"รู้แล้วต้องช็อก"
"อุทาหรณ์ ที่คุณต้องซึ้งเมื่อรู้ว่า..."
"เตือนภัย xxx ที่คุณต้องทึ่งว่าทำได้ไง"
"ชายคนนี้นอกใจเมีย แต่เมื่อคุณรู้เหตุผลแล้วต้องให้อภัย"
"เมื่อรู้ว่าสามีมีชู้ นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ"
ประโยคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้อความที่เว็บไซต์ที่ใช้คำว่าสำนักข่าวต่างก็พยายามใช้เพื่อเรียกความสนใจจากผู้อ่านจนเป็นที่มาของการคลิกเข้าไปอ่าน เว็บไซต์หรือการตั้งพาดหัวในลักษณะนี้เรียกว่า Clickbait หลอกล่อให้คนคลิกเข้าไปอ่านบทความต่อในเว็บไซต์ ตามคำแปลของ Bait ที่แปลว่า เหยื่อ, ใส่เหยื่อเพื่อตกปลา หรือใช้วิธี Upworthy Title ตั้งชื่อเรื่องให้โอเวอร์เกินจริงไปมากๆ แต่วิธีการนี้เองที่ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในวงการคนทำเว็บไซต์ต้องใส่ใจกับปรากฏการณ์นี้ เพราะเมษายนที่ผ่านมานี้เอง เว็บไซต์ที่มีคนเข้าอันดับ 1 ของประเทศไทย ตามรายงานของ Truehits (ศูนย์วิจัยนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตไทย) ไม่ใช่ Sanook, Kapook, Dek-D หรือแม้แต่ Pantip อีกแล้ว แต่กลับเป็นเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า Ohozaa ซึ่งอันดับของเว็บไซต์แห่งนี้ไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ จากเดือนมีนาคมอยู่ที่ 2
แจ้งเกิดเพราะโซเชียลมีเดีย
ไม่ถึงกับขนาดต้องวิเคราะห์เชิงลึกอะไร เอาแค่พฤติกรรมที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้เมื่อเราเข้าเฟซบุ๊ก...
พบชาวมิลเลนเนียลใช้สายตาหนักเกินจำเป็น เหตุเพราะอยู่กับอุปกรณ์ดิจิตอลวันละ 9 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ส่งผลให้อวัยวะอย่าง “ดวงตา“” เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในการทำงาน จากการศึกษาของ The Vision Council พบว่า 68 เปอร์เซ็นต์ของชาวมิลเลนเนียลยอมรับว่าตนเองมีอาการปวดตา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ดวงตาของเด็กยุคมิลเลนเนียลเกิดปัญหานั้นมีหลายสาเหตุ แต่ประเด็นหลักมาจากการจ้องมองหน้าจอที่มีแสงจ้า เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอทีวี แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือนานเกินไป ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ผู้ที่จ้องมองหน้าจอมักจะกะพริบตาน้อยครั้งกว่าผู้ที่ใช้ชีวิตห่างจากเทคโนโลยี ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตาแห้ง หรือเกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ แสงสีฟ้าที่รู้จักกันในชื่อ HEV - High Energy Visible ที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอของอุปกรณ์ต่างๆ ก็มผลต่อดวงตาอย่างมาก โดยงานวิจัยของ The Vision Council ระบุว่า แสงสีฟ้านี้อาจทำอันตรายต่อเซลล์เรตินอลได้เลยทีเดียว อาการของโรคปวดตาในยุคดิจิตอลที่พบได้บ่อยคือ อาการตาแห้ง เคืองตา...
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 16.54น. ผู้ที่ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊กว่า @Apiwat Jalornkong โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ตอนนี้ผมหิวมาก และเพื่อนๆที่ทำงานก็หิวเช่นกัน ขอเหตุผลสัก 1 ข้อที่ทำให้ผมตัดสินใจสั่งร้านของคุณหน่อยครับ KFC ที่กินประจำ The Pizza Company 1112 Lovers ที่สั่งบ่อยๆ McDonald's ที่แวะก่อนกลับบ้านเสมอ ...” ก่อนแท็กข้อความไปยังผู้ดูแล (แอดมิน) เฟซบุ๊กร้านฟาสต์ฟูดเจ้าดังทั้ง 3 แห่ง จากเฟซบุ๊ก @Apiwat Jalornkong จากนั้นผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊กของฟาสต์ฟูดทั้ง 3 แห่งก็ทยอยเข้ามาตอบโดยใช้ข้อความจูงใจ...
เฟซบุ๊คและไอบีเอ็ม คอมเมิร์ซ ประกาศความร่วมมือในการสร้างมิติใหม่ของการทำตลาดแบบเจาะจงเฉพาะบุคคลสำหรับแบรนด์ชั้นนำ เพื่อการเข้าถึงลูกค้าที่ตรงเป้าหมายด้วยข้อมูลที่ใช่และในเวลาที่เหมาะสม นับจากวันนี้เป็นต้นไป ไอบีเอ็มและเฟซบุ๊คจะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกสามารถเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างแคมเปญการตลาดที่เหมาะและเจาะจงตรงกับสิ่งที่ผู้บริโภคมองหาอย่างแท้จริง โดยลูกค้ามาร์เก็ตติ้งคลาวด์ของไอบีเอ็มจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านการโฆษณาที่เปี่ยมประสิทธิภาพของเฟซบุ๊คอย่าง Custom Audiences ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงหรืออนาไลติกส์ (analytics) ของไอบีเอ็ม เพื่อสร้างสรรค์และส่งมอบประสบการณ์ที่ตรงใจลูกค้า ผ่านทุกแพลตฟอร์มและดีไวซ์ในทุกที่ทุกเวลา พร้อมต่อยอดด้วยเทคโนโลยีเจอร์นี่ย์ ดีไซเนอร์ (Journey Designer) ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถออกแบบประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่เหมาะกับลูกค้าในทุกจุดของเส้นทางการขาย และเทคโนโลยีเจอร์นี่ย์ อนาไลติกส์ (Journey Analytics) ที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าใจรูปแบบการตอบสนองของลูกค้าในแบบองค์รวมได้ การผสานเทคโนโลยีโฆษณาของเฟซบุ๊คเข้ากับเจอร์นี่ย์ อนาไลติกส์ของไอบีเอ็ม จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงและเจาะจงกลุ่มลูกค้าที่ใช่จากบรรดาผู้ใช้งานเฟซบุ๊คกว่า 1.44 พันล้านคนทั่วโลกได้อย่างตรงเป้าหมาย และสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นสนใจ เข้ากับปฏิกิริยาการตอบสนองที่ได้รับจากหลากหลายช่องทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุมมองเชิงลึกเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ผ่านเทคโนโลยีเจอร์นี่ย์ ดีไซเนอร์ของไอบีเอ็ม เพื่อให้แบรนด์สามารถส่งผ่านข้อมูลที่ทรงพลังตรงไปยังลูกค้าเป้าหมายได้ทั้งทางเฟซบุ๊คและสื่ออื่นๆ เฟซบุ๊คยังจะเป็นพันธมิตรรายแรกที่เข้าร่วมไอบีเอ็ม คอมเมิร์ซ ธิงค์แล็บ...
“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยนายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต จับมือกับ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด โดยนายธนศักดิ์ พรอริยพรหม ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ซักผ้า ออกแคมเปญ “ช้อปทุกวัน คุ้มทุกวัน” ชวนสมาชิกเลือกซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าในเครือ TDP (Thailand Department Stores Pool) ห้างสรรพสินค้าที่บริหารงานโดยคนไทย เพื่อรับสิทธิพิเศษตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มสมาชิกที่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และคุ้นเคยกับการใช้บริการในห้างสรรพสินค้าประจำท้องถิ่น ทั้งนี้ บริษัท ไลอ้อน ประเทศไทย จำกัด ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม และเป็นสินค้าจำเป็นในชิวิตประจำวัน ได้แก่...
เอไอเอส ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม จับมือ ซัมซุง นำสมาร์ทดีไวซ์สุดฮอต “Samsung Galaxy S6 edge ขนาด 32 GB สีเขียว Green Emerald” เป็น Limited Edition วางจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย สุดเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อลูกค้าเอไอเอสเท่านั้น เอาใจสาวกกาแล็คซี่ให้ได้สัมผัสกับนวัตกรรมสมาร์ทดีไวซ์ ดีไซน์เรียบหรู ระดับเวิล์ดคลาส ซึ่งเกิดจากความร่วมมือในระดับภูมิภาคระหว่างเครือสิงค์เทลกรุ๊ปกับซัมซุง โดยเปิดให้ลูกค้าเอไอเอสจองและมัดจำเพียง 1,000 บาท พร้อมรับฟรี! Power bank 7,800 มิลลิแอมป์ ในงาน Thailand Mobile Expo 2015 ที่บูธเอไอเอสเท่านั้น ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันทึ่...
จากบทบาทนักธุรกิจ “วัยรุ่นพันล้าน” เจ้าของอาณาจักร “เถ้าแก่น้อย” แบรนด์ที่ทำให้หลายคนรู้จัก “อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์” หรือ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาได้เพิ่มบทบาทของตนเองด้วยการเป็น “ผู้ลงทุน” ในบริษัทสตาร์ทอัพอีกมากมาย เพราะเขามีความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้! ต๊อบได้เริ่มเป็นผู้ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพในนามส่วนตัวมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี ล่าสุดได้ลงทุนควักกระเป๋าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ลงทุนในกองทุน “500 Tuktuks (500 ตุ๊กตุ๊ก)” ร่วมกับ เรืองโรจน์ พูนผล หรือกระทิง, ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ หรือหมู อุ๊กบี และ โยธิน ดำเนินชาญวณิชย์ ผู้บริหาร Double A แต่ในการลงทุนที่ผ่านมาไม่ระบุว่าลงทุนไปแล้วเท่าไหร่ และกี่บริษัท โดยที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งสิ้น...
“กลุ่มเซ็นทรัล” ซุ่มเจรจาซื้อห้างดังในเยอรมนีอีกแห่ง คาดสรุปเร็วๆ นี้ สานแผนรุกตลาดค้าปลีกโลก เผยปีนี้มีงบพร้อมซื้อกิจการและควบรวมกิจการในต่างประเทศอีก 10,000 ล้านบาท ขณะที่ห้างลา รีนาเชนเต ในอิตาลี ที่ซื้อมาคืนทุนไปแล้ว นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ กรรมการและประธานคณะที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของกลุ่มเซ็นทรัลที่ต้องการจะขยายธุรกิจในต่างประเทศและสร้างการเติบโตทางด้านรายได้ให้มากที่สุดอย่างก้าวกระโดด ซึ่งปีนี้ตั้งงบประมาณการลงทุนในต่างประเทศไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยแนวทางนั้นจะมีทั้งการเข้าซื้อกิจการ หรือการควบรวมกิจการในธุรกิจที่มีศักยภาพ การขยายธุรกิจไปต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและฐานธุรกิจให้กว้างและใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างความพร้อมของเซ็นทรัลให้เข้าสู่การแข่งขันในตลาดระดับโลก และเพื่อการก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าระดับโลกอย่างแท้จริง รวมทั้งยังเป็นการผลักดันสินค้าของคนไทยให้มีโอกาสจะขยายไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้นด้วย โดยกลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญต่อการขยายตลาดทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป ซึ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายหลังจากการรวมเป็นเออีซีแล้วจะทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น มีประชากรมากกว่า...
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เทสโก้ โลตัส ยักษ์ค้าปลีกไทยปฏิเสธไม่ได้ขายกิจการให้ใคร หลังสะพัดในโซเชียลมีเดีย ว่า ซีพีซื้อกิจการไปแล้ว อีกทั้งกระแสบอยคอตซีพี - เซเว่นอีเลฟเว่น ลุกลาม พบต้นเหตุเคยมีข่าวว่า “เจ้าสัวธนินท” จะซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่แล้ว วันนี้ (6 พ.ค.) บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชัน ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส และร้านสะดวกซื้อ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า ตามที่มีกระแสข่าวทางโซเชียลมีเดีย ว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ซื้อกิจการเทสโก้ โลตัส ไปแล้วนั้น เทสโก้...









