Hermes จากอานม้าสู่แฟชั่นหรู

ทุกวันนี้แบรนด์ Hermes ขึ้นชื่อมากในเรื่องของกระเป๋าใบหรูที่ราคาแสนแพง แต่กลับมียอดสั่งจองเยอะที่สุดและต้องรอคอยนานข้ามปี ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ที่จะมีปรากฏการณ์แบบนี้ ว่ากันว่า เป็นลูกค้าประจำ หรือ ต้องดูบุคลิกว่าเหมาะกับกระเป๋าหรือไม่

กระเป๋ารุ่นพิมพ์นิยมที่มีลูกค้าไทยสั่งจองมากที่สุดก็คือ “Birkin” และ “Kelly” ซึ่งผลิตจากหนังนกกระจอกเทศเลี้ยงจากฟาร์มอย่างดี หรือหนังจระเข้เกรดเอที่ถูกเลี้ยงแยกบนหินอ่อนป้องกันรอยขีดข่วนที่หนัง ผ่านการตัดเย็บด้วยช่างฝีมือดีที่ฝึกเย็บในโรงงานแอร์เมสที่ฝรั่งเศสมาถึง 3 ปี ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋า ซึ่งแต่ละใบใช้เวลาผลิต 16-20 ชั่วโมง โดยช่างผู้ผลิตจะรับผิดชอบซ่อมแซมกระเป๋าตลอดอายุการใช้งาน

รัชนีพร กิจเจริญ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัท ซังออนอเร่ ผู้แทนจำหน่ายสินค้าแอร์เมส เชื่อว่า ด้วยความพิถีพิถันเหล่านี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความพรีเมียมของแอร์เมส “ลูกค้าแอร์เมสวันนี้ หลายคนมองว่า การซื้อกระเป๋าแอร์เมสเป็นการลงทุนในการซื้อของดี ที่ใช้ได้นานทั้งแบบและคุณภาพ อย่างรุ่น Birkin และ Kelly เป็นแบบที่ดีไซน์มานานแล้วหลายสิบปี แต่วันนี้ก็ยังขายได้ดีและมีคนจองกว่า 200 คน”

แม้แอร์เมสจะเพิ่งเข้ามาเมืองไทยเพียงแค่ 8 ปี แต่ตำนานแอร์เมสเริ่มต้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1837 ด้วยการเป็นผู้ผลิตอานม้า เครื่องม้า และกระเป๋าใหญ่ที่ใช้ในเดินทางด้วยรถม้า ที่มีพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกหนังคุณภาพดีมาใช้ และการเย็บแบบ 2 เข็ม ฝีเย็บจึงแน่นและทนทาน ซึ่ง know-how เหล่านี้กลายเป็นทรัพย์สินที่แอร์เมสใช้ต่อยอดผลิตเป็นสินค้าไลน์อื่น โดยนำเอาความรู้เรื่องหนังหลากหลายชนิดและเทคนิคการเย็บแบบพิเศษนี้มาใช้สร้างมูลค่า

ปัจจุบัน แอร์เมสมีสินค้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่เครื่องม้า กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ผ้าพันคอ เนกไท จิวเวลรี่ จานชาม เครื่องเขียน เสื้อผ้าของใช้เด็ก ยันไปถึงของใช้จุกจิก เช่น ที่เปิดขวดไวน์ ตลับเมตร สายคล้องมือถือ ฯลฯ จนรัชนีพรบอกว่า “แอร์เมสมีของเกือบทุกอย่าง แต่ที่ไม่มีก็คือ แว่นตา”

ผ้าพันคอแอร์เมสยังเป็นสินค้าอีกอย่างที่ได้รับความนิยมมากในบรรดาทุกไลน์ และเป็นสินค้าชิ้นแรกที่ทำให้รัชนีพรได้รู้จักกับแอร์เมสลึกซึ้งขึ้น “ผ้าพันคอไม่ใช่แค่เพื่อความอบอุ่น แต่แอร์เมสจะทำให้ลูกค้าเห็นว่า ผ้าพันคอเป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และแฟชั่น โดยแจกคู่มือ “How to Wear the Scarf” ให้ลูกค้าได้ใช้ผ้าในแบบของตน ซึ่งผ้าที่จะทำอย่างนี้ได้ ทั้งดีไซน์ลายและเนื้อผ้าต้องเอื้อ”

ผ้าพันคอแอร์เมสเริ่มต้นจากคัดเลือกเส้นไหมที่มีคุณภาพ และเทคนิคการทอแบบ16 รังไหม ขณะที่ของคนอื่นใช้แค่ 8 รังไหม และผลิตจากโรงงานในฝรั่งเศสซึ่งเป็นสุดยอดแห่งแฟชั่น จึงไม่น่าแปลกใจที่ดีไซเนอร์หลายคนนิยมนำผ้าพันคอแอร์เมสไปตัดเสื้อผ้า

บริการ ที่ถือเป็น “พรีเมียม” ของที่นี่คือ ซื้อแอร์เมสจากประเทศใดในโลกก็ตาม แต่ถ้าไม่พอใจ สามารถเปลี่ยน หรือซ่อมได้ จากช่วงคนเดิม ตลอดการใช้งาน

ด้วยความที่ต้องสื่อสารโดยตรงกับลูกค้า พนักงานขายเป็นหัวใจสำคัญของที่นี่ ทุกครั้งที่มีคอลเลกชั่นใหม่ที่เข้ามา ลูกค้าจะได้รับนัดจากพนักงาน เพื่อมาชมสินค้าใหม่ นอกจากข้อมูลสินค้า พนักงานที่นี่ยังต้องจดจำได้ว่าลูกค้าซื้ออะไรไปแล้ว หรือต้องการสินค้าอะไร และยังต้องเป็นสไตลิสต์แนะนำแฟชั่นเสื้อผ้าได้ด้วย

ลูกค้าวีไอพีของที่นี่ จะได้รับแมกกาซีน World of Hermes ทุกๆ 6 เดือน และยังถูกเชิญมาเป็นแขกพิเศษ ชม แฟชั่นโชว์ ที่แอร์เอส “ปิดร้าน” นัดลูกค้ามาพรีวิวสินค้าใหม่ก่อนใคร โดยมีนางแบบชั้นนำมาเป็นผู้ลองสินค้า รวมถึง เร็วๆ นี้ แอร์เมสเมืองไทยก็เตรียมจะจัดนิทรรศการภาพถ่ายสะท้อนความผูกพันของทางร้านที่มีต่อลูกค้า วีไอพี

รัชนีพรสรุปสั้นๆ ว่า “จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะจะมีไบเบิลมาจากเมืองนอก ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาที่เป็น Global Ads หรือการตกแต่งร้าน แต่สิ่งที่ยากก็คือ เพราะแอร์เมสเป็นแบรนด์ที่แข็งและมีชื่อเสียงดีอยู่แล้ว การรักษาและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งสำคัญที่เธอต้องทำก็คือ คุณภาพบริการที่ดีที่สุด”