บลจ.ไอเอ็นจี ปิดการขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” เผยผลตอบรับน่าพอใจ หลังจากนักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อกว่า 1.3 พันล้านบาท ชี้ปัจจัยสนับสนุนยอดขาย มาจากนักลงทุนเชื่อมั่นในสินทรัพย์ปลายทางที่กองทุนเข้าลงทุน ซึ่งได้แก่ ตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย หลังแนวโน้มการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีความชัดเจนและโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น และยังคงเป็นสินทรัพย์อันดับต้นๆ ที่นักลงทุนต่างชาติต้องการ พร้อมปัจจัยหนุนจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ในขณะที่ดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในทิศทางปรับลดลง หนุนให้เงินลงทุนไหลเข้าในภูมิภาคเอเชียทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า มองเป็นปัจจัยบวกในการสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล เผยนักลงทุนที่สนใจแต่พลาดการจองซื้อในช่วง IPO สามารถเริ่มลงทุนรอบใหม่ได้ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้เสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนอย่างน่าพอใจ ทำให้กองทุนสามารถปิดการขายได้ด้วยยอดการจองซื้อทั้งสิ้นกว่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่า ปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจซื้อของนักลงทุนในครั้งนี้ มาจากความมั่นใจในสินทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุน คือ ตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ตราสารหนี้ ตราสารตลาดเงินและเงินฝากของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่มีความเสี่ยงต่ำในขณะที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ รวมทั้งความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงทำให้ตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชียเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในปีนี้
“ในช่วงที่ผ่านมาเราเห็นสัญญาณการเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศใช้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ผ่าน QE เพิ่มเติมอีก 5 หมื่นล้านปอนด์ หลังจากที่ได้ใช้ไปแล้ว 7.5 หมื่นล้านปอนด์ตั้งแต่ไตรมาส 4/2554 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน และการที่ทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการให้กู้ยืมดอกเบี้ยต่ำแก่สถาบันการเงินในยุโรปเพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านเหรียญยูโร ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ในขณะที่ทาง ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1% และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงอีกในปีนี้ ดังนั้น การเลือกใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายและการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เราจึงคาดว่าเม็ดเงินที่เพิ่มมากขึ้นจะไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า จึงเป็นโอกาสให้ “ตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย” เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยนับตั้งแต่ต้นปี – 9 กุมภาพันธ์ 2555 ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้น 2.92% (อินเดีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, ไทย, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง, จีน) แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติได้หันกลับมาลงทุนในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง” นายจุมพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากมองโอกาสการสร้างผลตอบแทนของ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ คือ ING (L) Renta Fund Asia Debt (Local Bond)* ซึ่งกองทุนรวมต่างประเทศนี้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชียสกุลเงินท้องถิ่น จะมาจากอัตราดอกเบี้ย โอกาสในการทำกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และโอกาสการทำกำไรของอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น จากภาพรวมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตของภูมิภาคเอเชียและปัจจัยสนับสนุนการลงทุนต่างๆ ที่โฟกัสมาที่ภูมิภาคเอเชีย ทำให้เราคาดว่าจะเป็นโอกาสที่กองทุนนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน รวมทั้งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ที่จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกองทุนมากขึ้น โดยนักลงทุนที่พลาดการจองซื้อในช่วง IPO และสนใจเข้าลงทุนใน “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล” สามารถเข้าลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
สำหรับการลงทุนในกองทุนประเภทอื่นๆ ทาง บลจ.ไอเอ็นจี แนะนำการลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา – 9 กุมภาพันธ์ 2555 ตลาดหุ้นไทยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 8.96% มีเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนโดยเป็นยอดซื้อสุทธิ 22,367 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้เพิ่มมากขึ้น กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์ เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา – 27 มกราคม 2555 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 6.05% สูงกว่าเมื่อเทียบกับดัชนี SET Index ที่ 4.97% โดยในช่วง 3 เดือนย้อนหลังผลตอบแทนกองทุนอยู่ที่ 13.53%, 6 เดือนเท่ากับ -4.37%, 3 ปีเท่ากับ 164.48%, นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเท่ากับ 271.63% ผลตอบแทนกองทุนดีกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีเปรียบเทียบ SET Index ที่ 10.60%, -5.05%, 145.90% และ 137.28% ตามลำดับ
“บลจ.ไอเอ็นจี ยังคงมองว่าภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดีในปีนี้ ทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย เช่น กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล หรือการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เช่น กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยอีควิตี้ฟันด์ และการบริหารการลงทุนในแบบ Active Management โดยผู้จัดการกองทุนในลักษณะการวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดในอนาคตและการจับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมนั้น ทำให้เราเชื่อมั่นว่าทั้งสองกองทุนนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาว” นายจุมพลกล่าว
สำหรับผู้สนใจลงทุนในกองทุนของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่โทร. 0-2688-7777 กด 2 ผ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน หรือ www.ingfunds.co.th