HU’U Bar จากสิงคโปร์สู่สาทร

ถนนสาทรซึ่งเป็นย่านออฟฟิศหรูของบริษัทไทยและต่างชาติที่หนาแน่น อีกทั้งยังเป็นทำเลที่พักของนักธุรกิจต่างชาติในกรุงเทพฯ วันนี้ สาทรยังเป็นจุดหมายของนักท่องราตรีที่นิยมความฮิพ เพราะนอกจาก The Met Bar ในโรงแรมเดอะเมทฯ ยังมี HU’U Bar บาร์สัญชาติสิงคโปร์ที่เข้ามาสร้างสีสันยามค่ำคืนบนถนนสายนี้

HU’U Bar ตั้งอยู่บนชั้น 1-2 ของอาคาร The Ascott Sathorn ซึ่งชั้นล่างมีเพดานสูงถึง 60 ฟุต อันเป็นเหตุสำคัญที่ Terence Tan เจ้าของบาร์ ตัดสินใจเลือกที่นี่เป็นสาขาที่สามของ HU’U Bar หลังจากสองสาขาแรกได้รับความสำเร็จมาแล้วในสิงคโปร์ และบาหลี ตามลำดับ

คอนเซ็ปต์หลักที่กลายเป็นโมเดลความสำเร็จของ HU’U Bar คือ บรรยากาศ (atmosphere) ซึ่งโดดเด่นมาจากดีไซน์สไตล์โมเดิร์น ประดับด้วยภาพเขียนและวัตถุโบราณซึ่งเป็นของสะสมของ Tan และดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่คือ ขวดไวน์และมิกเซอร์บนชั้นวางที่ถูกออกแบบเหมือนเป็นเฟรมแสดงงานศิลปะ พื้นที่โล่ง (space) อันเนื่องมาจากเพดานสูงช่วยทำให้ดูสบายตา และบันไดชั้นลอย รวมถึงการเล่นระดับภายในที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับบาร์แห่งนี้

Colin Seah ดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์บอกว่า การเล่นระดับจะทำให้คนที่เข้ามาใหม่สามารถมองเห็นคนอยู่ข้างในได้ นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่เป็นโซนๆ ซึ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างหลากหลายอีกด้วย เช่น สาวๆ ที่มาเป็นกลุ่มชอบเป็นที่สนใจ Colin แนะนำให้นั่งบนโซฟากลางบาร์ หรือหนุ่มโสดที่อยากมาแอบดูสาวๆ ก็แนะนำให้นั่งที่เคาน์เตอร์ ส่วนคู่รักหรือผู้ใหญ่ที่ชอบความสงบก็อาจจะเลือกนั่งโต๊ะชั้นบน เป็นต้น

กุญแจความสำเร็จตัวต่อมาก็คือ อาหารดี (good food) ซึ่ง Tan บอกว่า อาหารที่นี่เป็นการผสานระหว่างวัตถุดิบจากชาติตะวันตกและตะวันออก หรือ fusion food ปรุงโดยเชฟหนุ่มจากลอนดอน และไฮไลต์ของ HU’U ยังอยู่ที่ตัวค็อกเทลซึ่งมีให้เลือกกว่า 150 ชนิด และไวน์หรือแชมเปญที่มีหลากหลาย

โมเดลตัวสุดท้ายซึ่งนำมาจากต้นแบบ HU’U Bar ที่สิงคโปร์คือ ดนตรี “acid jazz” ซึ่งเป็นดนตรีแดนซ์แนวผสมระหว่างสไตล์ funky สไตล์ soul และ jazz แต่ทว่า Tan บอกว่า ที่นี่ต้องเพิ่มดนตรีแนว hip-hop มากขึ้นเพราะดูจะเป็นที่นิยมของนักเที่ยวหนุ่มสาวชาวกรุงเทพฯ มากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับ กลุ่มเป้าหมายของ HU’U Bar คือ ใครก็ตามที่ชื่นชอบกับคอนเซ็ปต์ทั้ง 3 ประการนี้ และชอบสัมผัสรสชาติชีวิตที่มีคุณภาพ ภายหลังเปิดดำเนินการที่สาทรตั้งแต่ ต.ค. ที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าสาขานี้มักจะเป็นนักบริหารทั้งไทยและต่างชาติ อายุระหว่าง 20 ตอนปลายถึง 40 ตอนต้น และลูกค้าหลายคนคือผู้ที่ติดใจ HU’U Bar ที่สิงคโปร์และบาหลีมาแล้ว โดยหนึ่งในแฟนคลับของบาร์แห่งนี้ คือ สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์

คำแนะนำ สำหรับผู้ที่อยากมานั่งชิวๆ สัก 2-3 ชั่วโมง ควรจะต้องมีเงินติดกระเป๋าไว้อย่างน้อย 1,000 บาท เพื่อจะได้ทดลองค็อกเทลของที่นี่ ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ 240- 280 บาทต่อแก้ว และ house wine ซึ่งราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 250 บาทต่อแก้ว เคล้าของว่างที่ราคา 100 บาทขึ้นไป ส่วนราคาอาหารเฉลี่ยคือ 200 บาทขึ้นไป สำหรับอาหารไทย และ กว่า 300 บาทสำหรับ fusion food

HU’U Bar (อ่านว่า “ฮู” ซึ่งมาจากชื่อเกาะเล็กๆ แถบสุมาตราที่มีชื่อเสียงด้านการเล่นเรือใบ) เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1998 โดยหนุ่มไฮโซชาวสิงคโปร์กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นผู้หลงใหลการเที่ยวบาร์ จึงตัดสินใจร่วมหุ้นกันเปิดบาร์ตามที่ตนฝันอยากให้เป็น จนกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ของ HU’U Bar

HU’U Bar ที่แรกตั้งอยู่ที่ Singapore Art Museum แต่ปัจจุบันถูกปิดชั่วคราวเนื่องมาจากแผนปรับปรุงพื้นที่ชั้นใต้ดินของอาคารแห่งนี้โดยรัฐบาลสิงคโปร์ สาขาต่อมาอยู่บนเกาะบาหลีสร้างขึ้นเมื่อปลายปี 2001 และสาขาที่สาม คือ บนถนนสาทร กรุงเทพฯ เปิดตัวเมื่อปลายปี 2004

Terence Tan เป็นชาวสิงคโปร์ อดีตทนายความซึ่งมีรายได้สูง แต่เขาเลิกอาชีพทนายความเพื่อมาสร้าง HU’U Bar ด้วยความฝันที่อยากทำในสิ่งที่มีความสุข บนความเชื่อที่ว่า “if you have a good product, money flows in naturally.”

ปัจจุบัน นอกจาก Tan จะเป็นหุ้นส่วนสำคัญใน HU’U Bar เขายังเป็นผู้อำนวยการของบริษัท Brazen Communications Pte.Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทแม่บริษัทเว็ปโซลูชั่นและดีไซน์ที่ชื่อ B: Interactive และดีไซน์เฮาส์ชื่อ Phunk Studio