มงต์บลอง …หรูครบเครื่อง เรื่องปากกา

หากพูดถึงเครื่องเขียนที่หรูหราและแพงที่สุด แบรนด์หนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “มงต์บลอง (Montblanc)” แบรนด์หรูจากเยอรมันอายุ 100 ปี ที่วันนี้ไม่ได้มีแค่ปากกาไฮเอนด์ แต่ยังมีสินค้าอีกหลายอย่าง เช่น นาฬิกา เครื่องหนัง เครื่องประดับ แว่นตา น้ำหอม และล่าสุดคือจิวเวลรี่ผู้หญิง ซึ่งล้วนที่ผลิตขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกันคือ “ความเป็นสินค้าพรีเมียม”

จุดยืนของมงต์บลองจนทุกวันนี้ก็คือ ผู้นำเครื่องเขียนระดับโลก กราเซียลา ฮาวบี ผู้จัดการทั่วไปสินค้าลักซูรี่ของ บริษัท DKSH (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าสินค้ามงต์บลอง อธิบายเพิ่มเติมถึงจุดเริ่มต้นความพรีเมียมของปากกามงต์บลองว่า มาจากคุณภาพสินค้าและดีไซน์ที่มีปรัชญาการผลิตคล้ายงานศิลปะคือ “เราสร้างสิ่งที่สวยงามให้เกิดขึ้นบนโลก สำหรับคนที่เข้าใจและชื่นชมความงาม”

กราเซียลา บอกเล่าถึงลักษณะทั่วไปของแฟนประจำมงต์บลองว่า “ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีการศึกษาสูง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ชอบสิ่งที่สวยงาม มีสไตล์ของตัวเอง ซาบซึ้งกับงานศิลปะ และรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร หลายคนยังเป็น Montblanc Collector อีกด้วย”

ย้อนรอยการผลิตปากกาของมงต์บลองพบว่า กระบวนการสร้าง “ความพรีเมียม” เริ่มตั้งแต่การเลือกวัสดุมาใช้ ไม่ว่า เพชรน้ำงาม ไข่มุกขาว พลอยสีแท้ๆ ทองคำบริสุทธิ์ ฯลฯ กราเซียลาสรุปว่า “เราหาวัสดุที่ดีและสวยที่สุดจากทั่วโลกมาใช้ในงานเรา” ยกตัวอย่าง ไข่มุกอาโกย่าขาวนวลบนปลอกปากกา Grata Garbo มาจากญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งไข่มุกขาวที่ดีที่สุดของโลก หรือเครื่องหนังที่ทำจากหนังลูกวัวก็เป็นหนังชั้นดีในเยอรมัน เป็นต้น

เมื่อได้วัสดุที่ดีที่สุดแล้ว ขั้นต่อมาก็คือ กรรมวิธีการผลิตที่ประณีต “ปลายปากกาหมึกซึมแต่ละชิ้นจะทำมาจากทองหรือทองคำขาวซึ่งต้องผ่านการตีกว่าร้อยขั้นตอนจนได้หัวปากกา แล้วก็นำไปฝนบนกระดาษจนมนได้ที่ และหากกระดาษขาดก็ถือว่าหัวปากกานั้นใช้ไม่ได้ ทุกด้ามต้องใช้แรงงานคนฝนซึ่งต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญสูง” เอกกมล ดอนกำเนิด ผู้จัดการผลิตภัณฑ์มงต์บลองยกตัวอย่าง

ดีไซน์เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญแห่งความพรีเมียม มงต์บลองใช้กลวิธีสร้างเรื่องราวหรือตำนานให้ปากกาทุกรุ่น โดยเฉพาะรุ่นพิเศษ และ Limited Edition เช่น มงต์บลอง Grata Garbo คอลเลกชั่นพิเศษเนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดครบปีที่ 100 ของเกรต้า กราโบ ดาราสาวฮอลลีวู้ดผู้สง่างามจนเป็นตำนานแห่งดาวของโลก ปากการุ่นนี้จึงถูกดีไซน์ให้ดูสง่างามและอ่อนโยน โดยตัวปากกาเว้าเล็กน้อยคล้ายสรีระผู้หญิง และประดับด้วยไข่มุกสีขาวนวล พร้อมลายเซ็นอันอ่อนช้อยของเกรต้า กราโบ

“เธอคือแรงบันดาลใจของดีไซเนอร์ในการสร้างผลงานออกมาเป็นตัวแทนผู้หญิงแบบเธอ คือสง่างาม มั่นใจ ทันสมัย และเข้มแข็ง” เอกกมลเล่าตำนานที่มาพร้อมกับชื่อ “มงต์บลอง เกรต้า กราโบ” โดยตั้งใจครอง mind-share ของลูกค้าที่เป็นหญิงสาวผู้ (ต้องการ) มีบุคลิกทันสมัย มาดมั่น และสง่างาม เฉกเช่นเกรต้า กราโบ

ปี 2549 นี้ มงต์บลองใช้ตำนานของวาทยกรผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 Sir Georg Solti เป็นแรงบันดาลใจออกแบบคลิปปากกาเป็นคีย์เปียโน และปลอกสะท้อนถึงเส้นลวดด้านในของเปียโน “เรามีคณะกรรมการคิดกันว่าสินค้าต่อไปจะเอาแรงบันดาลใจมาจากใคร ซึ่งคนที่จะมาเป็นชื่อรุ่นปากกาจะเป็นคนที่เสียชีวิตแล้ว และเป็นคนที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม หรือมีคุณค่าต่อแวดวงศิลปะและวัฒนธรรม เพราะมงต์บลองสนับสนุนด้านนี้”

ความพรีเมียมยังเกิดจาก “limited edition strategy” ทั้งนี้ แม้มูลค่าและคุณค่าของสินค้าอาจขึ้นอยู่กับจำนวนที่ผลิต แต่ชื่อเสียงของแบรนด์กลับอยู่ที่ความขลังในความเอ็กคลูซีฟ “สินค้าลิมิตเต็ด พอผลิตเสร็จ เราจะทำลายเครื่องมือผลิตเลย เพราะถ้ามีใครขโมยหรือก๊อบปี้ไปผลิตออกมาเพิ่ม มันก็เหมือนกับเราไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า หากถ้าจะซ่อมรุ่นลิมิตเต็ดก็ต้องผลิตเครื่องที่ใช้ซ่อมขึ้นใหม่” เอกกมลขยายความ

มงต์บลองรุ่นลิมิตเต็ดที่หมดแล้วจึงไม่อาจสั่งซื้อเพิ่มได้นอกจากประมูลตามเน็ตหรือที่กราเซียลา ฮาวบี ใช้คำว่า “You have to search the world out” นี่ช่วยอธิบายว่า ทำไมยิ่งนานวัน ปากกามงต์บลองบางรุ่นจึงมีราคาสูงขึ้นกว่าราคาขายเดิมหลายเท่า

บรรยากาศภายในร้าน ต้องมีรายละเอียดที่ตรงกับคอนเซ็ปต์ของบริษัทแม่กำหนดไว้ทุกอย่าง เช่น วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ การจัดวินโดว์ดิสเพลย์ สีแสง ฯลฯ ล้วนมาจากฝ่ายการตลาดที่สำนักงานใหญ่ในเยอรมนี ซึ่งส่งคู่มือมาให้ ภายในร้านจะเน้นบรรยากาศรวมคือ เข้าถึงสินค้าได้ง่าย พร้อมกับการตกแต่งให้ดูดีมีสไตล์และสง่างาม เพื่อสะท้อนความเอ็กคลูซีฟของลูกค้าที่เข้ามาด้วย “เวลาลูกค้าประจำเข้ามา พนักงานต้องทักทายหรือทำให้รู้ว่าเราจำเขาได้ เป็นการแสดงความนับถือลูกค้าเรา”

ขณะที่การสื่อสารถึงความพรีเมียมของแบรนด์ “มงต์บลอง” เลือกใช้หลายช่องทาง เช่น โฆษณาในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ จัดอีเวนต์ขึ้นเอง หรือการรวมงานแฟร์ต่างๆ แต่ไม่ว่าจะสื่อสารมากขนาดไหนก็ตาม กราเซียลาย้ำว่า “ความโดดเด่นของสินค้าและบริการ คือส่วนสำคัญที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ” นี่เป็นเหตุผลที่เธอให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ณ จุดขายค่อนข้างมาก

นอกจากคอร์สเทรนนิ่งเรื่องแบรนด์และสินค้าใหม่ การสื่อสารกับลูกค้าให้กับพนักงานขาย และโปรแกรมเทรนนิ่งในต่างประเทศ มงต์บลองยังออกนิตยสาร “Montblanc” เล่มหรูให้เฉพาะพนักงานอ่านเป็นประจำ “ถือเป็นการให้ข้อมูลลึก เช่น ตำนานที่มาความหรูของสินค้าแต่ละตัว เพื่อสร้างอารมณ์และความรู้สึกดีๆ ในตัวสินค้าให้พนักงาน ก่อนที่เขาจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและให้ข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้า”

ภายในร้านยังมีบริการแกะสลักชื่อ (engraving) ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ใช้สื่อสารถึงความเอ็กคลูซีฟที่มงต์บลองพร้อมมอบให้ลูกค้า ร่วมกับการรับประกันสินค้าก็เป็นอีกส่วนที่เพิ่มความพรีเมียมให้สินค้ามงต์บลองด้วย registered number สำหรับทุกด้าม โดยที่ร้านจะให้บริการซ่อมเล็กน้อย และรับส่งซ่อมไปยังสำนักงานที่ฮ่องกง เพื่อส่งไปซ่อมด้วยอะไหล่แท้จากโรงงานที่เยอรมนีโดยช่างทีมเดิม (สำหรับ limited edition)

นี่คือเหตุผลที่ว่า “ทำไมปากกามงต์บลองจึงเหน็บอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจหรือบุคคลโด่งดังจำนวนมาก” กราเซียลา ให้คำตอบว่า “เราสร้างความรู้สึกว่านี่คือ perfect pen ซึ่งความรู้สึกจะเกิดได้เมื่อลองสัมผัส แต่เขาจะรู้สึกอย่างนั้นได้ก็ต้องเริ่มต้นจากคุณภาพสินค้า” ด้วยการตอบรับอย่างดี มงต์บลองจึงเพิ่มสาขาขนาด 127 ตร.ม. ณ สยาม พารากอน ซึ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย

Montblanc Signature

1. สินค้าทุกชิ้นต้องมีสัญลักษณ์รูปดาวหกแฉก ซึ่งมีที่มาจากหิมะที่ปกคลุมยอดเขามองต์บลังซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขา Alp ซึ่งกั้นพรมแดนระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลี

2. Iconic number คือ “4810” ซึ่งเป็นตัวเลขความสูงของยอดเขามองต์บลัง

3. ใต้คลิปปากกาจะมีคำว่า pix และเม็ดมะยมที่นาฬิกาจะเป็นรูปดาวหกแฉก

4. สินค้ามงต์บลองทุกชิ้นจะทำจากวัสดุมีค่า

5. ถ้าปากกามงต์บลองแท้ต้องผลิตจากเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ส่วนนาฬิกามงต์บลองจะผลิตจากเมืองเลอ โลค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความเที่ยงตรง

Did you know?

1. ปากกามงต์บลองรุ่น Boheme Royal Black & White ที่นำเข้ามาเปิดตัวมงต์บลองสาขาใหม่ ณ สยาม พารากอน มีเพชรประดับถึงกว่า 4 พันเม็ด มูลค่าสูงกว่า 7 ล้านบาท ผลิตมาเป็นเซตคู่กับนาฬิการาคาหลายล้าน ทว่าประเทศไทยจะมาแค่ปากกา ซึ่งต้องสั่งผลิต (make-to-order)

2. แม้มงต์บลองจะเพิ่มแตกไลน์สินค้ากลุ่มนาฬิกามาแค่ 8 ปี แต่ทว่าเป็นอีกไลน์ที่เติบโตทางด้านการรับรู้ถึงความพรีเมียม และยอดขายสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนาฬิกาเป็นสินค้าที่จับคู่ขายเป็นเซตกับปากกาได้เข้ากันดีที่สุด เช่น ปากกา Star Walker จับคู่กับนาฬิกา Time Walker นอกจากนี้ยังมี cuff link รุ่น Urban Walker และกำลังจะมีน้ำหอมที่มาเข้าเซตอีกด้วย

3. มงต์บลองเข้ามาบุกตลาดเครื่องเขียนระดับพรีเมียมของไทยกว่า 12 ปีแล้ว เริ่มนำเข้ามาโดย Siber Hegner แต่ราว 2 ปีที่ผ่านมา จึงร่วมมือกับ Diethelm Keller เปลี่ยนชื่อเป็น DKSH