“สยาม เซ็นเตอร์”จากดิสโก้สู่ยุค hip hop

แม้จะเปิดให้บริการมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี แต่ห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ยังคงมีลูกค้า “วัยทีน” ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาใช้บริการไม่เปลี่ยนแปลง

ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ผ่านการปรับปรุงมาได้เพียงแค่ 2 ครั้ง การปรับปรุงโฉมครั้งแรกมีขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว” และในปี 2548 จะเป็นครั้งที่สอง ที่ห้างแห่งนี้จะต้องพลิกโฉมใหม่

ในขณะที่ “สยามพารากอน” ถูกวางตำแห่งให้เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เน้นความหลากหลาย มีตั้งแต่แบรนด์หรูไปจนถึงร้านอาหารจานด่วน โดยมีลูกค้าเป้าหมายที่เป็นทั้งนักท่องเทียว และคนทั่วไป positioning ของห้างสยามเซ็นเตอร์จะมุ่งเน้น “วัยรุ่น”เป็นกลุ่มหลัก ซึ่งเป็นโจทย์ที่บริษัทสถาปนิก “ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล” ได้รับ

“โจทย์ของเราคือ ทำอย่างไรให้ห้างสรรพสินค้า ที่เป็นผนังตันๆ อยู่อย่างนี้มา 30 กว่าปีโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยน มีความน่าสนใจเกิดขึ้น “ ราเมศร์ กาญจนโภคิน ประธาน บริษัท ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และวิญญู วานิชศิริโรจน์ รองประธาน ร่วมชี้แจงรายละเอียด

และนี่ก็เป็นครั้งที่สอง ที่บริษัทสถาปนิกไทยแห่งนี้ถูกเลือกให้รับทำหน้าที่ปรับโฉมห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ราเมศเปรียบเทียบการทำงานครั้งนี้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านจาก“ยุคดิสโก้” มาสู่ยุค “ฮิพฮอพ”

ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ ห้างผนังทึบหนาจะถูกแทนที่ด้วยกระจกใส เพื่อเน้นความโปร่งใส เมื่อลูกค้าเป็นวัยรุ่น สิ่งที่ต้องใส่คือความสนุก แสงสีของไฟ จะช่วยสร้างความมีชีวิตชีวา และความเคลื่อนไหว การ communicate กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

“จากผนังตันๆ สีเขียว เราเอากระจกมาติดตั้งแทน เพื่อให้รู้สึกถึงการสื่อสารระหว่างกัน ดูแล้วทันสมัย ยิ่งเมื่อกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น สิ่งสำคัญคือ เราต้องใส่ความสนุกเข้าไปด้วย ใส่ความเป็น hip hop มันจะกระจายอยู่ทั่วไป แสงไฟ เปลี่ยนสีได้ โดยมันเคลื่อนไหวได้ แสง สี จะเปลี่ยนความเข้มความสว่าง คือเราเล่นความเคลื่อนไหว”

ไม่เพียงแค่การพลิกโฉมใหม่ให้มีชีวิตชีวา แต่ event ยังกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญของสยามเซ็นเตอร์ ในการเป็น magnet ดึงดูดลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น สยามเซ็นเตอร์ตัดสินใจจับมือแม็ทชิ่ง สตูดิโอ ซึ่งได้สิทธิ์ในการลงทุนติดตั้งจอภาพขนาดใหญ่ ตามจุดต่างๆ ของห้างสยามเซ็นเตอร์ จอภาพนี้จะเป็นทำหน้าที่เป็น สื่อโฆษณา และการสื่อสารกับลูกค้าที่มาในห้าง ในชื่อ ชีสมีเดีย

งานนี้ แม็ทชิ่งยังทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตรายการ ด้วยการลงทุนติดตั้งสตูดิโอขึ้นในห้างฯ และทำหน้าที่ เป็นผู้จัด event ในจุดที่เป็น event zone โดยมุ่งไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวห้าง โดย event เหล่านี้จะถ่ายทอดไปยังจอภาพภายในห้าง เสมือนกับเป็นโทรทัศน์ชุมชน ที่เป็นมีวัยรุ่นเป็นกลุ่มคนดู และเป็น content ที่สำคัญ

คัมภีร์การทำธุรกิจของห้างสรรพสินค้าจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่การเลือกสินค้า หรือบริการให้สอดคล้องกับ การจัดหน้าร้านเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคลอบคุลมไปถึงการจัด event ที่ต้องโดนใจกลุ่มเป้าหมาย

Magnet of Siam Center

1. แหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์ไทย
ที่ชั้น 3 ของสยามเซ็นเตอร์จะถูกเนรมิตใหม่ให้กลายเป็นจุดรวมของดีไซเนอร์ไทยและ Young Designer รุ่นใหม่ๆ โดยจะมี Flagship Store ของดีไซเนอร์ไทยอีกหลายรายที่จะเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้า และที่สำคัญ ชั้นนี้ยังจะมีพื้นที่ของ Young Designer Gallery เพื่อเป็นเวทีแสดงผลงานของดีไซเนอร์ไทยหน้าใหม่ เพื่อนำเสนอคอลเล็กชั่นล่าสุด โดยจะเปลี่ยนทุก 2 เดือน

2. ศูนย์รวม Flagship Store ของเสื้อผ้า Trendy Sport Global Store
หลังจากปรับปรุงสยามเซ็นเตอร์ใหม่ บริเวณชั้น 1 จะกลายเป็นแหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์เนมสุดเปรี้ยวจากต่างประเทศ และเป็นแหล่งรวมร้านแฟชั่นกีฬาระดับหลายยี่ห้อ เช่น Roxy , Ripcurl, Paul Frank, Volcom และที่สำคัญคือ Adidas Original Store ซึ่งจะเป็น shop ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคของอาดิดาส และเป็น Flagship Store แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย

3. event ที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น
การติดตั้งสื่อโฆษณาแบบจอพลาสมาภายในสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัพเวอรี่กว่า 70 แห่ง ร่วมกับ จอ LED ขนาดใหญ่เคลื่อนที่ได้ตัวแรกของภูมิภาค บริเวณลานระหว่างสยามเซ็นเตอร์และสยามพารากอน เพื่อนำเสนอเนื้อหารายการถูกใจวัยรุ่น ทั้งรายการแฟชั่น รายการเพลง เบื้องหลังโฆษณา ก็จะช่วยสร้างสีสันความทันสมัย และเติมแต่งความีชีวิตชีวาให้กับสยามเซ็นเตอร์ ให้เหมาะสมกับ position ใหม่ที่ตั้งเป้าจะศูนย์รวมวัยรุ่น และศูนย์รวมกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัยรุ่น

นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ และแบรนด์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในสยามดิสคัฟเวอรี่ เช่น
– Diesel Shop ร้านแรกในประเทศไทย
– Para Nada แบรนด์เสื้อผ้าจากฝรั่งเศส แห่งแรกในประเทศไทย
– Replay Shop ขนาด 250 ตร.ม. ซึ่งเป็น Flagship Store
– Watson Shop New concept ร้านวัทสันคอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรกในประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 2 ในเอเชีย ซึ่งจะเน้นความหรูหราและเครื่องสำอางที่หลากหลายขึ้น

4แหล่งรวมแฟชั่นแบรนด์ไทย

5.shop ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคของอาดิดาส

6.event ที่เน้นกลุ่มวัยรุ่น