Canon ทวงบัลลังก์ Sony

ปีนี้ Canon มองที่ market share เป็นหลัก จึงต้องเร่งสร้าง volume ให้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าต้องลงไปเล่นในตลาด mass ที่มีกล้องดิจิตอลตระกูล A-Series เป็นตัวชูโรง เตรียมอำลาตำแหน่งเบอร์ 2

สุชาติ วนาพูนสุข ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ส่วนเทคโนโลยีทัศนสื่อสาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า การไล่กวดผู้นำเบอร์ 1 อย่าง Sony ให้ทัน สำหรับ Canon แล้วคาดว่าไม่น่าจะเกินปีหน้า ส่วนแบ่งทางการตลาดของกล้องดิจิตอลไม่น่าจะห่างกันเกิน 5% ซึ่งผู้ที่เป็นเบอร์ 1 ในตลาดเมืองไทยนั้น ไม่น่าจะส่วนแบ่งทางการตลาดเกิน 26-27% เนื่องจากในขณะนี้มีหลายแบรนด์เข้ามาร่วมชิงชิ้นเค้กในตลาดนี้อย่างกว้างขวาง

นั่นเป็นการประกาศศึก ทวงบัลลังก์ในตลาดกล้องดิจิตอลของเสือเก่า Canon ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเทคโนโลยี และประสบการณ์ด้านการผลิตกล้องมานานกว่า 60 ปี

ถึงแม้ Canon จะพัฒนากล้องดิจิตอลช้ากว่ารายอื่น เพราะในขณะนั้นยังมุ่งมั่นอยู่กับการทำตลาดกล้องฟิล์ม แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดที่ทำให้ Canon ก้าวช้ากว่ารายอื่น เพราะมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นของตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหันมาทำกล้องดิจิตอล โดย Canon ได้ใช้เทคโนโลยีของกล้องฟิล์มที่มีอยู่เดิมมาใส่ไว้ในกล้องดิจิตอลด้วย จึงทำให้การพัฒนาไล่กวดตามคู่แข่งได้ทัน

การพัฒนากล้องดิจิตอล Canon เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา โดยได้เข้ามาทำตลาดกล้องในเมืองไทยเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมานี้เอง

Sony ก้าวเข้ามาทำกล้องดิจิตอลก่อน Canon 1 ปีครึ่ง – 2 ปี ทั้งในตลาดไทย และตลาดโลก แต่เมื่อ Canon รู้ว่าตลาดเริ่มมาแรง ก็หันมาทำกล้องดิจิตอลทันที

สุชาติ กล่าวว่า คนทั่วไปอาจจะมองว่า Sony เป็นแบรนด์ที่มาก่อน แต่ ณ วันนั้นตลาดยังไม่ใหญ่ มีเพียงการถ่ายรูปแล้วลงเว็บไซต์ แต่เมื่อ Canon กระโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้อย่างเต็มที่แล้ว ก็ได้พัฒนาใส่ฟีเจอร์เข้าไปในกล้องดิจิตอลอย่างเต็มที่ เขาเชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีของ Canon น่าจะ advance กว่ารายอื่น แม้ว่าจะลงมาเล่นในตลาดทีหลังก็ตาม

สินค้าของ Canon ถูกจัดวางตำแหน่งเอาไว้ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าอย่างหลากหลาย แยกออกเป็น กล้องดิจิตอลที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ และกลุ่มกล้องที่ดิจิตอลที่เรียกว่า compact ซึ่งในกลุ่มนี้ถูกแบ่งย่อยออกมาเป็นอีก 3 segment ด้วยกัน

ได้แก่ กลุ่ม semi pro ที่มีลูกเล่นเยอะ ฟังก์ชันของกล้องค่อนข้างสมบูรณ์แบบ, กลุ่ม design ในกลุ่มนี้ตัวกล้องจะเป็นอะลูมิเนียม อัลลอยด์ มีความคงทน สีสวยงาม ซึ่งอยู่ในตระกูลของ IXUS และกลุ่ม economy ที่มีราคาค่อนข้างถูก มีความละเอียดตั้งแต่ 4 ล้านพิกเซล จนถึง 2 ล้านพิกเซล จับกลุ่มลูกค้าในระดับ mass ซึ่งสินค้าในกลุ่มนี้อยู่ในตระกูลของ A-Series

ปัจจุบัน Canon มีกล้องดิจิตอลที่วางขายอยู่ในตลาดทั้งหมด 14 รุ่น โดยมีแผนที่จะเปิดตัวกล้องดิจิตอลในทุกสายผลิตภัณฑ์อีก 7 รุ่นในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งกล้องดิจิตอลที่มีแผนจะมีการเปิดตัวมากที่สุดในปีนี้จะอยู่ในกลุ่มของ economy

ในขณะนี้ Canon ครองส่วนแบ่งการตลาด 17% เป็นที่ 2 ในตลาดไทย ห่างจากเบอร์ 1 คือ Sony ที่ครองส่วนแบ่งอยู่ 33-37%

กลยุทธ์ที่ Canon งัดมาใช้ในการทำตลาดในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการเป็นผู้ผลิตกล้องมาก่อน คือการเน้นในเรื่องของกล้องที่มีเทคโนโลยี ให้คุณภาพการถ่ายภาพที่ดี โดยจะใช้ DIGIC processor เป็นตัวชูโรง พร้อมทุ่มงบสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์กว่า 65 ล้านบาท

ปัจจุบันกล้องดิจิตอลแคนนอนทุกตัวจะมีตัวประมวลผลภาพที่เรียกว่า “DIGIC” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ประมวลผลภาพหลังจากสัญญาณดิจิตอลผ่าน CCD ช่วยให้ภาพมีสัญญาณครบถ้วน สีสวย สมจริง มีความรวดเร็ว สามารถแก้ปัญหาแสงสีขาวที่เกิดขึ้นจริงในกล้องดิจิตอล กำจัดสัญญาณรบกวนในกล้องดิจิตอล ช่วยในการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และยังมีระบบเซ็นเซอร์พิเศษที่ช่วยตรวจจับลักษณะการถือกล้องในขณะถ่ายภาพ โดยจะช่วยจัดรูปภาพให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัด

ลักษณะการทำตลาด จะเน้นการทำตลาดกับลูกค้าโดยตรง ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานจริงในสินค้าทุกรุ่นที่มีอยู่ โดยใช้การทำ road show และจัด exhibition ไปยังห้างสรรพสินค้า และ IT Mall ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดปี ส่วนการทำตลาดในต่างจังหวัดจะมีการออก road show เฉพาะในหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต โดยผู้ใช้กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ถึง 80%

ตัวเลขที่น่าสนใจอย่างหนึ่งจากการทำวิจัยภายในบริษัท Canon เอง คือ อายุของกลุ่มเป้าหมายที่ใช้กล้องดิจิตอลได้ขายฐานกว้างขึ้น เป็นช่วงอายุ 13-65 ปี ต่างจากเมื่อ 4 ปีก่อน ที่กลุ่มเป้าหมายมีอายุอยู่ในช่วง 22-45 ปี ทั้งนี้เป็นเพราะคุณลักษณะของกล้องดิจิตอลที่มีจอภาพใหญ่ และถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องรู้สึกเปลืองฟิล์ม เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก วัยรุ่น คนชรา และผู้หญิงได้

หากเทียบคนใช้กล้องที่เป็นผู้ชายกับผู้หญิงแล้ว ผู้ใช้กล้องส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกันฐานของคนถ่ายรูปที่เป็นผู้หญิงได้กระเถิบสูงขึ้นเป็น 18-20% จากเดิมที่อาจจะมีแค่ 5-7% เท่านั้น นั่นเป็นเพราะในสมัยก่อนผู้หญิงค่อนข้างกลัวการถ่ายภาพ เพราะไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปออกมาได้ภาพสวยหรือไม่ แต่กล้องดิจิตอลสามารถ preview ได้ทันที ถ้าถ่ายรูปแล้วออกมาไม่ดี ไม่สวยก็ลบทิ้งถ่ายใหม่ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผู้หญิงเริ่มหันมาซื้อกล้องดิจิตอลมากขึ้น

ต้องยอมรับว่าผลกระทบของกล้องดิจิตอลที่ส่งผลโดยตรงกับกล้องฟิล์มมีสูงมาก โดยปัจจุบันตลาดกล้องฟิล์มในระดับล่างที่มีราคาประมาณ 5,000 บาท มีไว้รองรับกลุ่มหนุ่ม-สาวโรงงาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสินค้าไอที คอมพิวเตอร์ หรือกล้องดิจิตอล และตลาดกล้องฟิล์มระดับบนแบบ professional ยังคงอยู่ได้ แต่ตลาดในส่วนตรงกลาง เป็นส่วนที่ถูกกล้องดิจิตอลกลืน เพราะคนที่มีเงินประมาณ 10,000 บาท จะหันไปซื้อกล้องดิจิตอลมากกว่ากล้องใช้ฟิล์ม

เหตุที่กระแสของกล้องดิจิตอลมาแรงจนพัดให้คนลืมกล้องฟิล์มไป ส่วนหนึ่งมาจากผู้ขายที่กลัวว่ากล้องฟิล์มจะขายไม่ได้ จึงไม่ยอมที่จะขาย หรือสต็อกสินค้าที่เป็นกล้องฟิล์มเอาไว้ เนื่องจากเห็นว่ากล้องดิจิตอลเป็น trend ที่มาแรง จึงกลายเป็นว่า เมื่อผู้ขายไม่ขาย ผู้ซื้อก็หาซื้อไม่ได้ จึงต้องใช้กล้องดิจิตอลแทน เมื่อเป็นอย่างนี้แน่นอนว่าตลาดกล้องฟิล์มบางส่วนต้องหายไป

หากดูในแง่สัดส่วนรายได้ที่มาจากกล้องดิจิตอลเมื่อเทียบกับกล้องฟิล์มในตลาดรวมเมืองไทย มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 65% ต่อ 35% โดยในปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งประมาณ 50-50% ซึ่งมูลค่าโดยรวมที่ได้จากกล้องดิจิตอลทั้งหมดประมาณ 4 แสนตัวในตลาดปัจจุบัน สูงกว่ากล้องฟิล์มที่มีประมาณ 5 แสนตัว

ซึ่งในส่วนของ Canon แล้วผลกระทบจากกล้องดิจิตอลทำให้รายได้ในส่วนของกล้องฟิล์มลดลงประมาณ 20% แต่ในขณะที่ตลาดกล้องดิจิตอลกลับโตเท่าตัว จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของรายได้รวม โดยยอดขายที่ได้จากกล้องดิจิตอลในปัจจุบันมีประมาณ 60-70 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งหากเทียบจากวันที่เริ่มต้นเข้ามาทำตลาดเมื่อ 4-5 ปีก่อน Canon มีรายได้จากกล้องดิจิตอลเดือนละประมาณ 10 ล้านบาทเท่านั้น

พฤติกรรมการเลือกซื้อกล้องดิจิตอลของผู้บริโภค จะไม่ใช่แค่ดูที่ความละเอียดเพียงอย่างเดียว แต่ลงลึกไปถึงสเป็ก ฟีเจอร์การใช้งานว่าทำอะไรได้บ้าง แล้งจึงมองไปที่ราคา เป็นผลให้การพัฒนากล้องดิจิตอลมีทิศทางที่เปลี่ยนไป ซึ่งผู้ผลิตกล้องดิจิตอลทุกค่ายต่างแข่งกันทำกล้องที่มีฟีเจอร์ที่ดีออกมาให้กับลูกค้าแทน

“กล้องดิจิตอล Canon ในมุมมองของเราถูกวาง position ให้เป็น consumer technology ที่ไม่ได้ลงไปสู้กับกล้องที่มีราคาถูก กล้อง Canon ที่วางขายในตลาดมีราคาต่ำสุดประมาณ 8,500 บาท โดยตัวของ Canon เอง มีชื่อเสียงในเรื่องของเทคโนโลยีกล้องมาเป็นเวลานาน กล้อง Canon จะไม่ใช่กล้องตัวแรกที่คนใช้ แต่จะเป็นกล้องที่คนที่เคยใช้กล้องมาแล้วเลือกซื้อเป็นตัวที่ 2 เพราะเขาจะเริ่มมองที่เทคโนโลยี และคุณภาพเป็นหลัก ค้นหาสิ่งที่ดีกว่าเดิม ที่สามารถรองรับความต้องการของเขาได้” สุชาติ กล่าวเสริม

หากมองในปีนี้ กล้องดิจิตอลที่มีในตลาดมากที่สุดจะมีความละเอียดที่ 3 ล้านพิกเซล ในช่วงต้นปี แต่ในช่วงปลายปีกล้องที่มีความละเอียดในระดับ 4 ล้านพิกเซลจะเปลี่ยนมาเป็น king ของตลาดนี้แทน ซึ่งจะขับเคลื่อนต่อไป ส่วนกล้องที่มีความละเอียดในระดับ 1-2 ล้านพิกเซลจะค่อยๆ หายไปจากตลาด

Website

www.canon.co.th