กรุงศรี – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 15 Oct 2024 09:41:42 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรุงศรี เปิดอินไซต์ ทฤษฎีไข่ดาว สะท้อนความง่ายของลูกค้าที่แตกต่างกัน https://positioningmag.com/1494363 Tue, 15 Oct 2024 05:52:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1494363 ปัจจุบันการมีอยู่ของเทคโนโลยีทำให้เทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดความต้องการที่แตกต่างของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะเรื่องการบริการ ที่ต้องมีความเข้าใจและสามารถช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้คนง่ายสะดวกสบายยิ่งขึ้น

แต่ในความง่ายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน เช่น การที่บางคนถือว่ากะเพราเป็นเมนูง่ายๆ แต่ในขณะที่เมนูง่ายๆ ของคนอีกกลุ่มอาจเป็นข้าวผัดหมูสับ จึงเป็นความท้าทายของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการเงิน ที่ต้องปรับตัวและหาหนทางในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล

ทฤษฎีไข่ดาว ความง่ายที่ไม่เหมือนกัน

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยมองหาทางเลือกที่เน้นความง่าย ในการตอบโจทย์ความต้องการ แต่นิยามของคำว่าง่ายของแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน จากปัญหาที่เจอตรงนี้จึงเป็นที่มาของแคมเปญ ‘ชีวิตที่อยากได้ ไม่เหมือนกัน’ โดยมีภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ที่พูดถึง ทฤษฎีไข่ดาว ที่สะท้อนความชอบและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกันแต่มีความง่ายเป็นจุดร่วมเดียวกันของผู้บริโภค เปรียบเหมือนเมนูไข่ดาวที่หลายคนอาจมองว่าง่ายแต่มีความแตกต่างในวิธีการทำ

สอดคล้องกับการสำรวจที่กรุงศรีพบว่า กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันมีความง่ายในเรื่องของการใช้จ่ายเงิน แต่แตกต่างกันตรงที่

  • กว่า 35% ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของแบรนด์ มีคุณภาพดี พร้อมจะลงทุนเพื่อสถานะและสร้างภาพลักษณ์ของตนเอง
  • 16% เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายเงินแบบเน้นแต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ และจะชอบประสบการณ์ในการเดินดูของมากกว่าการซื้อของ
  • 15% กลุ่มที่ใช้จ่ายเงินแบบประหยัด จะไม่ซื้อถ้าไม่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธของใหม่ตราบใดที่เป็นของมีคุณภาพดี
  • 14% กลุ่มลูกค้าที่ใช้จ่ายเงินเพื่อสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ และเป็นสินค้ากลุ่ม eco หรือ sustainable
  • 13% ใช้จ่ายเงินในการซื้อของแบรนด์ที่ลดราคา
  • 10% ใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังและพร้อมจะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าหรือบริการที่ตนเองเชื่อใจ

ลบภาพแบรนด์ที่ถูกมองว่ามีอายุ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่

หากมองย้อนกลับไปช่วงปี 2011 ธุรกรรมทางการเงินในสมัยนั้น ถือเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อนสำหรับหลายๆคน ทำให้กรุงศรี ได้ริเริ่มสร้างความแตกต่าง ด้วยการทำให้ เรื่องเงิน กลายเป็น เรื่องง่ายสำหรับลูกค้า ผ่านผลิตภัฑณ์ทางการเงินและบริการใหม่ๆ อาทิ ประกันกล่อง ที่ทางธนาคารทำออกมาให้อยู่ในรูปแบบของโบชัวร์ วางไว้ในสาขาให้คนได้หยิบอ่านกันได้ง่ายขึ้น จากที่เมื่อก่อน ประกันจะมาให้รูปแบบของเอกสารรูปเล่ม เป็นต้น พร้อมสโลแกนคุ้นหูอย่าง ‘เรื่องเงิน เรื่องง่าย’ ที่โฆษณาออกสู่ตลาด

ซึ่งกรุงศรีได้ใช้สโลแกนนี้มาจนกระทั่งปี 2023 ที่เริ่มมีการต่อยอด ‘ความง่าย’ พร้อมสโลแกนและพันธกิจใหม่ที่อยากให้คนเข้าถึงเรื่องการเงินได้ง่ายขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งการทำ Brand Refresh ใหม่ ลบภาพแบรนด์ที่ถูกมองว่ามีอายุให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น และการทำแคมเปญสร้างการรับรู้และจดจำให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ผ่านภาพยนต์โฆษณาและสโลแกนใหม่ที่ปรับมาเป็น ‘ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน’

โดยเน้นการศึกษาพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์เพื่อทำการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ตรงจุดมากขึ้น อาทิ การเข้าไปมีส่วนร่วมในเทศกาลศิลปะ หรือ บูธในงานคอนเสิร์ต และการสร้างกิจกรรมอื่นๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบคอนเทนต์เรื่องเงินออกมาให้เข้าใจง่าย และเข้าถึงง่าย ตรงกับพฤติกรรมและความสนใจของคนรุ่นใหม่ ทำให้แบรนด์ได้ความมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการที่ลูกค้าเป็นกระบอกเสียงให้กับแบรนด์ในโลกโซเชียล

จากการสำรวจและเก็บข้อมูล ยังพบว่า การทำ Brand Refresh และวางกลยุทธ์ใหม่ของกรุงศรี สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 18-39 ปี ที่มีการรับรู้แบรนด์ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 62% โดย 82% ของจำนวนลูกค้าใหม่นั้นเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในช่วงอายุ 15-35 ปี และกว่า 73% ของผู้บริโภคอายุ 18-22 ปี และ 67% ของผู้บริโภคที่อายุ 23 – 29 ปี สามารถจดจำสโลแกนใหม่ ‘กรุงศรี ชีวิตง่ายได้ทุกวัน’ ได้

ทั้งนี้ ก้าวต่อไปของกรุงศรีหลังจากที่ลบภาพการเป็นแบรนด์ที่มีอายุออกจากภาพจำของคนได้แล้ว จะมีบริการหรือผลิตภัณฑ์อะไรที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Young Gen อีกบ้าง คงต้องรอติดตามกันต่อไป

]]>
1494363
กรุงศรี ชูโซลูชัน ESG Finance ตอบโจทย์ความยั่งยืน คาดสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่โตได้ 4-6% ได้ในปีนี้ https://positioningmag.com/1465442 Thu, 07 Mar 2024 01:48:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465442 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชูโซลูชัน ESG Finance ตอบโจทย์ความยั่งยืนของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสินเชื่อ หรือบริการทางการเงินอื่นๆ นอกจากนี้ยังคาดว่าสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่โตได้ 4-6% ได้ในปีนี้ โดยมองเห็นโอกาสจากบริษัทใหญ่ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะมีความท้าทายก็ตาม

ประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงในปี 2023 ที่ผ่านมา ทางกรุงศรี มีสินเชื่อเติบโตในส่วนของบริษัทขนาดใหญ่อยู่ที่ 2.6% ซึ่งในปีที่ผ่านมาถือว่ามีความท้าทายอย่างมาก

ขณะที่ในด้านการสนับสนุนด้านความยั่งยืนนั้นมีดีลสำคัญๆ เช่น การปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำนวน 11,500 ล้านบาท การปล่อย Green Loan และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแต่เพียงรายเดียวให้กับ บมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง มูลค่า 3,000 ล้านบาท

และยังรวมถึงการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนและเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับหลายองค์กร ในขณะที่ด้านการเป็นที่ปรึกษาการเงิน ทางกรุงศรีได้เป็นที่ปรึกษาดีลต่างๆ เช่น การนำเสนอบริการด้านดิจิทัลสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในการอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินให้กับลูกค้า เป็นต้น

สำหรับในปี 2024 ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ของทางกรุงศรี มองว่าปีนี้มีความท้าทายมากกว่าเดิม เนื่องจากคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นอยู่ที่ราวๆ 2.7% โดยกลยุทธ์ในปีนี้ประกอบไปด้วย

  1. พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อส่งเสริมลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่เส้นทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยฝ่าย ESG Finance จะเดินหน้าให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงินเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยวางแผนในช่วงการเปลี่ยนผ่าน โดยจะปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่าย MUFG พร้อมเดินหน้าจัดระเบียบพอร์ตสินเชื่อของธนาคารตามมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy)
  2. เพิ่มศักยภาพการบริการด้านวาณิชธนกิจ โดยมุ่งเน้นการให้บริการด้านการให้คำปรึกษาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ผ่านการร่วมมือกับทุกหน่วยงานของกรุงศรี กรุ๊ป เครือข่ายของ MUFG และเครือข่ายธนาคารพันธมิตรในอาเซียน ซึ่งบริการนั้นครอบคลุมตั้งแต่การระดมทุนจากการกู้ยืม การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ (Debt Capital Markets) การทำสินเชื่อโครงการ (Project Finance/Structure Finance) ในหลายๆ อุตสาหกรรมทั้งพลังงานหมุนเวียน ศูนย์ข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน การซื้อขายและควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions) การระดมทุนผ่านตลาดตราสารทุน (Equity Capital Markets)

ขณะเดียวกันประกอบได้ชี้ถึงการซื้อธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เข้ามานั้นช่วยลูกค้าให้เข้าถึงตลาดทุนได้มากขึ้น แม้ว่าสภาวะตลาดหุ้นไทยจะไม่ดีก็ตาม ในส่วนของการออกหุ้นกู้นั้นเขามองว่าเวลาออกหุ้นกู้มาอยากให้นักลงทุนมั่นใจเวลาซื้อเช่นกัน เพราะกรุงศรีนั้นขายหุ้นกู้ให้กับสถาบันการเงินและนักลงทุนรายย่อยด้วย

ประกอบตั้งเป้าว่า ในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตด้านสินเชื่อในส่วนของของบริษัทขนาดใหญ่อยู่ที่ 4-6% โดยมองว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นมีท้าทาย แต่เขาก็ชี้ว่ามีโอกาสเนื่องจากธนาคารมองว่าเข้าไปตอบโจทย์ลูกค้าได้

 

]]>
1465442
กรุงศรี จับมือ Painterbell ครีเอเตอร์ชื่อดัง เปิดตัว LINE Sticker Limited Edition สุดคิวท์ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” https://positioningmag.com/1437252 Tue, 11 Jul 2023 09:30:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437252 ในภาพ: นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และนายเศรษฐพร ก่อวาณิชกุล (ซ้าย) หรือ Painterbell ศิลปินนักวาดการ์ตูนชื่อดัง ร่วมเปิดตัว Krungsri LINE Sticker Limited Edition สุดคิวท์ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ที่สะท้อนถึงความสุข สดใส และเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในการส่งต่อความสุขง่ายๆ ได้ทุกวัน


กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ คุณเบล เศรษฐพร ก่อวาณิชกุล หรือที่รู้จักกันในนามของ Painterbell ศิลปินนักวาดการ์ตูนที่กำลังมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างสรรค์ Krungsri LINE Sticker Limited Edition สุดคิวท์ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” โดยเป็นการพบกันครั้งแรกของคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน John และ Lulu กับทีมบิลลี่ เบลล่า และน้องกล้วยกรุงศรี สะท้อนถึงความสุข สดใส และเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในการส่งต่อความสุขง่ายๆ ได้ทุกวัน

ปัจจุบัน LINE Official Account Krungsri Simple มีผู้ติดตามมากกว่า 35 ล้านคน ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทาง Social Media หลักในการสื่อสารของธนาคาร โดยได้มีการพัฒนาและเพิ่มการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับบริการแชตบอทน้องเบลล่า (Bella Chatbot) ที่สามารถให้รายละเอียดผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน โปรแกรมช่วยวางแผนการออมให้ถึงเป้าหมายหรือวางแผนเกษียณสบาย รวมถึงการค้นหาสาขา ATM และจุด Krungsri i-CONFIRM ใกล้ๆ เป็นต้น

เพียงกดเพิ่มเพื่อน @krungsrisimple ในไลน์ ตั้งแต่ 27 มิถุนายน – 24 กันยายน 2566 หรือคลิก https://bit.ly/krungsrilinesticker2023 เพื่อดาวน์โหลดสติกเกอร์ไว้ใช้งานได้ฟรี

]]>
1437252
กรุงศรี ออโต้ เผย 5 กลุ่มลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า ผู้มีรายได้สูงยังครองแชมป์พอร์ตเกิน 50% https://positioningmag.com/1434309 Fri, 16 Jun 2023 06:29:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434309 กรุงศรี ออโต้ (Krungsri Auto) เปิดเผยรายละเอียด 5 กลุ่มลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า ว่าแต่ละกลุ่มลูกค้านั้นสนใจปัจจัยในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังตั้งเป้าถึงยอดสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตมากกว่า 4,600 ล้านบาทได้

คงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่กำลังเติบโตในปัจจุบันนั้นได้ปัจจัยสำคัญจากความร่วมมือของภาคเอกชนที่นำเข้ามาหลายแบรนด์ และการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น การลดภาษีสรรพสามิต สิทธิประโยชน์ต่างๆ จาก BOI ที่สนับสนุนผู้ประกอบการที่ลงทุนในระบบนิเวศ (Ecosystem) ของรถยนต์ไฟฟ้า

ข้อมูลจาก กรุงศรี ออโต้ ชี้ว่ายอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้า ในปี 2022 อยู่ที่ 9,729 คัน เติบโต จากปี 2564 ที่มีเพียง 1,935 คันเท่านั้น แต่สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2023 ยอดจดทะเบียนอยู่ที่ 18,599 คัน ซึ่งได้ปัจจัยบวกจากการส่งเสริมของภาครัฐและเทรนด์การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า

ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังมองถึงการที่หลายองค์กรตั้งเป้าในปี 2030 พยายามที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน โดยลดการปล่อยมลพิษครึ่งหนึ่ง ทำให้มีเวลา 7 ปี ซึ่งเขามองว่ารถยนต์ไฟฟ้าทำให้ไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้

คงสิน คงคา – ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

นอกจากนี้ผู้บริหารกรุงศรี ออโต้ รายนี้ยังได้เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 5 กลุ่มหลักที่เป็นลูกค้าสินเชื่อประกอบไปด้วย

  1. กลุ่มผู้บริหารที่มีฐานะ ซึ่งกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ถือเป็นกลุ่มที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มแรกๆ และยังเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน โดยสนใจเรื่องดีไซน์และ แบรนด์ของรถ มองหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุม โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถคันที่สอง และมีราคาในช่วงกลางค่อนสูง มีการวางเงินดาวน์สูง ผ่อนระยะสั้น
  2. กลุ่มคนรุ่นใหม่ สายเทคโนโลยี รักษ์โลก โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก และยังมองหาการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเอง ลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อรถราคากลางค่อนสูง วางเงินดาวน์สูง ผ่อนระยะกลางถึงยาว
  3. กลุ่มผู้มีครอบครัว โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะเน้นการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันและวันหยุดพักผ่อน และมีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคันที่ 2 ซึ่งการซื้อรถยนต์ไฟฟ้านั้นคำนึงถึงการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตของลูก และยังมองหาบริการที่ครอบคลุม สะดวกสบาย และอีโคซิสเต็มที่ไร้รอยต่อ ลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคากลาง ๆ วางเงินดาวน์สูงผ่อนระยะสั้น
  4. กลุ่มลูกค้าสายประหยัด เน้นใช้งานคล่อง ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าดังกล่าวเป็นผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า เน้นโปรโมชันต่างๆ แบบเหมารวม รวมถึงลูกค้ากลุ่มนี้ยังเปิดรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่แพงมาก มีการซื้อรถเงินสด วางเงินดาวน์สูง ผ่อนระยะสั้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้หากมีการสนับสนุนจากภาครัฐจะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคตได้
  5. กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ โดยข้อมูลจาก กรุงศรี ออโต้ ชี้ว่าลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนี้มีศักยภาพในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้าพร้อม และราคาโดยรวมของตลาดลดลง รวมถึงมีตัวเลือกมากขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อรถราคากลาง ๆ วางดาวน์ต่ำ และผ่อนระยะยาว

คงสิน ได้กล่าวว่าปัจจุบันลูกค้ากลุ่มที่ 1-3 นั้นครองสัดส่วนในพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 80% และลูกค้ากลุ่มแรกนั้นครองส่วนแบ่งไปแล้วมากถึง 50%

ปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ มีบริการสินเชื่อยานยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รวม 32 แบรนด์ ซึ่งรวมแบรนด์ดังๆ ไม่ว่าจะเป็น Tesla จากสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่แบรนด์จากประเทศจีนอย่าง BYD หรือ MG เป็นต้น

ในปีนี้ กรุงศรี ออโต้ ตั้งเป้ายอดสินเชื่อใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า (รวมถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า) อยู่ที่ 4,624 ล้านบาท เติบโต 217% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อดังกล่าวคิดเป็น 3% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท ขณะที่เป้ายอดสินเชื่อใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัลทุกผลิตภัณฑ์ 16,000 ล้านบาท

]]>
1434309
กลยุทธ์ ‘Krungsri One Retail’ผนึกกำลังทั้งเครือเพื่อลูกค้ารายย่อย ผสานจุดแข็งทุกบริการทางการเงิน https://positioningmag.com/1408486 Wed, 23 Nov 2022 10:00:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1408486

ความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจและวิถีชีวิตของลูกค้า ทำให้ “กรุงศรี” ต้องวางแผนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านกลยุทธ์  “Krungsri One Retail” ซึ่งเป็นการผสานความร่วมมือระหว่างบริษัทในกลุ่มธุรกิจเพื่อลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคลในเครือกรุงศรี ในทุกแง่มุม ตั้งแต่การเชื่อมโยง “ดาต้า” เข้าด้วยกัน จนถึงช่องทางการบริการลูกค้าที่จะมีการผสานช่องทางสาขา เพื่อให้บริการแบบ One-Stop Service และเชื่อมโยงแอปพลิเคชันซึ่งกันและกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายของกรุงศรีและบริษัทในเครือได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งหมดเพื่อให้บริการ “ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล” ได้อย่างตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น และสร้างความแข็งแกร่งให้ ‘กรุงศรี’ มุ่งสู่เป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยเป็น 15 ล้านราย ภายในปี 2567

ยุคนี้ความแข็งแกร่งในตลาด มาจากการผนึกกำลังกันหลายฝ่าย ทำให้ ‘กรุงศรี’ วางกลยุทธ์ใหม่เรียกว่า “Krungsri One Retail” ซึ่งมุ่งผสานจุดแข็งของทุกหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “ลูกค้ารายย่อย” ในเครือกรุงศรี เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างหลากหลาย รอบด้าน และตอบโจทย์ ตรงกับความต้องการในทุกช่วงชีวิตของลูกค้ายิ่งขึ้น

“พงษ์อนันต์ ธณัติไตร” ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เล่าถึงที่มาของการวางกลยุทธ์ใหม่ ที่สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ในโลกธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิด “ดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption)” ลูกค้าหันมาติดต่อสื่อสารมากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ ชอบช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น ต้องการบริการที่ตอบโจทย์ รวดเร็วทันใจยิ่งขึ้น ดังนั้น กลยุทธ์เพื่อลูกค้ารายย่อยจึงถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนเช่นกัน

“พงษ์อนันต์ ธณัติไตร” ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ในเครือกรุงศรีมีผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ทั้งที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของธนาคารและภายใต้บริษัทในเครือ เช่น กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ซึ่งดูแลลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล, กรุงศรี ออโต้ ดูแลลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำ และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ดูแลด้านการลงทุน เป็นต้น

แต่ละบริษัทนั้นมีกลยุทธ์สำหรับธุรกิจของตนเอง และสามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี โดยนับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจนั้น ๆ แต่การมีกลยุทธ์ “Krungsri One Retail” นั้นจะเป็นการผสานจุดแข็งในการให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายย่อย เป็นการผนึกกำลังกันภายในเครือเพื่อส่งมอบบริการที่เหนือกว่าเดิมให้กับลูกค้าได้อย่างหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น โดยเน้นให้ความสำคัญกับ 4 แนวทางหลัก ได้แก่

1.Data Analytics – วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกแบบ 360 องศา

สร้างแพลตฟอร์มรวมฐานข้อมูลลูกค้ารายย่อยที่ปัจจุบันกรุงศรีมีลูกค้าในความดูแลกว่า 12 ล้านราย ที่เป็นผู้ใช้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย  อาทิ บัญชีออมทรัพย์ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผลิตภัณฑ์การลงทุน เป็นต้น

เมื่อมีดาต้าเบสที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกันทั้งเครือ ภายใต้ความยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลจากลูกค้าเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริการ จึงทำให้กรุงศรีสามารถวิเคราะห์โปรไฟล์ของลูกค้าได้รอบด้าน จนสามารถใช้เทคโนโลยี AI เพื่อจัดการ Customize/Personalize ผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้เป็นรายบุคคล

ตัวอย่างกรณีการนำไปใช้งานจริง เช่น เมื่อมีการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้จ่ายบัตรของลูกค้าบัตรเครดิตและพบว่าลูกค้าซื้อสินค้าประเภทของตกแต่งบ้าน ทำให้กรุงศรีสามารถเลือกเสนอสินเชื่อ Home for Cash ที่น่าจะตรงกับความต้องการของลูกค้าได้

2.Financial Advisory – การให้ความรู้และคำแนะนำทางการเงิน

พงษ์อนันต์ กล่าวว่า มุมมองของกรุงศรีเล็งเห็นถึงความผันผวนทางเศรษฐกิจตั้งแต่เกิดโรคระบาด ทำให้ผู้บริโภคอยู่ภายใต้ความกดดันทางการเงิน และต้องการ “ที่ปรึกษาทางการเงินที่ไว้ใจได้”

ดังนั้น กรุงศรีจึงได้ผลิตคอนเทนต์เพื่อ “ให้ความรู้ด้านการเงิน” (Financial Literacy) หลายรายการ แยกตามกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจต่างกัน เช่น Krungsri The COACH รายการตอบโจทย์การดูแลสุขภาพการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป, Double Espresso ตอบโจทย์นักลงทุนหุ้น อัปเดตสถานการณ์หุ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ, Krungsri Exclusive ร่วมกับ Blackrock จัดรายการให้ข้อมูลทางเศรษฐกิจและการลงทุน เน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้ากลุ่มที่มีสินทรัพย์สูง (High Net Worth) ที่มีความมั่งคั่งสูง

สำหรับรายการ Krungsri The COACH นับว่าประสบความสำเร็จสูง เพราะการกำหนดประเด็นมาจากประสบการณ์จริงที่กรุงศรีพบ ทำให้ทราบ ‘Pain Point’ ด้านการเงินของลูกค้า เช่น วิธีการยื่นกู้สินเชื่อให้ได้รับอนุมัติ, การแก้หนี้, เทคนิคลงทุนให้ได้กำไร เป็นต้น ปัจจุบันรายการนี้เผยแพร่ไปแล้วกว่า 50 ตอน ยอดเข้าชมเฉลี่ย 84,000 ครั้งต่อ 1 คลิป มี Engagement เติบโตสูงถึง 43 เท่า ภายในเวลาเพียง 8 เดือน

“การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ไว้ใจได้ในวันนี้ จะสร้างความผูกพันให้ลูกค้าเลือกเราในอนาคตเมื่อลูกค้ามีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินพงษ์อนันต์กล่าว

3.Innovative Financial Solution – สร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น

อีกหนึ่งเป้าหมายร่วมกันของ Krungsri One Retail คือการสร้างนวัตกรรมการเงินของผลิตภัณฑ์/บริการต่าง ๆ ในเครือที่ได้เปิดตัวและมีการใช้งานแล้ว เช่น KSS iGlobal ให้ลูกค้ารายย่อยลงทุนโดยตรงในหุ้นตลาดต่างประเทศได้ เฟสแรกเปิดแล้ว 5 ประเทศ และเฟสสองในเดือนพฤศจิกายน 2565 จะเพิ่มเป็น 28 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมครบทุกตลาดหลักทั่วโลก หรืออย่างนวัตกรรม Krungsri Private Equity Fund ก็ช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนกับบริษัทนอกตลาดหุ้นได้ เป็นนวัตกรรมบริการลูกค้าหาน่านน้ำใหม่เพื่อลดความผันผวนในการลงทุน

ขณะเดียวกัน กรุงศรียังให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมด้านไอทีที่จะช่วยสร้างความสะดวกหรือนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ให้ลูกค้ากรุงศรีเพิ่มมากขึ้น เช่น Kept Together ฟังก์ชันใหม่ในการออมเงินร่วมกัน, บัตรเครดิต Krungsri Now และ XU บัตรเครดิตดิจิทัลที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล, First Choice SnapCash สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เจาะลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มอาชีพอิสระซึ่งต้องการเข้าถึงสินเชื่อ เป็นต้น

4.Channel – พัฒนาช่องทางแบบไร้รอยต่อ เพื่อประสบการณ์ลูกค้าที่ดี

กลยุทธ์นี้จะมีการผสานช่องทางเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้แบบไร้รอยต่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายของกรุงศรีได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การให้บริการผ่านช่องทาง “สาขา” กรุงศรีได้ริเริ่มโครงการนำร่อง พัฒนาสาขารูปแบบที่เรียกว่า ‘One Retail Branch’ ที่เป็นช่องทางบริการสำหรับลูกค้ารายย่อยแบบ One-Stop Service ในจุดเดียว จากเดิมสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา, กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และกรุงศรี ออโต้ จะแยกสาขาจากกัน แต่สาขารูปแบบใหม่นี้จะให้บริการรวมกันในแห่งเดียว เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการมาติดต่อทำธุรกรรม สามารถติดต่อขอใช้บริการต่าง ๆ ได้ครบในจุดเดียว ปัจจุบัน กรุงศรีได้เปิดตัวสาขาในรูปแบบ One Retail Branch ไปแล้ว โดยมีเป้าหมายในปีนี้ 22 สาขา และในปี 2566 จะเพิ่มอีก 15 สาขา

สาขา One Retail Branch

ขณะที่ช่องทางการบริการผ่าน “แอปพลิเคชัน” ก็เป็นช่องทางที่กรุงศรีให้ความสำคัญเช่นกัน โดยขณะนี้กรุงศรีมีแอปพลิเคชันให้บริการธุรกรรมออนไลน์ที่หลากหลาย เช่น Krungsri Mobile Application (KMA) ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา, UCHOOSE ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์, GO ของกรุงศรี ออโต้ เป็นต้น

ในอนาคตกรุงศรีจะพัฒนาการเชื่อมต่อระหว่างแอปพลิเคชันและระบบงานด้านต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยี Open API เพื่อเสริมฟังก์ชั่นการใช้งานของแอปฯ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากดิจิทัล จะสามารถทำผ่าน UCHOOSE และ GO ได้โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด KMA เพิ่ม หรือการชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code โดยเลือกตัดบัญชีเงินฝากหรือบัตรเครดิตของกรุงศรี ก็สามารถทำได้ในทุกแอปฯ เป็นต้น

เป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้า 15 ล้านราย

พงษ์อนันต์กล่าวสรุปถึงกลยุทธ์ ‘Krungsri One Retail’ ว่าเป็นการทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งสำคัญ เมื่อทุกหน่วยงานในกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคลในเครือกรุงศรี ผนึกกำลังกันจะทำให้การดูแลลูกค้าทำได้ดีขึ้นอย่างมาก โอกาสที่ลูกค้าจะเกิดการใช้บริการต่อเนื่องก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยที่การปรับตัวภายในองค์กรเองไม่ได้ยุ่งยากมาก เพราะมีวัฒนธรรมองค์กรที่ใกล้เคียงกันในทุกส่วนเป็นทุนเดิม โดยทุกหน่วยธุรกิจต่างก็ให้ความสำคัญกับความต้องการและประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ทำให้มองเป้าหมายเดียวกันซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการเดินตามแผนกลยุทธ์นี้

“เมื่อเรารวมกัน เราจะมีโอกาสมากในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้อย่างรอบด้านยิ่งขึ้น และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้นได้ในอนาคต” พงษ์อนันต์กล่าว “เรามั่นใจกับ ‘กลยุทธ์ Krungsri One Retail’ มาก เพราะที่ผ่านมาหลังเริ่มทำงานมาแล้วประมาณ 1 ปี ลูกค้ามีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นกับการให้บริการรูปแบบนี้ของเรา เพราะช่วยให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นจริง ๆ ”

เป้าหมายของกรุงศรีจากกลยุทธ์นี้ที่วางเป้าการเติบโตไว้ภายในปี 2567

1.ขยายฐานลูกค้ากรุงศรี – จากปัจจุบันมีฐานลูกค้า 12 ล้านราย เพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านราย

2.จำนวน Mobile Users เติบโต – จากปัจจุบันมีผู้ใช้ 9 ล้านราย เพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านราย

3.เติบโตและขยายธุรกิจกรุงศรีในต่างประเทศ – กรุงศรีจะรุกต่างประเทศด้วยธุรกิจลูกค้ารายย่อยซึ่งบริษัทมีความชำนาญ โดยปัจจุบันมีหลายประเทศที่น่าสนใจ เช่น สปป.ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นต้น

“กรุงศรียังมุ่งจะพัฒนาธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยในทุกมิติและเชื่อมโยงสู่อาเซียน เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กรุงศรีก้าวสู่ ‘เป็นสถาบันการเงินหลักที่ลูกค้าใช้บริการสำหรับลูกค้ารายย่อย’ ได้ในไม่ช้านี้” พงษ์อนันต์ กล่าวทิ้งท้าย

เชื่อแน่ว่าด้วยการผสานความแข็งแกร่งและความเชี่ยวชาญของทุกหน่วยธุรกิจที่ดูแลลูกค้ารายย่อยในเครือกรุงศรีเข้าด้วยกัน ด้วยเป้าหมายหนึ่งเดียว เพื่อพัฒนาบริการทางการเงินให้ตอบโจทย์ ตรงใจลูกค้ายิ่งขึ้น จะทำให้กรุงศรีมีโอกาสสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้ารายย่อยผ่านกลยุทธ์ใหม่ ‘Krungsri One Retail’ มุ่งเพื่อส่งมอบบริการลูกค้าได้อย่างเหนือชั้นยิ่งขึ้น!

]]>
1408486
กรุงศรี วางเกมปั้นรายได้อาเซียน 10% ภายใน 2 ปี ทุ่มลงทุน ‘ดิจิทัล’ หนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1372777 Thu, 03 Feb 2022 14:31:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1372777 กรุงศรี วางเเผนใหญ่ขยายตลาดอาเซียน ทุ่ม 8 พันล้านพัฒนาดิจิทัล หนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ มองปีนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เป้าจีดีพี 3.7%

โดยแผนการดำเนินงานในปี 2565 ซึ่งเป็นแผนระยะกลาง 3 ปี (ตั้งแต่ปี 2564-66) ของกรุงศรีจะมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ “Go ASEAN with Krungsri” จับมือพันธมิตรเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีเเละนวัตกรรมเพื่อลูกค้า

เซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวิกฤตโควิดเป็นช่วงที่ท้าทายในทุกธุรกิจ เมื่อย้อนกลับในปีแรกของแผนงานธุรกิจระยะกลาง ถือกรุงศรีประสบความสำเร็จอย่างดี ทั้งในเเง่การช่วยเหลือลูกค้าเชิงรุกด้วยมาตรการต่างๆ การทำผลกำไรเเละการดำเนินงาน รวมไปถึงการเป็นสถาบันการเงินไทยที่มีเครือข่ายในอาเซียนมากที่สุด

ทุ่ม 8 พันล้านเสริมดิจิทัล ปั้นรายได้อาเซียนเป็น 10% ใน 2 ปี

ล่าสุดกรุงศรีได้เข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามซึ่งถือเป็นประเทศที่ 5 ในอาเซียนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ในระยะถัดไปตั้งเป้าว่าจะขยายตลาดให้ครอบคลุมอย่างน้อย 8 ประเทศในภูมิภาค

ในส่วนของการพัฒนาด้านดิจิทัลนั้น กรุงศรีตั้งเป้าลงทุนเพิ่มในปีนี้ราว 7-8 พันล้านบาท เชื่อมโยงกับพันธมิตรทั่วอาเซียน พร้อมสนับสนุนสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ เเละบริษัทที่ยังไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงให้ความสำคัญกับ Digital Asset หลังได้เข้าลงทุนในเเพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘Zipmex’ ซึ่งจะมีการขยายตลาดไปในอาเซียนมากขึ้น

นอกจากนี้ จะมีการขยาย API เชื่อมโยงกับธนาคารพันธมิตรในอาเซียน สร้าง ‘AI Tech lab’ ร่วมกับบริษัทเเม่อย่าง MUFG เเละซูเปอร์เเอปฯ อย่าง Grab เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด ควบคู่กับการเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ ๆ ภายนอกประเทศ 

โดยที่ธนาคารตั้งเป้าในช่วง 2 ปี สัดส่วนกำไรจากเครือข่ายของธนาคารในอาเซียน เพิ่มเป็น 10% ในอีก 2 ปีข้างหน้า จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 6% 

รุกธุรกิจโอน-ชำระเงินข้ามประเทศ

ไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรุงศรีได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วมากกว่า 500,000 บัญชี ในกัมพูชา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ รวมมูลค่าสภาพคล่องแล้วกว่า 64,000 ล้านบาท

สำหรับลูกค้าคนไทย จะยังคงเดินหน้าขยายโซลูชัน เพิ่มมูลค่าในการทำการค้าระหว่างประเทศ (cross-border value chain solutions) ในอุตสาหกรรมต่างๆ และบริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ลูกค้าธุรกิจไปเติบโตทั่วทั้งอาเซียน และอีกมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกผ่านเครือข่ายของ MUFG

โดยในปีนี้จะมุ่งสร้างพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจให้หลากหลาย ทั้งธุรกิจด้านพลังงาน โทรคมนาคม ประกัน อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจรายย่อยและเชิงพาณิชย์

เรากำลังขยายบริการธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ สำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น จากเดิมที่มีการเชื่อมต่อบริการ 3 ประเทศในปีที่ผ่านมา ให้เป็น 8 ประเทศภายในปีนี้

ทั้งนี้ มียอดธุรกรรมการชำระเงินและการโอนระหว่างประเทศในอาเซียนผ่านกรุงศรีแล้วมากกว่า 500,000 ครั้ง มูลค่ารวมมากกว่า 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

สำหรับการจัดตั้ง Virtual Bank หรือธนาคารพาณิชย์รูปแบบใหม่ที่ดำเนินธุรกิจบนช่องทางดิจิทัล ผู้บริหารกรุงศรียอมรับว่าเป็นเทรนด์เเห่งอนาคต ซึ่งธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา โดยได้เริ่มเเนวทางนี้เเล้วผ่านการเปิดตัวเเอปพลิเคชันออมเงินอย่าง ‘Kept’ ซึ่งมีเสียงตอบรับจากผู้ใช้ที่ดีมาก เเละหากมีความเหมาะสมก็จะนำมาต่อยอดเเละพัฒนาต่อไป

-เทรนด์ Virtual Card มาเเรง กรุงศรี ส่งบัตรเครดิต Krungsri NOW บัตรดิจิทัล ‘ใบแรก’ จากเครือบัตรเครดิต กรุงศรี ออกมาจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัย 21-35 ปี รายได้เฉลี่ยตั้งแต่ 1.5-7 หมื่นบาทต่อเดือน เเละนิยมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ

มองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เป้าจีดีพี 3.7%

ในปี 2565 กรุงศรี ตั้งเป้าการเติบโตเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 3-5% โดยมีสินเชื่อรายย่อยเติบโต 3-4% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อยู่ที่ 4-5% และธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 3-4% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยทรงตัวจากปีก่อน และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.1-3.3%

ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมคาดอยู่ในระดับกลางหรือราว 40% เเละมีสัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 150-160 bps อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ราว 2.6% สำหรับอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 150% ภายใต้สมมติฐานที่เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.7% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายทางการเงินดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ของธนาคารเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว หลังจากการแพร่ระบาดโควิดเริ่มคลี่คลาย การกระจายวัคซีนทั่วถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศยังดำเนินได้ตามปกติ รวมไปถึงปัจจัยด้านการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ภาคการส่งออกไทยขยายตัวได้ดีตามไปด้วย ขณะที่ภาคท่องเที่ยวยังไม่กลับมาได้ 100% เเต่จะมีการฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ปีนี้เราคาดว่าจีดีพีน่าจะขยายตัวได้ระดับ 3.7% จากปีก่อนที่ขยายตัวเพียง 1.2%”

]]>
1372777
เปิดอินไซต์ ‘ออมเงิน’ ของคนรุ่นใหม่ในเเอปฯ ‘Kept’ เเย้มโอกาสเพิ่มบริการออม ‘คริปโต’ https://positioningmag.com/1364775 Wed, 01 Dec 2021 09:29:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1364775 เปิดอินไซต์พฤติกรรมผู้ใช้งาน แอปฯ “Kept by krungsri” เเพลตฟอร์มบริหารจัดการเงิน ช่วยคนรุ่นใหม่ ‘ออมเงิน’ ได้ง่ายขึ้น หลังเปิดตัวมาได้ครบ 1 ปี กับฐานลูกค้า 2.2 แสนราย บัญชีใหม่ 5 แสนบัญชี ตั้งเป้าอีก 3 ปีข้างหน้า ดึงลูกค้าเพิ่มเป็น 1 ล้านราย เงินฝากรวมแตะ 3 แสนล้านบาท เเย้มกำลังศึกษาถึงการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนทางเลือกใหม่ เมื่อคนหันสนใจคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น

Kept มีรูปแบบการออมเงิน ตามแนวคิด ‘1 กระเป๋า หลายกระปุก’ ให้ลูกค้าตั้งเป้าหมายการออมได้ เน้นการใช้งานง่าย มีลูกเล่นเพื่อความสนุก และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การเก็บออมเงินหลากหลาย โดยปัจจุบันกว่า 80% ของผู้ใช้งาน Kept เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Y และ Gen Z จำนวนการทำรายการเติบโตมากกว่า 3 เท่า เเละมียอดเงินฝากอัตราการเติบโต 100% จากสิ้นปีก่อน

ท่ามกลางการเเพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมการออมของคนไทยเปลี่ยนไปพอสมควร ‘ดมิศา พิศิษฐวานิช’ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้ข้อมูลว่า คนไทยเริ่มให้ความสำคัญในการออมมากขึ้น มีการประหยัด ลดการใช้จ่ายและหันมาเก็บออมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็หันมาใช้ดิจิทัลในการบริหารจัดการเงิน พร้อมๆ กับการมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นในทุกช่วงวัย

จากข้อมูลของ We are Social เเละ Hootsuite พบว่า ในช่วงวิกฤตโรคระบาด ปี 2563 คนไทยทำธุรกรรมผ่านโมบายเเบงกิ้งเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็น 68.1% ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยประเด็นที่น่าสนใจคือ 74.7% ตอบว่ามีเงินออม เเต่มีเพียง 38% เท่านั้นที่มีเงินออมเผื่อฉุกเฉินเพียงพอ เเละ 84.7% บอกมีการวางเเผนออมเพื่อเกษียณ เเต่ในจำนวนนี้ มีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น ที่สามารถทำได้จริงตามเเผน

เก็บเงินฉบับคน Gen Y – Z 

หลังแอปฯ “Kept” ที่เปิดให้บริการมาได้ 1 ปี พบว่ามีรายการเก็บเงินอัตโนมัติสูงถึง 5 ล้านครั้ง โดยฟังก์ชันที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้ามากที่สุด คือ ‘การได้เห็นดอกเบี้ยทุกวัน’ ทำให้มีกำลังใจในการเก็บเงินมากขึ้น ใช้สนุกเหมือนเล่นเกม เปิดบัญชีได้ง่ายเเละบริการช่วยเหลือด้วย Live Chat

สำหรับพฤติกรรมลูกค้าการใช้แอปฯ Kept และการบริหารเก็บออมที่น่าสนใจ คือ นิยมใช้บริการ NDID เป็น
ช่องทางยืนยันตัวตนที่ไช้ในการสมัครแอปมากที่สุด เเละ Live chat เป็นก็ช่องทางการติดต่อที่ลูกค้านิยมที่สุด

ส่วนสไตล์การออมเงินของ Gen Y พบว่ากว่า 70% ของเงินเก็บมาจากการ ‘ตั้งใจเก็บ’ และ 30% ของลูกค้า
ที่ฝากเงินเข้ากระปุก Grow ไม่เคยถอนเลย ตรงข้ามกับ Gen Z ที่กว่า 70% ของเงินเก็บมาจาก ‘การแอบเก็บไม่รู้ตัว’ เช่นการใช้โหมดเเอบเก็บครั้งละ 10 บาท เเอบเก็บ 10% ในทุกการใช้จ่าย เเละสั่งเก็บวันละ 10 บาท

โดยเฉลี่ยลูกค้า Gen Y จะฝากเงินเฉลี่ย 5 หมื่นบาท ซึ่งสัดส่วนลูกค้าผู้หญิงจะเน้น ‘เก็บเงินบ่อยๆ’ แต่กลุ่มลูกค้าผู้ชายจะเน้น ‘เก็บเยอะ’ ไม่บ่อยเเต่วงเงินสูงกว่า

Kept ตั้งเป้าผู้ใช้ ‘ล้านราย’ ในปี 67

จากแนวโน้มพฤติกรรมการใช้ดิจิทัลเเบงกิ้ง ธนาคารจึงตั้งเป้าจะมีจำนวนผู้ใช้งาน “Kept by krungsri” ภายในปี 2567 เพิ่มเป็น 1 ล้านคน และจำนวนการเปิดบัญชีใหม่อยู่ที่ 3 ล้านบัญชี และมียอดเงินฝากที่ 3 แสนล้านบาท ตามภารกิจสนับสนุนคนไทยให้เก็บออมอย่างเป็นระบบ

“Kept by krungsri” มีฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ บัญชี Kept ที่เอาเงินไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน บัญชี Grow เป็นกระปุกเก็บเงินก้อนรับดอกเบี้ยสูง 1.5% และบัญชี FUN กระปุกไว้เก็บเล็กผสมน้อยสามารถเก็บอัติโนมัติทุกวัน

เเละเพื่อดึงดูดให้ลูกค้ามาใช้งานมากขึ้น ได้มีการได้เปิดตัวบัญชีใหม่ Together savings หรือกระปุก Together เป็นกระปุกที่ดีไซน์ฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์การเก็บออมเงินแบบมีเป้าหมายจะเก็บคนเดียว หรือจะเป็นกลุ่ม กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก

โดยทุกคนในกลุ่มสามารถดูยอดเงินในกระปุก มองเห็นการเข้าออกของเงินร่วมกัน และยังสามารถใส่ Note เมื่อทำรายการเพื่อช่วยให้รู้ว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง หรือได้เงินเพิ่มเข้ามาจากอะไร และจะมีการแจ้งเตือนไปยังสมาชิกเมื่อมีเงินออกทุกครั้ง

ทั้งนี้ กระปุก Together ไม่ใช่บัญชีร่วม แต่เปิดให้คนสนิทเข้ามามีส่วนร่วมดูและเก็บออมร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน

ศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ ‘ออมคริปโต’

เมื่อถามว่า จากเเนวโน้ม ‘เงินเฟ้อ’ ที่เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้คนเลือกออมเงินน้อยลง หรือเลือกไปลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ
Kept มีกลยุทธ์การรับมืออย่างไรบ้าง ผู้บริหารกรุงศรีฯ ตอบว่า จะมีการพัฒนานวัตกรรมเเละเพิ่มฟีเจอร์หลากหลาย
ตอบโจทย์ ความสะดวกสะบาย การบริการเเละผลตอบเเทนดอกเบี้ย รวมไปถึงการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนใหม่ๆ ที่ลูกค้าสนใจ เเต่อย่างไรลูกค้าก็ยังต้องการมีกระเป๋าไว้ออมเงินที่มั่นคงเพื่อใช้ยามฉุกเฉินด้วย

โดยธนาคารยังคงดูอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับภาพรวมตลาด และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าหลักอย่าง Gen Y และ Gen Z สอบถามถึงการลงทุนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีเข้ามามาก ซึ่งทางธนาคารกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาโอกาสและแนวทางการออมคริปโตฯ เพราะในเครือกรุงศรีฯ เองก็มีการลงทุนในอีโคซีสเต็ม อย่าง zipmex , ฟินโนเวต ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การให้บริการเป็นไปตามกฎระเบียบ มองหาโอกาสต่อยอดเงินที่เหมาะสม “ต้องติดตามว่า Kept จะต่อยอดต่อไปอย่างไร เพราะเสียงจากลูกค้าจะเป็นตัวชี้นำให้เรา”

 

]]>
1364775
ประเมิน ‘เงินเฟ้อ’ มีแนวโน้มเร่งขึ้น เเต่อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวช้า ธุรกิจท่องเที่ยวยังมีข้อจำกัด https://positioningmag.com/1361153 Tue, 09 Nov 2021 10:57:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1361153 วิจัยกรุงศรี คาดกนง. คงดอกเบี้ย 0.50% ไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2565 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนตุลาคมสูงสุดในรอบ 5 เดือน ตามราคาน้ำมัน-ราคาอาหารสด พืชผัก แต่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้า ภาคท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวเเบบมีข้อจำกัด

โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ‘เดือนตุลาคม’ อยู่ที่ 2.38% YoY จาก 1.68% เดือนกันยายน สาเหตุสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศตามสถานการณ์ราคาพลังงานโลก (+37.1%) และการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสดในกลุ่มพืชผัก (+7.1)

“ผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดลดลง ขณะที่ราคาสินค้าในหมวดยาสูบเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต”

ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) อยู่ที่ 0.21% จาก 0.19% เดือนกันยายน สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 0.99% และ 0.23% ตามลำดับ

อัตราเงินเฟ้อยังคงเผชิญแรงกดดัน ในช่วงที่เหลือของปี หลักๆ มาจาก 

⚫ ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทรงตัวในระดับสูงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาด้านอุปทาน

⚫ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ ภายหลังผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวจากประเทศที่กำหนด

⚫ การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรบางชนิด ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูก

แม้ทิศทางของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเร่งสูงขึ้นจากปัจจัยทางด้านอุปทานเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศมีทิศทางฟื้นตัวค่อนข้างช้า สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนล่าสุดที่ทรงตัวในระดับต่ำ ประกอบกับสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง หลังหลายประเทศกำลังประสบกับการกลับมาระบาดใหม่หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม

ทั้งนี้ ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ (วันที่ 10 พฤศจิกายน) คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% และมีแนวโน้มตรึงไว้อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีหน้า เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบางและไม่สม่ำเสมอ แม้อาจเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อจากปัจจัยด้านอุปทานอยู่บ้างในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าก็ตาม

ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เพิ่มสูงสุดรอบ 5 เดือน

ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคและความเชื่อมั่นทางธุรกิจฟื้นต่อเนื่อง ขณะที่การเปิดประเทศสัปดาห์แรกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 2 หมื่นราย กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวหลังสถานการณ์การระบาดบรรเทาลง และมาตรการควบคุมการระบาดที่ผ่อนคลายเพิ่มเติม หนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ 43.9 จาก 41.4 ในเดือนกันยายน

โดยเป็นการปรับขึ้นในทุกองค์ประกอบ ด้านดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 47.0 จาก 42.6 เดือนกันยายน จากการปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกองค์ประกอบ ยกเว้นด้านต้นทุนที่ยังถูกแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับขึ้นเหนือระดับ 50 (ขยายตัว) ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 อยู่ที่ 52.5 จาก 50.7

แม้เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีมีสัญญาณฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาด (ที่ระดับค่าเฉลี่ย 75.5 และ 48.9 ตามลำดับ ในปี 2562)

Photo : Shutterstock

ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้า- มีข้อจำกัด

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังกระจายตัวไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่ยังฟื้นล่าช้าแม้จะเริ่มมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจากข้อมูลช่วงวันที่ 1-7 พฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 22,832 ราย แม้สูงกว่าทั้งเดือนกันยายนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 12,237 ราย

แต่การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวโดยรวมแล้วอาจยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อย่าง นโยบายของประเทศต้นทางที่ยังคุมเข้มการเดินทางระหว่างประเทศ และความกังวลจากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของไทยที่ยังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน

“มาตรการภาครัฐที่เพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค และกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ จะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้” 

]]>
1361153
เทรนด์ Virtual Card มาเเรง กรุงศรี ส่ง ‘บัตร NOW’ จับใจคนรุ่นใหม่ กระตุ้นใช้จ่ายด้วย ‘เเคชเเบ็ก’ https://positioningmag.com/1359534 Mon, 01 Nov 2021 15:18:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359534 ตลาดคนรุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล มีการใช้จ่ายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นโอกาสของธุรกิจที่จะสรรหาฟีเจอร์ต่างๆ มาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้

ล่าสุดกับบัตรเครดิต Krungsri NOW’ บัตรดิจิทัลใบแรกจากเครือบัตรเครดิต กรุงศรี ที่ออกมาจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัย 21-35 ปี รายได้เฉลี่ยตั้งแต่ 1.5-7 หมื่นบาทต่อเดือน เเละนิยมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ

ความเคลื่อนไหวของกรุงศรีครั้งนี้ เป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญเพื่อหันมาเพิ่มสัดส่วนลูกค้า Millennials และ Gen Z ตามที่เห็นกันเเล้วว่าในช่วงหลังมานี้ว่ากรุงศรีมีการรีเเบรนด์บัตรต่างๆ ให้มีความทันสมัยเเละดูเด็กลงมากขึ้น

โดยหวังจะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ขึ้นเป็น 35% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 25% ขณะที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี ยังเป็นกลุ่ม Gen X ที่ 45% เเละ Baby Boomer ที่ 27%

วิถีชีวิตแบบนิวนอร์มอลเป็นตัวเร่งให้เกิดการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่คุ้นชินกับความสะดวกสบายจากบริการออนไลน์ ทั้งช้อปปิ้ง สั่งอาหาร บริการสตรีมมิ่ง แม้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว แต่บริการเหล่านี้ก็ยังเป็นที่นิยม สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าว

จากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต กรุงศรี (ณ เดือนกันยายน 64) พบว่า ยอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ในปีนี้เติบโตสูงขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปี 2563 และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

Virtual Card มาเเรง เมื่อคนไม่อยากพกบัตร

บัตรเครดิต กรุงศรี จึงทุ่มเงินกว่า 50 ล้านบาท เพื่อรุกขยายตลาดนี้ ผ่านการจับมือมาสเตอร์การ์ด เปิดตัวบัตร NOW” ซึ่งเป็น Virtual Credit Card ขึ้นมาตามเทรนด์ของผู้บริโภค โดยเชื่อมอยู่กับแอปพลิเคชัน UCHOOSE ที่มีผู้ใช้งานอยู่ในปัจจุบันถึง 6.5 ล้านบัตร

ผู้บริโภคทั้งในไทยและทั่วโลก เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมโดยมีมุมมองและความคาดหวังว่า มาตรฐานการบริการต่าง ๆ ควรจะเป็นดิจิทัลโดยอัตโนมัติ ผู้บริโภคแสวงหารูปแบบการชำระเงินใหม่ ๆ และต้องการประสบการณ์การใช้จ่ายแบบ Omnichannel ที่ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล

โดยข้อมูลจาก Mastercard New Payments Index 2021 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการชำระเงินและการซื้อขายผ่านทางออมนิแชนเนล พบว่า เกือบ 80% ของผู้บริโภคชาวไทย น่าจะใช้จ่ายด้วยเงินสดน้อยลงในปีหน้า อีกกว่า 59% บอกว่า จะหลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่รับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ

คนรุ่นใหม่ชอบ Cash Back

จุดเด่นของ บัตรเครดิต Krungsri NOW จะเน้นให้สิทธิพิเศษตามพฤติกรรมกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจากการศึกษากลุ่มลูกค้า พบว่า 72% อยากได้เงินคืนเข้าบัญชี หรือ Cash Back คืนไว คืนเยอะ เหล่านี้นำมาสู่แนวคิดบัตรเหนือ Norm ของคนยุค NOW” ดีไซน์ที่เรียบง่าย แฝงความสนุกของสีสัน สื่อถึงอิสระจากข้อจำกัด

โดยนำเสนอ Cash Back 5% สำหรับการใช้จ่ายออนไลน์ (ยกเว้นหมวดประกัน และหมวดท่องเที่ยว) ครอบคลุมทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์ แบบใช้ได้ทุกวัน โดยไม่ต้องรอดีลพิเศษ หรือวันพิเศษ และสามารถสะสมคะแนน 2 เท่าที่ร้านอาหารร่วมรายการ หรือรับพอยต์สะสม 1 พอยต์จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท พร้อมทางเลือกในการแบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับสินค้าและบริการที่ร่วมรายการ และไม่มีค่าธรรมเนียม

ตั้งเป้า 1 ปี ยอดสมัคร 3.6 หมื่นใบ

บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปีหลังจากเปิดตัว ยอดสมัครบัตรเครดิต NOW จะมีมากกว่า 36,000 ใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 1,200 ล้านบาท และประเมินว่าจะเติบโต 10%ในปีต่อๆ ไป

“ในระยะยาว เราคาดว่าผลิตภัณฑ์บัตรใหม่นี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัท ด้วยการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง”

สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่จะทำให้บัตรเครดิต NOW ทำยอดใช้จ่ายผ่านบัตรใหม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้นั้น ผู้บริหารบัตรเครดิต กรุงศรี ตอบว่า โดยพื้นฐานของฟีเจอร์ต่างๆ นั้นดึงดูดผู้ใช้คนรุ่นใหม่อยู่เเล้ว เเต่จะมีการทำการตลาดเพิ่มเติม เน้นไปที่ช่องทางสื่อสารออนไลน์ เเจกคูปองเเลกซื้อสินค้า รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอ เช่น จะมีการให้เล่นเกมสนุกๆ ผ่านเเอปฯ UCHOOSE ฯลฯ โดยผู้สมัครบัตรใหม่ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564-31 ม.ค. 2565 จะรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 2,000 บาท

เเละเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่มากขึ้น บัตรเครดิต Krungsri NOW ได้ดึง กระทิง ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ นักแสดงรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย โดยจะมีการสร้างการรับรู้เเละจดจำผ่านวิดีโอออนไลน์ที่นำเอาคาแร็กเตอร์ของ กระทิง มาสร้างเป็นแอนิเมชัน ถ่ายทอดเรื่องราวของบัตรเครดิต NOW รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องเต็มรูปแบบ

หวังปีหน้าเศรษฐกิจฟื้น ดันยอดใช้จ่ายโต 8%

โดยภาพรวมธุรกิจของบัตรเครดิต กรุงศรีในปีนี้ ประเมินว่า น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา จากการเติบโตได้ดีในหลายหมวด เช่น ประกันภัย, ช้อปปิ้ง, ปั๊มน้ำมัน, เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน รวมถึงห้างสรรพสินค้า คาดว่าจะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวม ตลอดปีนี้ที่ 180,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 3% เทียบกับปีก่อน

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีจะจบอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท เติบโตราว 2-3% และมียอดบัตรใหม่อยู่ที่ 9 หมื่นใบ ซึ่งประเมินว่าสิ้นปีจะทำยอดได้ 1.4 แสนใบ ซึ่ง ‘ต่ำกว่าเป้าหมาย’ ที่วางไว้ หลังช่องทางการเข้าหาลูกค้าต่างๆ หยุดชะงักไปบ้างในช่วงวิกฤตโควิด-19 ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับต่ำที่ 1.17% ยังต่ำกว่าทั้งอุตสาหกรรมที่ 2.5-2.6%

“เเนวโน้มการใช้บัตรเครดิตนั้นขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว กำลังซื้อของประชาชนก็จะเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงปัจจัยการเปิดประเทศ ก็จะช่วยหนุนให้มีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น”

โดยภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2565 คาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 7-8% เกี่ยวเนื่องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่หลายสำนักคาดการณ์ว่าจะโตเฉลี่ยที่ 3-4%

ด้านเป้าหมายของบัตรใหม่ตั้งเป้าเติบโต 30% หรือราว 1.9 แสนใบเเละสิ้นปีหน้าฐานลูกค้าทั้งหมดจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2.4 ล้านใบ จากยอดปีนี้ที่ 2.3 ล้านใบ

สำหรับการเเข่งขันในตลาดบัตรเครดิตในปีหน้า จะมีเเคมเปญดุเดือดในหมวดออนไลน์เเละการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศเเละต่างประเทศที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยกรุงศรีก็เริ่มมีแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายใน 2 หมวดนี้ตั้งเเต่ช่วงปลายปีนี้ เเละมองว่าการพัฒนาระบบดิจิทัลของเเต่ละเเพลตฟอร์มจะมีการเเข่งขันกันมากขึ้น เพื่อดึงฐานลูกค้า

 

]]>
1359534
“กสิกรไทย-กรุงเทพ-กรุงศรี-กรุงไทย” พักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยร้านปิดทำการช่วงล็อกดาวน์ https://positioningmag.com/1342670 Fri, 16 Jul 2021 05:19:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342670 3 ธนาคารใหญ่ กสิกรไทย กรุงเทพ และกรุงศรี ออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน แต่เฉพาะเงินต้น ช่วยเหลือลูกค้าที่ต้องปิดทำการนช่วงล็อกดาวน์ ตามมาตรการของภาครัฐ ด้านกสิกรไทยออก “เงินกู้สู้ไปด้วยกัน” ดอกต่ำ 3% ช่วยร้านอาหารและร้านค้ารายย่อย  

KBank พักชำระหนี้ ออกเงินกู้ดอกต่ำ

กสิกรไทยออกโครงการพิเศษส่งความช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านอาหารรายเล็ก และร้านค้ารายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ให้เข้าถึงเงินทุนได้ง่าย ภายใต้โครงการพิเศษ “เงินกู้สู้ไปด้วยกัน” อนุมัติง่าย ดอกเบี้ย 3% พักชำระเงินต้น 3 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท ไม่ต้องมีหลักประกัน ฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท

ผลักดันให้ร้านอาหารและร้านรายย่อยมีเงินทุนในการทำธุรกิจให้ไปต่อได้ คาดหวังช่วยร้านค้ารายย่อยได้ 35,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 3,500 ล้านบาท

ธนาคารฯ ยังออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน เพื่อช่วยลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อยที่ต้องปิดกิจการตามมาตรการของทางการ

พัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า

“จากสถานการณ์ในตอนนี้ ธนาคารกสิกรไทยขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับร้านค้ารายย่อย จึงออกโครงการพิเศษ “เงินกู้สู้ไปด้วยกัน” อนุมัติง่าย อัตราดอกเบี้ย 3% พักชำระเงินต้น 3 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท ไม่ต้องมีหลักประกัน ฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวก็กู้ได้ เพียงเดินบัญชีกับธนาคารฯ สมัครทางออนไลน์ง่ายและสะดวกที่เว็บไซต์ของธนาคารฯ เพื่อช่วยให้ร้านอาหารและร้านค้ารายย่อยมีเงินทุนในการทำธุรกิจ มีความหวังและกำลังใจในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้”

ทั้งนี้ธนาคารฯ ยังสนับสนุนให้ร้านค้าเพิ่มช่องทางการขายได้บน K+ market ในแอป K PLUS ของธนาคารฯ รวมถึงการทำกิจกรรมช่วยโปรโมตร้านผ่านสื่อต่างๆ ของธนาคารฯ และร่วมมือกับเพจออนไลน์ชื่อดัง เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ให้แก่ร้านค้า ให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

นอกจากโครงการพิเศษดังกล่าวแล้ว ธนาคารฯ ยังขานรับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยในการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่ลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยที่ต้องปิดกิจการตามมาตรการของทางการ ด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ระยะเวลา 2 เดือน โดยเริ่มการพักชำระตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือน ก.ค. 2564 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าของธนาคารฯ

สำหรับร้านอาหารและร้านค้ารายย่อยที่สนใจเข้าร่วมโครงการ “เงินกู้สู้ไปด้วยกัน” สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 ส.ค. 2564 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ www.kasikornbank.com และสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีที่ต้องการเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ สามารถติดต่อได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ K-BIZ Contact Center 02-888-8822 และลูกค้ารายย่อย ติดต่อได้ที่ K-Contact Center 02-888-8888 หรือช่องทางไลน์ KBank Live ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. – 31 ส.ค. 2564

BBL ช่วยพักชำระหนี้ 2 เดือน

ธนาคารกรุงเทพ จัดมาตรการด่วนตามแนวทางของธปท. พักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เปิดหลากหลายช่องทางติดต่อ โดยเฉพาะการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.bangkokbank.com และโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. ถึง 15 ส.ค. 2564 สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือก่อนหน้ายังคงพร้อมเช่นเดิม จนถึง 31 ธ.ค. 64

ลูกค้าที่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ เป็นได้ทั้งลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งเบื้องต้นออกประกาศจำนวน 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสงขลา

โดยลูกค้าสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารทั่วประเทศ และบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง สามารถลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ www.bangkokbank.com และ โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ

สำหรับลูกค้าที่ยังสามารถเปิดดำเนินกิจการ แต่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ที่ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอความช่วยเหลือตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกค้าอย่างเต็มที่

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ พักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยลูกค้าบัตรเครดิต

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลขานรับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อขอพักชำระหนี้ 2 เดือน สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการป้องกันควบคุมโรค ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด 10 จังหวัด หวังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ได้รับผลกระทบ

มาตรการนี้ เป็นการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนานสูงสุด 2 รอบบัญชี โดยต้องลงทะเบียนเพื่อขอเข้าร่วมมาตรการ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต และลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น พนักงาน ลูกจ้าง หรือเจ้าของกิจการที่อยู่ในธุรกิจที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงสุด 10 จังหวัด หรือได้รับผลกระทบจากธุรกิจที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามประกาศของทางราชการ

โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้าร่วมมาตรการดังกล่าวได้ ตั้งแต่ 19 กรกฎาคม ถึง 18 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม จากมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ของบริษัท เช่น ลดยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือน, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาผ่อนชำระเป็นกรณีพิเศษ เป็นต้น ซึ่งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ และมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด สามารถติดต่อลงทะเบียนกับบริษัทเพื่อขอเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเหล่านี้ได้ โดยจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี

กรุงไทยก็มาด้วย

กรุงไทย ขานรับแนวทางธปท. เร่งช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เร่งออกมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยนาน 2 เดือน เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้ลูกค้าเอสเอ็มอี และรายย่อยที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป พร้อมมีอีก 7 มาตรการช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤต

มาตรการนี้สำหรับลูกค้าธนาคาร ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ทั้งนี้ มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยลูกค้าเอสเอ็มอี-รายย่อยที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ สามารถแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ถึง 15  สิงหาคม 2564 ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ หน่วยงานที่ดูแลสินเชื่อของท่าน

มาตรการลูกค้าบุคคล 3 มาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 1 สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (สินเชื่อ Home for Cash, สินเชื่อ Home Easy Cash, สินเชื่อกรุงไทยบ้านให้เงิน) วงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ยบางส่วน สูงสุด 12 เดือน หรือ ขยายระยะเวลาโดยลดอัตราผ่อนชำระ สูงสุด 12 เดือน หรือ พักชำระเงินต้น โดยชำระเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน

มาตรการที่ 2 สินเชื่อส่วนบุคคล วงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ลดการผ่อนชำระค่างวดลง 30% นานสูงสุด 6 เดือน

มาตรการที่ 3 สินเชื่อวงเงินกู้แบบหมุนเวียน (Revolving Loan) ได้แก่ สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏ สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏ 5 Plus ปรับเป็นวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ได้นาน 48 งวด หรือตามความสามารถในการชำระหนี้

 มาตรการลูกค้าธุรกิจ 4 มาตรการ ดังนี้

มาตรการที่ 1 มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 ปีแรก ไม่เกิน 2% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ปี ไม่เกิน 5% ต่อปี) ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี ได้รับยกเว้นดอกเบี้ย 6 เดือนแรก รวมทั้งได้รับการค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นานสูงสุด 10 ปี

มาตรการที่ 2 มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME

·      ลูกค้าที่มีสินเชื่อธุรกิจ วงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท  สำหรับสินเชื่อประเภท Term Loan  พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ยสูงสุด 6 เดือน หรือ ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 24 เดือน สำหรับสินเชื่อประเภท P/N และTrade Finance  ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 6 เดือน

·      ลูกค้าที่มีสินเชื่อธุรกิจ วงเงินกู้ 20-500 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อประเภท Term Loan พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ยสูงสุด 12 เดือน สำหรับสินเชื่อประเภท P/N และTrade Finance ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 6 เดือน

มาตรการที่ 3 มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจที่มีศักยภาพและมีทรัพย์สินเป็นหลักประกันให้สามารถลดภาระทางการเงินชั่วคราว ในช่วงที่รอให้ธุรกิจฟื้นตัว ด้วยวิธีการโอนทรัพย์ชําระหนี้และให้สิทธิซื้อทรัพย์คืนในอนาคต ในราคารับโอนบวกต้นทุนการถือครองทรัพย์ (Carrying Cost) 1% ต่อปี บวกค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์ที่ธนาคารจ่ายตามจริง หักค่าเช่าทรัพย์หลังตีโอนที่ลูกค้าชำระมาแล้ว

มาตรการที่ 4 โครงการ DR BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง สำหรับลูกค้าธุรกิจที่มีวงเงินสินเชื่อรวมทุกสถาบันการเงิน 50-500 ล้านบาท โดยพิจารณาตามความสามารถและศักยภาพของลูกค้า เช่น ปรับลดการผ่อนชำระ ยืดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ ตลอดจนการเสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้าที่มีแผนธุรกิจชัดเจนภายใต้หลักเกณฑ์การพิจารณาของธนาคาร

สำหรับลูกค้าที่สนใจศึกษาข้อมูลมาตรการช่วยเหลือของธนาคารที่ www.krungthai.com/link/covid-19 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หน่วยงานที่ดูแลสินเชื่อของท่าน หรือ Krungthai Contact Center 02-111-1111

]]>
1342670