แสนสิริโชว์ไตรมาส 3/52 กวาดยอดขายแล้ว 5,000 ล้านบาท

กลุ่มแสนสิริ เผยตัวเลขยอดขาย 3 ไตรมาสแรกปี 52 เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการสร้างยอดขายที่อยู่อาศัย เป็นมูลค่า 14,000 พันล้านบาท โดยเฉพาะไตรมาส 3 มียอดขายรวมกว่า 5,000 ล้านบาท จ่อคิวเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้ง “บ้านเดี่ยว-คอนโดมิเนียม” มูลค่ารวมกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมโรดโชว์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งจนถึงปลายปีอย่างต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีกวาดยอดขาย 20,000 ล้านตามเป้าแน่นอน

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2552 ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจกลางใจเมือง โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ รวมไปถึงการลงทุนพัฒนาโครงการในต่างประเทศ โดยสามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในช่วง 3 ไตรมาสแรก ได้ถึง 14,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70 % ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 20,000 ล้านบาท ล่าสุดจากยอดขายงาน Sansiri Best Buy ที่คาดว่าจะโกยได้อีก 1,000 ล้าน นอกจากนั้นในช่วงไตรมาส 4 ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3-4 โครงการ มูลค่ารวม 3,000-4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จึงมั่นใจว่ากลุ่มแสนสิริจะสามารถสร้างยอดขายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 20,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน

“จากตัวเลขยอดขายที่ได้มา 3 ไตรมาส จำนวน 14,000 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม 48 เปอร์เซ็นต์ และเป็นแนวราบอีก 52 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้จากการเปิดขายโครงการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการบ้านเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แสนสิริสามารถทำยอดขายบ้านเดี่ยวได้ถึง 1,000 ล้านบาท หรือ 145 ยูนิต ซึ่งถือสถิติใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เรามั่นใจยิ่งขึ้นว่าเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัวกลับมาอย่างแน่นอน อีกทั้งการรุกจัดกิจกรรมทางการตลาดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาทำให้แบรนด์แสนสิริติดลมบน และเป็นที่ยอมรับของตลาดอสังหาฯ ในทุกระดับชั้น กิจกรรมการตลาดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาช่องทางการตลาดในรูปแบบ Digital Marketing และการจับมือพันธมิตรธุรกิจสถาบันการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มอบบัตรเครติต SCB Sansiri Platinum ให้กับลูกค้า ด้วยสิทธิพิเศษเหนือระดับรายแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงความสำเร็จในการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าอีกด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริ ยังสามารถสร้างยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Pre-sale backlog) จากโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ เป็นมูลค่ากว่า 18,422 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 1-3 ปี โดยจะเป็นมูลค่าที่สามารถรับรู้ได้ภายในปีนี้ถึง 16,367 ล้านบาท หรือคิดเป็น 91 % ของผลประกอบการที่ตั้งไว้ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นฐานรายได้สำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่มั่นคง สำหรับในช่วงไตรมาส 4 กลุ่มบริษัทฯ มีแผนที่จะเดินหน้าเปิดโครงการอีก 4 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,000-4,000 ล้านบาท นอกจากนั้นยังเดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาดแบบลงพื้นที่ โดยจัดโรดโชว์ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ สยามพารากอน, เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล บางนา เป็นต้น ตลอดไตรมาส 4 เพื่อเข้าใกล้ผู้บริโภคและเป็นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องขึ้นอีกด้วย

“ขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวและมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ทิศทางของภาคธุรกิจในประเทศ อาทิ ภาคการส่งออก ภาคอุตสาหกรรม ก็เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ในขณะที่แสนสิริให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจให้มีความครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยได้พัฒนาบริการในรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร รวมทั้งยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลายด้วยดีไซน์ที่สวยงาม มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแตกต่าง รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับแก่ลูกค้าที่พร้อมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกในสังคมของแสนสิริที่จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง “นายเศรษฐา กล่าวปิดท้าย