บริษัท วี เทคโนโลยี ซิสเต็มส์ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาระบบไอทีไทย และผู้นำด้าน SI (System Integrator) ร่วมกับ บริษัท เบ็นคิว แม็ททีเรียล คอล์เปอร์เรชั่น จำกัด (BenQ) ในกลุ่มธุรกิจ (Medical Devices) เปิดตัวสินค้า 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ “Miacare” ผลิตภัณฑ์ Health care แผ่นแปะสิว และ “AusCare” ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องมือแพทย์ นวัตกรรมของการห้ามเลือด นับเป็นครั้งแรกที่เบ็นคิวทำตลาดสินค้านี้ โดยตั้งเป้ายอดขาย 100 กว่าล้านบาท มุ่งทำธุรกิจครอบคลุมทั้งในส่วนของเทคโนโลยีและด้านสุขภาพ หวังเติบโตและก้าวขึ้นเป็นบริษัทมหาชน
นายณัฐพงศ์ พันธเกียรติไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี เทคโนโลยี ซิสเต็มส์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัท วีเทค ได้ร่วมกับ เบ็นคิว นำผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก เข้ามาทำตลาดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ “Miacare” ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท health care และกลุ่มที่สองจะเป็น “AusCare” ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมของการห้ามเลือด ประเภทเครื่องมือแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น Gauze, Bandage รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะตามเข้ามาในอนาคต ซึ่งบริษัทวีเทคมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยชาวไทย ถือเป็นภารกิจใหม่ที่บริษัทวีเทคมีความมุ่งมั่น ที่จะขยายตลาดในช่องทางของวงการแพทย์ไทย
ทั้งนี้ในส่วนของ Miacare จะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 360 องศา หรือที่เรียกว่า IMC คือใช้ทั้งสื่อ Mass , สื่อออนไลน์ และกิจกรรมทางการตลาดหลายรูปแบบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จริง เพื่อให้เห็นความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ที่เคยมีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญ Miacare สามารถซื้อได้ที่ Modeltrade ชั้นนำ & Drugchain Store โรงพยาบาลความงามและในเครือข่ายคลินิกชั้นนำ ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดซึ่งจะวางครบภายในสิ้นปีนี้
“ทางวีเทค มั่นใจที่จะเข้าทำการตลาดอย่างจริงจังในกลุ่มผลิตภัณฑ์การดูแลผิวพรรณจากสิว และก้าวขึ้นเป็น Market reader ในไม่ช้า ในส่วนมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์รักษาสิวประมาณ 800-900 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยวางเป้าในปี 2555 ของสินค้าในกลุ่ม Miacare และ AusCare ไว้มากกว่า 100 กว่าล้านบาท ในอนาคตวีเทคและเบ็นคิวยังมีแผนในการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของ Miacare ออกไปอีก เช่น เจลรักษาแผลเป็นและคอนแทคเลนส์ ซึ่งอยู่ในแผนของการขยายธุรกิจนี้ด้วย” นายณัฐพงศ์ กล่าว
ทางด้าน นายวินเซน เหลียว ผู้จัดการฝ่ายสินค้าอุปโภค บริโภค และชีวแพทย์ บริษัท เบ็นคิว แม็ททีเรียล คอล์เปอร์เรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทแม่ของเบ็นคิวได้มีการลงทุนในธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์มานานมากกว่า 7 ปี ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ของบริษัทลูก แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์มาอยู่ภายใต้ แบรนด์เบ็นคิวทั้งหมด อีกทั้งทางเบ็นคิวยังมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในประเทศจีนถึง 2 แห่ง และยังใช้ในการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ดังนั้นสินค้าของเบ็นคิวจึงมีเทคโนโลยีที่เฉพาะและโดดเด่นจากคู่แข่ง เช่น Acne Patch ซึ่งเป็นแผ่นปิดสิวที่มีความบางและกลมกลืนกับสีผิวของคนไทย ทำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นปิดสิวแล้วสามารถออกไปทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆ ข้างนอกได้ทันที โดยแทบไม่สามารถสังเกตเห็นแผ่นปิดสิวบนใบหน้าได้ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพดีในการรักษาสิวและลบรอยแผลเป็น
และบริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัท วี เทคโนโลยี ซิสเต็มส์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งบริษัท วี เทคโนโลยี ซิสเต็มส์ จำกัด จะทำงานร่วมกับบริษัท เบ็นคิว ไทยแลนด์ จำกัด ในการวางแผนผลิตภัณฑ์และการจัดจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ตามความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังร่วมมือกันในการทำการตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคโดยทั่วไป นอกจากนี้ยังมีบริษัท TRB Chemedica ที่จะช่วยเป็นผู้ทำตลาดในสินค้ากลุ่ม AusCare หรือแผ่นห้ามเลือด ซึ่งสินค้าตัวนี้จะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล และคลินิก
ด้านนายพัทธกร พรศิริธิเวช ผู้อำนวยการฝ่ายการขาย และการตลาด บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าของเบ็นคิว แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (IT) ได้แก่ เครื่องฉายโปรเจคเตอร์, จอมอนิเตอร์, จอภาพขนาดใหญ่ และกล้องถ่ายภาพดิจิตอล กลุ่มที่ 2. เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อสุขภาพ (Health Care) ได้แก่ Medical product, MiaCare & AusCare ซึ่งเป็น Consumable product และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อให้พลังงาน (Energy) ได้แก่ หลอดไฟ LED และเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell)
“สาเหตุที่เบ็นคิวเลือกบริษัท วีเทคฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เนื่องจากบริษัท วีเทคฯ เป็นคู่ค้ากับบริษัทเบ็นคิวในผลิตภัณฑ์ไอทีอยู่แล้ว อีกทั้งมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของบริษัท และเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัท วีเทคฯ กำลังต้องการที่จะขยายธุรกิจ และสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ก็เป็นหนึ่งในแผนการขยายธุรกิจของบริษัท วีเทคฯ ด้วย จึงเป็นช่วงเวลาอันดีที่ทั้งสองบริษัทจะได้เริ่มดำเนินธุรกิจร่วมกัน และบริษัท วีเทคฯ เป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและยังมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งสองบริษัทจะได้ทำงานร่วมกัน” นายพัทธกร กล่าวปิดท้าย