เผยหมดเปลือก! ขั้นตอนการวางกลยุทธ์การตลาดผ่านคลิปวิดีโอ

การตลาดผ่านคลิปไม่ใช่เพียงเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะครองโลกแห่งตลาด แต่ถือเป็นกลยุทธ์สุดฮอตที่ใครๆ ต่างก็เลือกใช้ในขณะนี้ ดังนั้น หากคุณยังไม่เริ่มวางกลยุทธ์การตลาดผ่านคลิปละก็ คุณอาจตกรถไฟขบวนสำคัญ และคู่แข่งก็อาจกำลังวิ่งนำหน้าคุณไปแล้ว 
 
วันนี้เราจึงขอเปิดหมดเปลือก ทุกขั้นตอนการวางกลยุทธ์การตลาดผ่านคลิปที่ได้ผลจริง
 
สละทรัพยากรส่วนหนึ่งเพื่อการสร้างคลิป
 
สิ่งแรกที่จะช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จกับการทำการตลาดผ่านคลิปได้ก็คือ ต้องมีความทุ่มเท คุณอาจมีงบประมาณไม่มาก แต่แค่ยอมลงทุนอุปกรณ์สำหรับการถ่ายทำพื้นฐานก็เพียงพอแล้ว ขอเพียงมีโปรแกรมตัดต่อและมีคนที่จะตัดต่อคลิปให้คุณได้ แค่นั้นก็ถือว่าคุณมาครึ่งทางแล้ว
 
คุณอาจต้องผลิตคลิปอย่างน้อยสองสัปดาห์ครั้ง เพื่อให้ลูกค้าสนใจและติดตาม ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายในการผลิตคลิป แต่ต้องมีความสม่ำเสมอเพียงพอ เพราะในปีนี้บริษัทถึง 68% ตั้งใจจะเพิ่มงบประมาณด้านการทำการตลาดผ่านคลิปกันทั้งนั้น
 
อยากเล่าอะไร?
 
ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดขั้นตอนหนึ่ง คลิปทุกคลิปต้องมีเรื่องราวที่ต้องการบอกเล่า ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นต้องเชื่อมโยงกับลูกค้าได้ และกระตุ้นให้ลูกค้าทำสิ่งที่คุณต้องการให้เขาทำ เช่น สมัครรับข่าวสารจากแบรนด์ หรือ ซื้อสินค้าตัวล่าสุด
 
แต่เรื่องที่เล่านั้นไม่ควรเป็นการขายของโดยตรง ควรเป็นสิ่งที่จะกระตุ้นให้ลูกค้าค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเอง โดยเนื้อหาจะต้องเอ็นเกจกับผู้ชมและเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการชม หากยังนึกไม่ออกว่าควรเล่าเรื่องราวแบบไหน หาคลิปของคู่แข่งของคุณดู
 
พูดถึงคน ไม่ใช่สินค้า
 
กลยุทธ์การตลาดของคุณควรพัฒนาขึ้นมาจากบุคคล ไม่ใช่สินค้า แน่นอนว่าการให้ความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าเป็นสิ่งจำเป็น แต่หากคุณไม่สร้างเรื่องราวที่น่าสนใจให้กับสินค้า คงไม่มีใครสนใจหรือให้ความสำคัญ มนุษย์ผูกพันกับคนมากกว่าสิ่งของ ดังนั้น จงใส่ความเป็นมนุษย์ลงไปให้กับแบรนด์ให้ได้
 
อาจเริ่มด้วยการสร้างบุคลิกของแบรนด์ให้สัมผัสได้ชัดเจนขึ้น และแทรกบุคลิกเหล่านั้นลงในกลยุทธ์การตลาดต่างๆ เพื่อให้บริษัทหรือแบรนด์ของคุณมีบุคลิกที่แตกต่าง โดดเด่น และเป็นที่จดจำ
 
อย่าทำคลิปยาว
 
การใส่ทุกสิ่งที่ต้องการพูดถึงลงไปในคลิปเดียวอาจเป็นสิ่งที่น่าเย้ายวนใจมิใช่น้อย แต่จากสถิติพบแล้วว่า การทำคลิปความยาว 2 นาที 5 คลิป ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการทำคลิปความยาว 10 นาทีเพียงคลิปเดียว ทุกคลิปที่คุณทำควรเปึคลิปสั้นๆ เพราะโดยทั่วไปแล้ว ผู้คนมักจะเปิดดูคลิปด้วยมือถือสมาร์ตโฟนต่างๆ ระหว่างเดินทาง 
 
ดังนั้นควรทำคลิปให้สั้น เพราะจะทำให้มียอดวิวมากกว่าและเพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนที่ดูคลิปจะดูจนจบ
 
โดยทั่วไปแล้ว คลิปวิดีโอยาวๆ มักจะทำขึ้นตามคำสั่งของลูกค้าหรือเป็นคลิปเฉพาะกิจ และคุณก็จำเป็นต้องมีผู้ติดตามมากเพียงพอด้วย
 
ต้องมี Call to Action
 
การปล่อยให้คลิปวิดีโอของแบรนด์จบลงไปเฉยๆ ถือเป็นความผิดพลาดมหันต์ วิเคราะห์ให้ดีว่าคลิปของคุณสร้างขึ้นมาเพื่อจุดมุ่งหมายอะไร แล้วจึงสร้าง Call to Action ที่เหมาะสม ที่จะโชว์ขึ้นมาเมื่อคลิปจบ ซึ่ง Call to Action นี้จะนำพาลูกค้าไปพบกับสิ่งที่พวกเขาต้องการเมื่อดูคลิปจบ ไม่เช่นนั้นการทำคลิปขึ้นมาก็จะไม่มีประโยชน์ใดๆ
 
เนื้อหาของคลิปและสิ่งที่คลิปนำพาไปจะต้องสอดประสานกับกลยุทธ์การขายของคุณอย่างแนบเนียน และมีปุ่ม Call to Action ที่ชัดเจน
 
การเผยแพร่คลิป
 
พื้นที่ที่คุณใช้เผยแพร่คลิปส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จของคลิป ความคิดที่จะเผยแพร่คลิปในฐานะคอนเทนต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟในเว็บไซต์ของคุณเองอาจฟังดูเจ๋ง แต่ความจริงคือเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง เพราะคงไม่มีใครเข้าเว็บไซต์ของแบรนด์เพื่อมาดูคลิปโดยเฉพาะ และจะทำให้ยอดวิวของคลิปต่ำ ทำให้คลิปไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ ได้เมื่อค้นหาด้วยเสิร์ชเอ็นจิน
 
ในทางตรงข้าม YouTube ช่วยให้ติดอันดับในผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยให้มียอดการเข้าชมมากกว่าด้วย จึงเป็นสาเหตุให้หลายบริษัทมีช่องยูทูปเป็นของตัวเอง และที่สำคัญ อย่าลืมแชร์คลิปลงบนโซเชีลมีเดียของตัวเองด้วย เพราะนั่นจะยิ่งช่วยให้การทำการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
วิเคราะห์และเก็บข้อมูลผลตอบรับจากคลิป
 
ขั้นตอนสุดท้ายในการสร้างคลิปเพื่อทำการตลาดคือการวิเคราะห์ผลตอบรับและความสำเร็จของแต่ละคลิป ติดตามเก็บข้อมูล ฟีดแบ็ก และทราฟฟิกที่คลิปสร้างให้กับเว็บไซต์ของคุณ แล้ววิเคราะห์ให้ได้ว่าคลิปแบบใดเวิร์ค หรือไม่เวิร์ค การทำคลิปนั้นไม่ต่างจากการทำการตลาดแบบอื่นคือคุณจำเป็นต้องทดลองและหาแนวทางที่ได้ผลที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
 
การทำการตลาดผ่านคลิปนั้นหากทำให้ดี ทำให้เกิด ก็จะเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เมื่อรู้ขั้นตอนสู่ความสำเร็จแล้ว จะรออะไร?