เอสซีจี เปเปอร์ เผยอุตสาหกรรมกระดาษยังแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกปี 53 พร้อมเดินหน้าในครึ่งปีหลังด้วยกลยุทธ์สร้างความเติบโต ขยายฐานธุรกิจสู่การเป็นผู้นำในอาเซียน มุ่งเน้นนวัตกรรมและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวทาง People Centric มองกว้างถึงผู้คนที่เกี่ยวข้องในวงจรธุรกิจทั้งหมด ตลอดจนชุมชนและสังคมเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน Asian Paper 2010 ว่า “ภาพรวมอุตสาหกรรมกระดาษในอาเซียนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ เอสซีจี เปเปอร์เอง มีมูลค่าขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 30% โดยส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายภายในประเทศ 80% และการส่งออก 20% ของการผลิตในประเทศไทย”
แนวทางการพัฒนาธุรกิจของเอสซีจี เปเปอร์ ในช่วงครึ่งปีหลังจะมุ่งใช้แนวทางแบบผสมผสาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและขยายตลาดในภูมิภาคนี้ ด้วยกลยุทธ์หลักอันประกอบด้วย การมุ่งขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจกระดาษครบวงจรในภูมิภาคทั้งฐานการผลิตและการตลาด ด้วยการสรรหาพันธมิตร หรือการควบรวมกิจการ (Merger & Acquisition) เพื่อช่วยให้การขยายธุรกิจและตลาดเป็นไปอย่างรวดเร็ว
แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นนวัตกรรม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มหรือ High Value-Added Product และตั้งเป้าในการเพิ่มสัดส่วนยอดขาย High Value-Added Product ให้มากขึ้น แนวคิดการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิด Green Process, Green Product, Green Mind จะช่วยให้ธุรกิจกระดาษ สังคม และสิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
แนวคิด People Centric ที่คำนึงถึงผู้คนที่เกี่ยวข้องในทุกๆ ด้าน “พัฒนาการของการทำธุรกิจของเอสซีจี เปเปอร์ผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญมาตั้งแต่ Product Centric มุ่งผลิตสินค้าให้มีคุณภาพดีที่สุด เพียงอย่างเดียวสู่ Customer Centric ที่มุ่งสร้างสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และ ณ เวลานี้ เรากำลังก้าวไปสู่ People Centric คือมองให้กว้างและไกลไปกว่าเดิม คำนึงถึงผู้คนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกๆ ด้าน ให้ทุกๆ คนได้มีส่วนร่วมมากที่สุด การพัฒนาและผลิตสินค้าต่างๆ ไม่ใช่เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังต้องไม่สร้างปัญหาให้ชุมชน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการยอมรับจากชุมชนและสังคม ซึ่งทำให้ธุรกิจของเราดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน” นายเชาวลิตกล่าว
การพัฒนาธุรกิจแบบให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืนของเอสซีจีเปเปอร์ ให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นฐานที่ดีทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการร่วมกันไปในทุกด้าน ตั้งการจัดเตรียมวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม อาทิ การปลูกสวนไม้อย่างยั่งยืนตามมาตรฐานของ FSC และการจัดเก็บเศษกระดาษอย่างเป็นระบบเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่และสร้างรายได้ให้กับสังคมอย่างยั่งยืน ฯลฯ การร่วมกันพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมของชุมชนรอบๆ โรงงาน อาทิ การสร้างเรือรักษ์บึงโจดเพื่อใช้กำจัดวัชพืชในน้ำ พร้อมร่วมกันปรับภูมิทัศน์รอบๆ บึงโจด จังหวัดขอนแก่น ทำให้ชาวบ้านสามารถใช้บึงเป็นที่ทำกินได้ นำผักตบชวามาทำเป็นงานหัตถกรรมเครื่องจักรสาน หรือการที่พนักงานร่วมกับชาวบ้านในชุมชนชุกโดนผลิตถังดักไขมันก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำ ทำให้น้ำแม่กลองใสสะอาดขึ้น ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ดีขึ้น รวมไปถึงการสร้างค่ายเยาวชน SCG Paper Green Academy ที่เชิญชวนเยาวชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนรอบๆ โรงงานมาเข้าค่ายอบรม ปลูกฝังสำนึกรักสิ่งแวดล้อม นำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นประโยชน์ในชุมชนต่อไปได้ ฯลฯ ตลอดจนการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันกับเรา ได้แก่ กระดาษ Idea Green หรือกระดาษพิมพ์สิ่งพิมพ์ (Green Series) ที่ผลิตจาก Eco fiber 100% และกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 100%
ในงาน Asian Paper 2010 ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์ เป็นการแสดงเทคโนโลยีชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ และกระดาษในภูมิภาคเอเชีย จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี พร้อมกับการประชุม Senior Management Symposium เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทิศทางธุรกิจ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายทางการค้ากับผู้ผลิตเยื่อกระดาษชั้นนำของโลก