ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบันเทสโก้ โลตัสยังคงดำรงความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกอีกครั้งตามความคาดหมาย โดยไม่เพียงแต่เดินหน้าลงทุนต่อไปทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างงานที่มั่นคงให้กับคนไทยกว่า 36,000 คนอีกด้วย ทั้งยังมีโครงการที่จะเปิดสาขาเพิ่มในทุกรูปแบบ พร้อมกับการจ้างงานใหม่อีกกว่า 2,000 ตำแหน่งในปี 2553 นี้
เทสโก้ โลตัสทุ่มเทให้กับเศรษฐกิจไทยและบริษัทคู่ค้าชาวไทย ซึ่ง 98% ของสินค้าที่วางจำหน่ายบนชั้นวางสินค้ามาจากบริษัทคู่ค้าที่เป็นของคนไทย เพื่อมอบสินค้าที่สดใหม่ มีคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่าที่สุดให้กับลูกค้าของเรา
เทสโก้ โลตัสเป็นหนึ่งในผู้รับซื้อผลผลิตผักและผลไม้ไทยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยปริมาณสั่งซื้อกว่า 228,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,700 ล้านบาทจากเกษตรกรไทยในปี 2552 และในปีเดียวกัน บริษัทยังได้ช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยมูลค่ากว่า 11,700 ล้านบาท สู่กลุ่มเทสโก้ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลกใน 14 ประเทศด้วย
“ปัจจุบันเทสโก้ โลตัสเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราเป็นผู้ลงทุนระยะยาวที่ให้ความทุ่มเทกับเศรษฐกิจไทยและผู้บริโภคชาวไทย และจะยังคงพยายามทำให้ดีที่สุดต่อไปเพื่อลูกค้าของเราที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ด้วยการมอบสินค้าและบริการคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าที่สุดจากคู่ค้าชาวไทยที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก” มร. คริส บุช ประธานกรรมการบริหารเทสโก้ โลตัส กล่าว
“นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัสยังให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเราคือ การดำเนินการและการบริโภค “สีเขียว” ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เมื่อใดก็ตามที่มีการสร้างสาขาใหม่ หรือมีโครงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการปฎิบัติงาน เราจะพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ เราจึงกำหนดเป้าหมายที่แน่ชัดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากธุรกิจของเราลง 50% ภายในปี 2020 โดยใช้ปริมาณการปล่อยในปี 2006 เป็นปีฐาน นับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา เทสโก้ โลตัสเป็นผู้ค้าปลีกรายแรกที่ทำการตรวจสอบร่องรอยคาร์บอน และเดินหน้าดำเนินการโครงการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องเพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่วางไว้ นอกจากนี้ยังได้ทำการปลูกต้นไม้เพิ่ม 1 ล้านต้น ตามโครงการ ““9 ล้านกล้า 80 พรรษามหามงคล”” ของเราอีกด้วย” มร. คริส บุช กล่าว
วันนี้ กลุ่มเทสโก้ ได้ประกาศผลการดำเนินการประจำปีบัญชี 2552/2553 โดยบริษัท เทสโก้ จำกัด มหาชน (Tesco Plc) ซึ่งดำเนินธุรกิจใน 14 ประเทศ ทำรายได้ทั้งสิ้น 2.8 ล้านล้าน บาท จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 8.5% และแน่นอน เทสโก้ โลตัส ซึ่งเป็นผู้นำค้าปลีกที่แข็งแกร่งของตลาด คือหนึ่งในผู้ที่มีส่วนสร้างตัวเลขผลการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในครั้งนี้ของกลุ่มเทสโก้ด้วย
เซอร์แทรี่ย์ลีฮีย์ ประธานกรรมการ เทสโก้ พี แอล ซี กล่าวว่า “กลุ่มเทสโก้สามารถฝ่าฟันมรสุมเศรษฐกิจได้ดี โดยมุ่งเน้นการยึดมั่นในยุทธศาสตรของเรา ทุกบริษัทในเครือสามารถปรับปรุงโครงสร้างทางต้นทุนและความหลากหลายของสินค้า เพื่อช่วยลูกค้าประหยัดในเวลาจำเป็น และซื้อสินค้าที่ปรารถนาให้ตัวเองในโอกาสที่ต้องการด้วย”