สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังมั่นใจกำลังซื้อครึ่งปีหลัง

ธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกรับผลกระทบการเมือง หลังกลุ่มลูกค้าชะลอการตัดสินใจเหตุไม่วางใจสถานการณ์ เชื่อครึ่งปีหลังดีขึ้นหลังสถานการณ์คลี่คลาย ชี้จากผลสำรวจกำลังซื้อครึ่งปีหลังยังสดใส ขณะที่ภาครัฐยังยืนยันการเติบโตทางเศรษฐกิจ เชื่อมูลค่าตลาดรวมปีนี้ยังเข้าเป้าที่ 12,000 ล้านบาท เผยเตรียมเร่งกระตุ้นตลาด จัดงานรับสร้างบ้าน 2010 พร้อมระดมหัวกะทิจัดสัมมนาสู้ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง

นายวิบูล จันทรดิลกรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 ถือว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่กลุ่มผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไป แต่จากสถานการณ์ที่เริ่มสงบลงคาดว่ากลุ่มผู้บริโภคจะเริ่มกลับเข้ามาพิจารณาการปลูกสร้างบ้านอีกครั้ง ซึ่งจากการสำรวจของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านภายในงาน สถาปนิก 53 ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มผู้บริโภคยังคงมีความต้องการปลูกสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

ในส่วนของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน คาดการณ์ว่ายอดขายในตลาดรับสร้างบ้านจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ยังไม่ตัดสินใจ ประกอบกับในช่วงไตรมาสที่ 3 สมาคมฯ จะมีการจัดงานรับสร้างบ้าน 2010 ซึ่งแต่ละบริษัทก็พร้อมที่จะอัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าอีกมาก โดยคาดว่าเป้าหมายมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านน่าจะสามารถแตะระดับ 12,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่สมาคมฯ วางไว้ได้

“ที่ผ่านมาตลาดรับสร้างบ้านในไตรมาสที่ 1 ถือว่ายังไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นยอดขายจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ซึ่งถือว่าช่วงนั้นตลาดค่อนข้างคึกคัก ขณะที่ในปีนี้ไตรมาสที่ 2 ถือว่าได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจออกไป แต่เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ทางภาครัฐยังให้ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะยังคงเติบโตได้ ก็น่าจะเป็นสัญญานที่ดีสำหรับตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง” นายวิบูล กล่าว

นายวิบูล กล่าวต่อไปว่า ในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ตลาดรับสร้างบ้านน่าจะยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ ราคาของบ้านที่ยังไม่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเมื่อดูจากดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน (Home Construction Cost Index) ซึ่งทางสมาคมฯ จัดทำร่วมกับ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ทั้งราคาบ้านและราคาวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวไม่มากนัก ขณะที่กำลังซื้อในตลาดเองยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่กลุ่มผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจกับสถานการณ์ทางการเมืองเท่านั้น นอกจากนี้การจัดงานรับสร้างบ้าน 2010 ในช่วงไตรมาสที่ 3 น่าจะมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นตลาดได้

ในส่วนของผู้ประกอบการเองช่วงนี้ก็ต้องเร่งปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเร่งหาช่องทางใหม่ ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการนำเสนอตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่าง และน่าสนใจให้เพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของสมาคมฯเอง มีแผนงานที่จะจัดงานสัมมนาทางวิชาการในช่วงต้นเดือนสิงหาคมเกี่ยวกับทิศทางของตลาดรับสร้างบ้าน และการพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน