โฆษณาไตรมาส 1 ปี 57 ร่วง มายด์แชร์ชี้ปีนี้หินสุดๆ

บริษัทมายด์แชร์ ประเทศไทย มีเดียเอเยนซี่รายใหญ่ ได้สรุปถึง ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในช่วงไตรมาสที่ 1 ยังคงมีอัตราการใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น 2% แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 ภาพรวมของทุกสื่อโฆษณามีอัตราที่ลดลงทั้งสิ้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเมืองที่ยังไม่สงบในกรุงเทพฯ สื่อที่มีการใช้สื่อลดลงมากที่สุดคือสื่อ In-Store ลดลงถึง 33.2% ส่วนสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์เป็นสื่อเดียวที่มีอัตราเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 44% ในขณะที่สื่อใหญ่ที่สุดยังคงเป็นสื่อทีวีที่มีมูลค่า 15,329 ล้านบาท คิดเป็น 57.1% แต่มีอัตราลดลงจากปีที่แล้วถึง 6.8%

แบรนด์เลื่อนใช้เงินไปไตรมาส 21

ปัทมาวรรณ สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทมายด์แชร์ บอกว่า  ในช่วงไตรมาสที่ 1 มีการใช้จ่ายเงินกับสื่อโฆษณาลดลง เมื่อแบรนด์ต่างๆ มีความต้องการในการใช้จ่ายเงินที่ลดลง กลายเป็นปัจจัยหลักที่จะดึงเม็ดเงินโฆษณาให้ลดลงในไตรมาส 1 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีหลายแบรนด์ที่ทำการเลื่อนการออกแคมเปญการตลาดออกไปในช่วงไตรมาส 2 แทน

สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ สื่อทีวียังคงเป็นสื่อหลักไม่ได้มีอัตราลดลงมาก แต่ยังคงให้น้ำหนักกับ 2 ช่องใหญ่คือช่อง 7 และช่อง 3 ในขณะที่สื่ออื่นๆ มีอัตราลดลงถึงจำนวน 2 หลัก โดยที่สื่อนิตยาสารกับสื่อในห้างสรรพสินค้ามีการลดลงสูงที่สุดคือ 20.7% และ 33.2% ตามลำดับ และสื่อบนรถโดยการประจำทางมีการใช้สื่อลดลงน้อยที่สุดคือ 1.1%

การตัดงบในการลงสื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่สื่อทีวีนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นบ่อยครั้งเมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก

ได้บอลโลกหนุน

พอเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จะเห็นว่าปัญหาทางการเมืองเริ่มจะดีขึ้นมาบ้าง แต่ภาวะความตึงเครียดยังคงสูงอยู่ การใช้จ่ายในการโฆษณาก็เริ่มพลิกฟื้นขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นงบประมาณพอๆ กับกิจกรรมการส่งเสริมการขายเลยทีเดียว
เชื่อ

ช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นช่วงฤดูกาลของสื่อโฆษณาอยู่แล้ว ถือว่าเป็นช่วงพีคที่สุดของตลาดโฆษณา เชื่อว่าตลาดโฆษณาจะกลับมาคึกคักเหมือนปีที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายไตรมาส 2 กำลังขึ้นไตรมาส 3 จะมีอีเว้นท์สำคัญระดับโลกอย่าง “ฟุตบอลโลก” มาช่วยกระตุ้นตลาด

แต่อย่างไรก็ตามเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้อาจจะไม่ได้สูงกว่าปีที่แล้ว ปัจจัยทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดการผลักดันหรือชะลอการใช้จ่ายโฆษณา

ปีนี้สุดหิน

โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณานั้น เชื่อว่าจะมีการใช้จ่ายเติบโต 4-5% ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกจและการเมือง และการเข้ามาของดิจิตอลทีวีก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อวงการโฆษณาเช่นกัน

สิ่งที่เป็นกังวลมากที่สุดในการลงสื่อในดิจิตอลทีวีนั้นยังคงเป็นโพซิชั่นนิ่งที่แท้จริงของแต่ละช่องสถานี ทำให้นักการตลาดระมัดระวังในการใช้จ่ายลงสื่อมากขึ้น เพราะโฆษณาส่วนใหญ่แล้วจะมองหาคุณค่า และสามารถวัดประสิทธิผลได้ เรียกได้ว่าปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่งที่หินสำหรับวงการโฆษณา