจะเป็นกลไกตลาดที่ทำให้นายหน้าได้รับความยอมรับจากผู้บริโภคในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ในขณะเดียวกันนายหน้าที่ไม่มีบัตรพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์วิชาชีพจากสมาคมฯ ก็จะค่อย ๆ หมดไปจากตลาด และหันมาพัฒนาตนเองเพื่อสร้างมาตรฐานให้ลูกค้ายอมรับและสามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป