“ลูกชายท่านคนหนึ่ง สุภาพ ติดดิน มีน้ำใจมาก เคยเจอครั้งหนึ่งที่งานสังคม เขาก็อุตสาห์เดินไปหาเก้าอี้ให้ดิฉันนั่ง” ข้าราชการคนหนึ่งเล่าให้ฟังด้วยความปลาบปลื้ม และออกอาการชื่นชมบุตรชายคนหนึ่งของ ”เจริญ สิริวัฒนภักดี” เศรษฐีอันดับ 1 ของไทย อย่างมาก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย ที่ลูกมหาเศรษฐีจะบริการและให้เกียรติคนธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างไม่ถือตัว
ทำให้อดชื่นชมเสียไม่ได้กับการเลี้ยงดูบุตรและธิดา ที่กลายเป็นที่รักใคร่ของคนในสังคม ซึ่งไม่เพียงอ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะแล้ว ยังไม่ได้ทำตัวเหมือนชาวไฮโซทั่วไป
นี่คือความสำเร็จสุดยอดของคนคนหนึ่งที่พึงมี ในการสามารถสร้างทายาทที่มีคุณภาพต่อสังคม จึงไม่น่าแปลกใจว่าในยุคนี้ ที่สังคมไทยจะรู้จัก ”เสี่ยเจริญ” กันอย่างดี โดยไม่ใช่การรู้จักเฉพาะความร่ำรวยเท่านั้น และไม่เพียงประเทศไทยเท่านั้น แต่ในสังคมโลกก็รู้จัก ”เสี่ยเจริญ” ในฐานะเศรษฐีระดับโลกด้วยเช่นกัน จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส ในปี 2548 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 120,000 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 194 ของเศรษฐีโลก
ข้อมูลเกี่ยวกับ ”เสี่ยเจริญ” มีอยู่ในเกือบทุกห้องสมุด และหอสมุด มีอยู่ในการค้นหาจากอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ด้วยบทสรุปที่ได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าที่มาของความร่ำรวยของ ”เสี่ยเจริญ” นั้นคือธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่แม่โขง แสงโสม จนถึงเบียร์ รวมหลายสิบแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในตลาด ตั้งแต่ระดับรากหญ้า จนถึงระดับไฮเอนด์
แต่ ”เสี่ยเจริญ” ก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่อยู่ในอาณาจักรของเขา ทั้งธุรกิจน้ำตาล กระดาษ และธนาคาร โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ที่ไม่ว่ายุคฟองสบู่แตก ระดับจีดีพีไต่อยู่ใกล้ 1-2% เท่านั้น หรือยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูที่จีดีพีพุ่งเกิน 5% “เสี่ยเจริญ” ก็ก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง จะมีบ้างก็เพียงการถอย เพื่อก้าวต่อเท่านั้น
สิ่งที่เป็นปัจจุบันของ ”เสี่ยเจริญ” ยังสะท้อนถึงพลังของการบริหารธุรกิจ จนกระทั่งคลังเงินทุนของ ”เสี่ยเจริญ” เป็นที่หมายตาของธุรกิจต่างๆ หลายธุรกิจ ที่ส่ออาการย่ำแย่ก็มักมีการลือว่า ”เสี่ยเจริญ” จะเข้าไปเทกโอเวอร์ อย่างเช่น “ไอทีวี” ที่เคยประสบภาวะเขาทุนเมื่อ 5 ปีก่อน ก็มีข่าวว่า ”เสี่ยเจริญ” จะเข้าไปเทกฯ แต่ดีลยังไม่สำเร็จ จนถึงปัจจุบันที่ไอทีวีกำลังต้องเผชิญปัญหาแพ้คดีฟ้องร้องการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐ มาจนถึงค่าปรับกว่า 7 หมื่นล้านบาท เสียงลือว่า ”เสี่ยเจริญ” จะเข้ามาเทกฯก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หรือแม้แต่อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ที่หลายคนกำลังเล็งผลักดันให้เกิดบริการโทรศัพท์มือถือระบบ 3 จี แต่ไม่มีผู้ให้บริการรายใดมีเงินทุนเพียงพอ ก็มีชื่อของ ”เสี่ยเจริญ” ว่าเป็นนักลงทุนธุรกิจโทรศัพท์มือถือ 3 จี ที่มีความพร้อมมากที่สุด
แม้กระทั่งธุรกิจ ”ชาเขียว” ที่จู่ๆ “เสี่ยเจริญ” ก็ทุ่ม 3 พันล้านซื้อทั้งธุรกิจชาเขียว และ ”ตัน ภาสกรนที” มาอยู่ในสังกัด
แต่ความเป็น ”เสี่ยเจริญ” ไม่ได้ลงทุนอย่างสเปะสปะ เพราะทุกอย่างต้องรอบคอบ และมีกลยุทธ์ เหมือนอย่างพ.ศ.นี้ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ ”เสี่ยเจริญ” กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยวิธีการเปิดกว้าง ดึงพันธมิตรจากสิงคโปร์ “แคปปิตอลแลนด์” ในเครือกองทุนเทมาเส็ก โฮลดิ้ง มาร่วมทุนในนามบริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอลแลนด์ จำกัด
อาณาจักรของที.ซี.ซี.แลนด์ฯ จึงเติบโตรวดเร็ว อย่างที่เห็นกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่พักอาศัยระดับหรู คือ Athenee Residence เปิดตัวไปเมื่อเดือนธันวาคม 2547 จำนวน 219 ยูนิต ปี 2548 เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 70 ยูนิต “ราชครู วิลล่า” บนถนนพหลโยธินซอย 5 และปลายปี 2548 ประกาศเปิดตัว Empire Place สูง 45 ชั้น บนแยกสาทร นราธิวาสราชนครินทร์ ซอย 4 เป็นห้องชุดที่อยู่อาศัย 440 ยูนิต ขณะนี้ครึ่งหนึ่งของโครงการถูกขายหมดแล้ว
นอกจากนี้ยังกำลังพัฒนาที่ดิน 300 ไร่ ที่ เกษตร-นวมินทร์ เป็นบ้านเดี่ยวระดับหรู และศูนย์การค้า ทั้งบ้านพักอาศัย และศูนย์การค้า
ยังไม่นับโครงการอีกนับสิบโครงการทั้งในและต่างประเทศ ที่ ”เสี่ยเจริญ” ลงทุนก่อนหน้านี้ ในนาม ที.ซี.ซี.แลนด์ และที่กำลังมุ่งเข็มลงทุนในทำเลทองอีกหลายแห่ง แข่งกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น
“เสี่ยเจริญ” ยังสยายปีกไปต่างประเทศ โดยส่งธุรกิจสุราเป็นหัวหอก โดยทุ่มทุนติดโลโก้เบียร์ช้าง บนเสื้อของทีมฟุตบอลสโมสรเอฟเวอร์ตัน ของอังกฤษ และเมื่อพลาดหวังจากการนำบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ก็ยังมีช่องทางไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เมื่อต้นปี 2549 ที่ผ่านมา สดๆ ร้อนๆ
เพราะฉะนั้นยุคนี้ คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ”เจริญ สิริวัฒนภักดี” ยังคงเป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศไทย
“จากกรรมกร ถึงเศรษฐีโลก”
ประวัติของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี “ มีการเขียน เรียบเรียงจำนวนมาก สรุปได้ว่า เขามีชื่อจีน “โซวเคียกเม้ง” เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2487 บิดามีอาชีพ ”ขายหอยทอด” ใช้เวลาเรียนถึง 8 ปีเพื่อให้จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเผยอิง เพราะสอบตกเรียนซ้ำชั้น แต่มีข้อดีทำให้มีเพื่อนหลายรุ่น และมีเวลานานพอที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยการขายของเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเขา 11 ปี ได้รับจ้างเข็นรถส่งสินค้า ย่านสำเพ็ง ทรงวาด จากนั้นก็ขยับเป็นพ่อค้าหาบของขาย
ปี 2504 ได้เป็นลูกจ้างของชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทยคนหนึ่ง ในบริษัทย่งฮะเส็ง และห้างหุ้นส่วนจำกัด แพนอินเตอร์ ที่จัดส่งสินค้าให้โรงงานสุราบางยี่ขั้น และเพียงปีเดียวเขาได้เป็น ”ซัพพลายเออร์” ให้โรงงานสุราบางยี่ขันเอง นำมาสู่การรู้จักกับนายจุล กาญจนลักษณ์” ผู้เชี่ยวชาญการปรุงรสสุรา โดยเฉพาะสูตร ”แม่โขง” และคุ้นเคยกับเจ้าสัว เถลิง เหล่าจินดา” ผู้มีอำนาจในการจัดซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างของโรงงาน โซเคียกเม้ง” กลายเป็นขุนพลคู่ใจของเจ้าสัวเถลิงในเวลาไม่นาน เพราะความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะ กลยุทธ์ แลเคล็ดลับในการทำธุรกิจสุราจึงเป็นของเขาในที่สุด
เมื่ออยู่ในวงการของเจ้าสัวแล้ว จึงได้มีโอกาสพบกับ ”วรรณา แซ่จิว” หรือปัจจุบันคือ ”คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี” บุตรสาวของเจ้าสัวกึ้งจู แซ่จิว
ปี 2518 บริษัทธารน้ำทิพย์ ผู้ผลิต ”ธาราวิสกี้” ของ ”พงส์ สารสิน” และ ”ประสิทธิ์ ณรงค์เดช” ประสบภาวะขาดทุนและประกาศขาย กลุ่มเจ้าสัวเถลิงและ “เจริญ” จึงเข้าซื้อกิจการ ซึ่งก็คือบริษัทแสงโสมในปัจจุบัน
ปี 2529 “เจริญ” ที่ได้กลายเป็น ”เจ้าสัว” ไปแล้ว ได้เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร และการเงิน ด้วยความช่วยเหลือของ ”พ่อตา” เข้าไปซื้อหุ้นในธนาคารมหานคร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ ซื้อหุ้นในบริษัทอาคเนย์ประกันภัย และอีกหลายกิจการ
ปี 2537 ซื้อกิจการกลุ่มโรงแรมอิมพีเรียล ที่มีโรงแรมในเครือจำนวนมากจากนายอากร ฮุนตระกูล และจากนั้น ”เจ้าสัวเจริญ” ก็ขยายธุรกิจอย่างไม่เคยหยุดยั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยมีทายาท 5 คน พร้อมสานต่อ คือ อาทินันท์ วัลลภา ฐาปน ฐาปนี และปณต
ปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่เป็นเลื่องลือของเจ้าสัว ”เจริญ” คือ การซุ่มซ่อนยาวนาน สะสมทุน รอคอยโอกาส ที่สำคัญ “คุณธรรมน้ำมิตร” ที่ว่า ”บุญคุณต้องทดแทน” ทำให้เส้นทางของ ”เจ้าสัวเจริญ” ยังมีโอกาสอีกยาวไกล



