นิวยอร์ก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 10 Aug 2023 12:52:51 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปลี่ยน “ออฟฟิศร้าง” เป็น “ที่พักอาศัย” ข้อเสนอเพื่อแก้วิกฤตสองด้านในเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1440627 Thu, 10 Aug 2023 10:18:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440627 วิถีการทำงานในสหรัฐฯ เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เพราะพนักงานจำนวนมากยังทำงานทางไกล (remote work) แม้โรคระบาดคลี่คลายแล้วก็ตาม ตึกสำนักงานมากมายจึงมีพื้นที่ว่างไร้คนเช่า สวนทางกับความต้องการที่พักอาศัยใจกลางเมืองที่ยังสูงอยู่เสมอ ทำให้นักวิจัยศึกษาพบว่า หากเปลี่ยน “ออฟฟิศร้าง” เป็น “ที่พักอาศัย” จะทำให้วิน–วินทั้งสองฝ่าย คือเจ้าของอาคารได้ปล่อยเช่า และคนเข้าถึงที่พักอาศัยมากขึ้น

สำนักวิจัยทางเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดผลวิจัยชิ้นใหม่โดย Arpit Gupta, Candy Martinez และ Stijn Van Nieuwerburgh พบว่า มีอาคารสำนักงานมากกว่า 2,000 ตึกในเขตใจกลางเมืองของสหรัฐอเมริกาที่สามารถเปลี่ยนเป็นอาคารอะพาร์ตเมนต์ได้ การเปลี่ยนอาคารสำนักงานเป็นอะพาร์ตเมนต์ จะทำให้ได้ห้องอะพาร์ตเมนต์เพิ่มอย่างน้อย 170,000 ห้อง หรือสูงสุด 400,000

การทำเช่นนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้กับเมืองได้ทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งคือ วิกฤตขาดแคลนที่พักอาศัยในใจกลางเมือง และอีกด้านคือ เกิด “ออฟฟิศร้าง” มากเกินไป ซึ่งทำให้เจ้าของอาคารมีรายได้น้อยลง

งานวิจัยนี้ระบุว่า 11% ของอาคารสำนักงานกลางเมือง นับเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุด 105 เมืองของสหรัฐฯ สามารถเปลี่ยนไปเป็นที่พักอาศัยแทนได้ และจะใช้เวลาน้อยกว่าการสร้างใหม่ขึ้นมาทั้งอาคาร รวมถึงดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้วย

ส่วนเมือง 3 อันดับแรกที่มีอาคารเหมาะจะเปลี่ยนเป็นที่พักอาศัยมากที่สุด คือ นิวยอร์ก, ซานฟรานซิสโก และ ลอสแอนเจลิส ตามลำดับ ทั้ง 3 เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีปัญหาค่าเช่าบ้านแพงที่สุดในประเทศเพราะซัพพลายต่ำกว่าดีมานด์มาก

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนอาคารออฟฟิศให้เป็นอะพาร์ตเมนต์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีเรื่องกฎหมายควบคุมอาคาร การต่อต้านของชุมชน และเจ้าของตึกต้องลงทุนเพิ่มด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง

ยกตัวอย่างเช่น นิวยอร์ก มีกฎหมายควบคุมว่าห้องนอนจะต้องมีหน้าต่างทุกห้อง ทำให้อาคารออฟฟิศที่มักจะออกแบบมาให้เป็นห้องโล่งขนาดใหญ่ หากจะกั้นห้องให้เป็นอะพาร์ตเมนต์ ส่วนตรงกลางของตึกจะกั้นได้ยากเพราะจะไม่ติดหน้าต่าง จึงเป็นโจทย์สำคัญในการเปลี่ยนสภาพการใช้งานตึก

  • “เอเชีย-ยุโรป” กลับเข้าออฟฟิศ แต่ “สหรัฐฯ” ยังคง WFH ความต่างที่มีผลต่อธุรกิจ “สำนักงานให้เช่า”
  • WeWork ส่อแววไม่รอดสูง บริษัทกังวลความสามารถในการดำเนินธุรกิจหลังขาดทุน สภาพคล่องแทบไม่มี

นี่ไม่ใช่คำตอบเดียวในการแก้ปัญหาวิกฤตขาดแคลนที่พักอาศัยในเมือง แต่อย่างที่นักวิจัยกลุ่มนี้สรุป “แม้จะมีความท้าทาย แต่ศักยภาพในการจินตนาการใหม่ถึงการใช้งานพื้นที่เมืองให้ยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคตก็เป็นสิ่งสำคัญมาก”

Source

]]>
1440627
โกอินเตอร์! “สิงห์ เลมอนโซดา” พาแบรนด์ไทยขึ้นบิลบอร์ดกลางไทม์สแควร์ นิวยอร์ก https://positioningmag.com/1393078 Mon, 18 Jul 2022 12:08:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1393078 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลายคนอาจจะเคยเห็นศิลปินไทย ขึ้นป้ายบิลบอร์ดที่ “ไทม์สแควร์” ใจกลางกรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกากันมาบ้างแล้ว โดยอาจจะเป็นแคมเปญต่างๆ ของแบรนด์สินค้า หรือล่าสุดก็เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นการโปรโมตทีมฟุตบอลชาติไทย

แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็น “แบรนด์ไทย” ขึ้นโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นไพรม์โลเคชั่น เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อีกทั้งยังมีมูลค่าสื่อมากมายมหาศาล

ล่าสุด “สิงห์ เลมอนโซดา” ในฐานะแบรนด์ไทย ได้ขึ้นบิลบอร์ดใจกลางไทม์สแควร์เป็นครั้งแรก นับเป็นมิติใหม่ของวงการการตลาด และวงการสื่อ ยกระดับแบรนด์สัญชาติไทยให้โกอินเตอร์

เบื้องหลังของแคมเปญนี้เป็นการที่ “สิงห์” ได้ทำตลาด “สิงห์ เลมอนโซดา” บุกตลาดต่างประเทศอย่างเป็นทางการ เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีการเติบโตค่อนข้างดี ทางสิงห์จึงดันออกสู่ตลาดอื่นๆ มากขึ้น เพราะด้วยเทรนด์ของเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล และเป็นเครื่องดื่มผสมวิตามินซีด้วย

ทางสิงห์เองได้ส่งสิงห์ เลมอนโซดาไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อส่งสินค้าไปแล้ว ย่อมมีการทำการตลาด สิงห์จึงได้ซื้อป้ายโฆษณาใจกลางไทม์สแควร์อย่างที่เห็นนี้

ความน่าสนใจอยู่ที่ การขึ้นป้ายบิลบอร์ดครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ในอเมริกาเท่านั้น … อย่างที่ทราบกันดีว่า ไทม์สแควร์ คือหนึ่งในไพรม์โลเคชั่นของโลก เวลามีใครทำอะไร ต้องการโปรโมตอะไร ก็อยากไปขึ้นป้ายบิลบอร์ดที่นั่น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่

เรียกง่ายๆ ว่าไทม์สแควร์เป็นพื้นที่ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะฉะนั้นบิลบอร์ดที่นี่มันจึงเป็นบิลบอร์ดที่มีความสำคัญในแง่ของการมองเห็นที่ว่า “ถ้าสิ่งใดอยู่บนบิลบอร์ดนั้น โลกจะมองเห็น” นั่นเอง

การที่สิงห์ เลมอนโซดาไปขึ้นป้ายอยู่ที่นั้น ในแง่ของการโฆษณาก็คือ การก้าวจากแบรนด์ไทยไปสู่ตลาดอินเตอร์อย่างเต็มตัว สอดคล้องกับการที่สิงห์ เลมอนโซดาได้เริ่มส่งขายในต่างประเทศ และอีกหลายประเทศก็อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา หรือการตกลงทำรายละเอียดกัน ในอนาคตแบรนด์จะเติบโตในต่างประเทศมากขึ้น

การที่ได้เห็นแบรนด์สิงห์มีมูฟเมนต์ใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะ อีกหนึ่งเบื้องหลังมาจากผู้บริหารรุ่นใหม่อย่าง “เต้ ภูริต ภิรมย์ภักดี” ด้วยเช่นกัน ถ้าใครได้ติดตามบ่อยๆ จะเห้นว่าสิงห์เองก็พยายามทราส์ฟอร์มแบรนด์ตัวเองที่เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีอายุ 89 ปี ให้มีความทันสมัยมากขึ้น

หนึ่งในกลยุทธ์หลักที่จับต้องได้ง่ายที่สุด ก็คือ การมองหาโอกาสใหม่ๆ น่านน้ำใหม่ๆ เพื่อทำให้สิงห์ก้าวเข้าสู่ยุค New Gen เราจึงได้เห็นสิงห์เข้าสู่การขยายตลาดใหม่ๆ สินค้าใหม่ๆ และนวัตกรรมใหม่ๆ

ยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ สิงห์ในน้ำหนักกับตลาดสินค้าไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcohol) มากขึ้นด้วย เนื่องจากมีโอกาส และสามารถสร้างกำไร สร้างการเติบโตระยะยาวได้ เช่น น้ำดื่มสิงห์ มีแคมเปญใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็นกับแบรนด์น้ำดื่มอื่นๆ

สิงห์ เลมอนโซดาเองก็เป็นอีกหนึ่งผลผลิตของการทรานส์ฟอร์มของสิงห์ ที่ต้องการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน นอกจากธุรกิจเบียร์ โซดา น้ำดื่มที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ต้องขยับหาฐานลูกค้าใหม่ๆ โอกาสใหม่มากขึ้น ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่

]]>
1393078
“นายจ้าง” กุมขมับ “นิวยอร์ก” ออกกฎบังคับเปิดเผย “เงินเดือน” ในประกาศรับสมัครลูกจ้าง https://positioningmag.com/1378016 Thu, 17 Mar 2022 13:41:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1378016 “นิวยอร์ก” จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายให้ “นายจ้าง” ต้องเปิดเผยช่วง “เงินเดือน” ต่ำสุด–สูงสุดในประกาศรับสมัครลูกจ้าง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 เพื่อปกป้องลูกจ้างไม่ให้ถูกเหยียดกดเงินเดือน ในทางกลับกัน กฎหมายนี้ส่งแรงกระเพื่อมให้บริษัทต้องเตรียมรับมือ เพราะโครงสร้างเงินเดือนทั้งบริษัทอาจขยับสูงขึ้น

กฎหมายแรงงานข้อใหม่ของเมือง “นิวยอร์ก” เกี่ยวกับ “ความโปร่งใสของการจ่ายค่าจ้าง” ผ่านการตรากฎหมายมาตั้งแต่ธันวาคมปีก่อน แต่กำลังจะเริ่มบังคับใช้จริงในวันที่ 15 พฤษภาคม 2022 ยิ่งเวลางวดใกล้เข้ามา บริษัทต่างต้องเร่งการรับมือ

กฎหมายดังกล่าวว่าด้วยการบังคับให้ “นายจ้าง” ต้องเปิดเผยช่วงอัตรา “เงินเดือน” ต่ำสุด-สูงสุดสำหรับตำแหน่งนั้นๆ เมื่อเปิดรับสมัครงาน โดยจุดประสงค์ของกฎหมายเพื่อทำให้ลูกจ้างมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น เนื่องจากทราบอัตราเงินเดือนที่ควรจะได้ โดยเฉพาะกลุ่ม “ผู้หญิง” ที่มักจะมีปัญหาถูกกดเงินเดือนมากกว่าผู้ชายในสหรัฐฯ

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กฎหมายข้อนี้เป็นปัจจัยบวกต่อการจ้างงานคือ ในกรณีที่ผู้สมัครงานคาดหวังเงินเดือนมากกว่าอัตราสูงสุด ก็จะได้ไม่สมัครงานเข้ามา และไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย เพราะอย่างไรอัตราเงินเดือนก็ไม่ลงตัวอยู่แล้ว

แน่นอนว่าบริษัทอาจจจะหาทางเลี่ยงด้วยการระบุเรทเงินเดือนสูงสุดให้ต่ำเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ไม่เสี่ยงผิดสัญญาหรือถูกต่อรองเงินเดือนได้ง่ายจากฝั่งผู้สมัคร แต่ในกรณีนิวยอร์กที่เป็นแหล่งรวมบริษัทชั้นนำ และมีทาเลนต์จำนวนมากพร้อมทำงาน การกดเรทเงินเดือนที่ประกาศไว้ต่ำก็อาจจะมีผลลบทำให้ผู้สมัครที่มีศักยภาพสูงไม่ส่งใบสมัครเข้ามา เพราะคิดว่าฐานเงินเดือนต่ำ จนถูกบริษัทคู่แข่งแย่งตัวไป

กฎหมายประเภทนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่นิวยอร์กเป็นที่แรกของสหรัฐฯ เพราะเคยบังคับใช้ในรัฐโคโลราโดมาก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม การเริ่มใช้ในนิวยอร์กอาจจะเป็นการชิมลางเพื่อขยายไปออกกฎหมายนี้ทั่วประเทศได้

ทำให้บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างหวั่นวิตกว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา เมื่อไพ่ทุกใบถูกวางให้เห็นบนโต๊ะ คนทั้งบริษัทเห็นอัตราเงินเดือนได้ชัดๆ จากการรับสมัครงาน จากเดิมที่เคยปกปิดเป็นความลับต่อกัน

 

ลดการใช้ “ดุลยพินิจ” ต่อตัวบุคคล

แต่เดิมนั้นกระบวนการพิจารณาค่าจ้างมักจะเกิดขึ้นเมื่อนายจ้างได้กลุ่มผู้สมัครงานที่สนใจมาแล้วจำนวนหนึ่ง โดยนายจ้างจะกล่าวว่าต้องการความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินเดือน เพราะอาจจะมีทาเลนต์ที่มีทักษะสูงเข้ามาสมัคร และบริษัทยินดีที่จะจ่ายสูงกว่าปกติให้กับคนกลุ่มนี้

  • วิธีรับมือ 7 คำถาม “สัมภาษณ์งาน” ที่คนสมัครงานมักจะต้องเจอ

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่มีกรอบเงินเดือนชัดเจนซึ่งกำหนดมาแล้วจากงบประมาณบริษัท ทักษะที่ต้องการ และความรับผิดชอบต่องานที่ต้องทำ ผู้มีอำนาจตัดสินใจจะพิจารณาด้วย “ดุลยพินิจ” หรือธรรมเนียมบริษัทว่าคนลักษณะนี้ควรจะได้ค่าจ้างเท่าไหร่ ซึ่งเป็นที่มาของการกดเงินเดือนเนื่องจากการ ‘เหยียด’ ภายในบริษัท

แต่ฝั่งนายจ้างก็มองเห็นถึงปัจจัยลบที่บริษัทจะต้องแบกรับเช่นกัน ทำให้หลายบริษัทมีการจ้างทนายหรือบริษัทที่ปรึกษาเพื่อเข้ามาทำแผนรับมือแล้ว

 

โครงสร้าง “เงินเดือน” ทั้งบริษัทอาจเปลี่ยน

ประเด็นหนึ่งที่บริษัทกังวลมาก คือเมื่ออัตราเงินเดือนถูกกำหนดชัดเจน จะทำให้คนทั้งบริษัททราบอัตราที่ตนเองมองว่าตนควรได้รับ เพราะบริษัทระบุว่าจ่ายได้ และทุกคนจะขอขึ้นเงินเดือนเป็นอัตราสูงสุดที่ระบุ

“เมื่อคุณจำเป็นต้องระบุฐานเงินเดือนในประกาศรับสมัครงาน คุณจะรู้ตัวเลยว่าจะต้องรับผิดชอบต่อฐานเงินเดือนที่คุณจ่ายให้พนักงานปัจจุบันด้วย” Kieren Snyder ซีอีโอของ Textio กล่าว โดยบริษัทนี้เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่สมัครใจประกาศฐานเงินเดือนในการรับสมัครงานอยู่แล้ว

  • ยุคแย่งทาเลนต์! เพดานเงินเดือนสาย “ไอที-ดิจิทัล” ขยับเพิ่มเกือบเท่าตัว

จากประเด็นนี้ ทำให้หลายบริษัทคาดว่าโครงสร้างเงินเดือนทั้งหมดจะปรับขึ้น กลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเมื่อบริษัทคู่แข่งสามารถตรวจสอบอัตราเงินเดือนกันได้ง่ายๆ ก็จะทำให้บริษัทที่พร้อมจ่ายขึ้นราคาค่าตัวพนักงานทักษะสูงหรือพนักงานระดับผู้บริหารเพื่อแข่งขันแย่งตัวกัน ในระยะยาวแล้วบริษัทจะต้องจ่ายมากขึ้น

ส่วนพนักงานย่อมเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดตามเจตนากฎหมายฉบับนี้

Source

]]>
1378016
จับตา ‘VinFast’ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของเวียดนาม จ่อเข้า ‘ระดมทุน’ ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1327814 Wed, 14 Apr 2021 10:47:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327814 จับตาความเคลื่อนไหวของ ‘VinFast’ (วินฟาสต์) เเบรนด์รถยนต์เจ้าใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ธุรกิจในเครือ Vingroup เตรียมเข้า IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดระดมทุนได้ถึง 2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 6.3 หมื่นล้านบาท)

Bloomberg รายงานโดยอ้างเเหล่งข่าวใกล้ชิด ระบุว่า Vingroup บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเวียดนาม เตรียมการจะส่งบริษัทลูกอย่าง ‘VinFast’ เสนอขายหุ้นต่อ​ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม กำลังอยู่ในช่วงดำเนินงานร่วมกับที่ปรึกษา โดยคาดว่าข้อเสนอดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นได้ภายในไตรมาสนี้ เเละประเมินว่าการระดุมทุน IPO ของ VinFast อาจเพิ่มขึ้นสูงสุดเเตะ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.4 หมื่นล้านบาท)

ขณะที่แหล่งข่าวให้ข้อมูลกับ Reuters ว่ากลุ่มธุรกิจของ Vingroup ซึ่งมีอยู่หลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งเเต่อสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงสมาร์ทโฟนกำลังทำงานร่วมกับ Credit Suisse HongKong เพื่อเสนอขาย IPO ในครั้งนี้

หลังจากมีกระเเสข่าวนี้เผยเเพร่ออกมา ส่งผลให้หุ้นของ Vingroup เพิ่มขึ้นมากถึง 5.3% (ณ วันที่ 13 เมษายน) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทพุ่งขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.27 เเสนล้านบาท)

ในช่วงเเรก Vingroup ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อข่าวนี้ เเต่ต่อมาได้ออกมาชี้เเจงว่า บริษัทกำลัง ‘กำลังพิจารณาหาโอกาสในการระดมทุน’ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งรูปเเบบ IPO หรือ SPAC (บริษัทที่สร้างขึ้นมาเพื่อระดมเงินทุนไปซื้อบริษัทอื่น) เเต่การระดมทุนใดๆที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นสภาวะตลาด

  • สตาร์ทอัพอินโดนีเซีย คึกคัก ‘Traveloka’ เตรียมเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านวิธี SPAC ภายในปีนี้

VinFast เพิ่งเปิดตัว ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ขับเคลื่อนอัตโนมัติ 3 รุ่นใหม่ ได้แก่ VF31 ,VF32 และ VF33 ในเวียดนาม เเละกำลังจะส่งไปทำตลาดในสหรัฐฯ แคนาดาและยุโรปในปีหน้า โดยกำลังมองหาโอกาสที่จะเปิดโรงงานใหม่ในอเมริกาด้วย

นอกจากนี้ เมื่อเดือนที่เเล้ว มีกระเเสข่าวว่า Vingroup กำลังเจรจากับ Foxconn ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวัน เพื่อร่วมมือเป็นพันธมิตรพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ากับเเบรนด์ VinFast

  • VinFast เวียดนาม เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ 3 รุ่นลุยตลาดสหรัฐฯ-ยุโรป

 

 

ที่มา : Bloomberg , Reuters

]]>
1327814
นิวยอร์กเตรียมขึ้น “ภาษีคนรวย-ภาคธุรกิจ” ไว้เป็นเงินทุนต่อสู้ COVID-19 https://positioningmag.com/1327642 Sat, 10 Apr 2021 15:55:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327642 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ เปิดเผยว่ารัฐนิวยอร์กเตรียมเรียกเก็บภาษีจากคนรวย และบริษัทต่างๆ เพิ่มอีกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวหลักหมื่น หรือแสนล้านบาท) ต่อปี เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการใช้จ่ายที่สูงท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19

วุฒิสภา และสภารัฐนิวยอร์กผ่านร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐมูลค่า 2.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.66 ล้านล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณ 2022 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ปีนี้ หลังจากหารือและบรรลุข้อตกลงกับคัวโมเมื่อวันอังคารที่ 6 เม.ย.

เมื่อวันพุธที่ 7 เม.ย. คัวโมเปิดเผยว่ารัฐนิวยอร์กจะเก็บภาษีได้เพิ่ม 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.49 หมื่นล้านบาท) จากการปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้สูงขึ้น และ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.35 หมื่นล้านบาท) จากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่สูงขึ้น ในปีงบประมาณ 2022

และในปีงบประมาณ 2023 จำนวนเงินที่เรียกเก็บจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคลจะมีมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.03 แสนล้านบาท) และ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.14 หมื่นล้านบาท) ตามลำดับ

ชาวนิวยอร์กที่มีรายได้มากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 786 ล้านบาท) ต่อปี จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10.9% จากเดิม 8.82%

Photo : Shutterstock

นอกจากนั้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้มีรายได้ 5-25 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ประมาณ 157-786 ล้านบาท) จะเพิ่มขึ้นเป็น 10.3% จากเดิม 8.82% ส่วนบุคคลที่มีรายได้ตั้งแต่ 1-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 31-157 ล้านบาท) ต่อปี ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 9.65% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 8.82%

ด้านกลุ่มคนร่ำรวยที่สุดในนิวยอร์กซิตีต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น 3.88% และอาจต้องเสียอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นเป็น 14.78% ซึ่งนับเป็นอัตราที่สูงที่สุดในสหรัฐฯ

คัวโมกล่าวว่าอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 157 ล้านบาท) ต่อปี จะเพิ่มจาก 6.5% เป็น 7.25% เป็นเวลา 3 ปี

ขณะเดียวกันคัวโมระบุว่ารัฐนิวยอร์กได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.96 แสนล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณนี้

Photo : Shutterstock

คัวโมเสริมว่าการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อนการยกเลิกลดหย่อนภาษีของรัฐและภาษีท้องถิ่น (State and Local Tax) ซึ่งจะทำให้ภาษีสุทธิในรัฐลดลง โดยการปรับขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและกลุ่มหัวก้าวหน้า แต่เผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากภาคธุรกิจ

เมื่อวันพุธที่ 7 เม.ย. แถลงการณ์จากฮีเธอร์ บริกเชตตี ประธานและซีอีโอของสภาธุรกิจแห่งรัฐนิวยอร์ก ระบุว่าการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่มภาษีภาคธุรกิจนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็น เนื่องจากนิวยอร์กได้รับเงินสนับสนุนจำนวนมากจากรัฐบาลกลางอยู่แล้ว

บริกเชตตีกล่าวเสริมว่า ในขณะที่การช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากมาตรการล็อกดาวน์ และข้อจำกัดของรัฐเพิ่มเติมนั้นเป็นสิ่งที่น่าส่งเสริม “เรากลัวว่าการเรียกเก็บเงินและภาษีเพิ่มเติมจะส่งผลกระทบต่อรัฐนิวยอร์กมากกว่าเอื้อให้เกิดการฟื้นตัว”

]]>
1327642
“จีน” เช่าป้ายไทม์สแควร์ใจกลางนิวยอร์ก ประชาสัมพันธ์ข่าว COVID-19 https://positioningmag.com/1320666 Wed, 24 Feb 2021 06:49:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320666 ฟ็อกซ์นิวส์ สื่อต่างประเทศรายงานว่าซินหัว สื่อทางการจีน ได้ส่งข้อความเต็มพื้นที่ป้ายโฆษณาของนครนิวยอร์กเพื่อกระตุ้นให้เกิดความสามัคคีในการต่อสู้กับ COVID-19

ฟ็อกซ์นิวส์ กล่าวว่า แม้ปักกิ่งจะยังคงต่อต้านการให้ความร่วมมือกับการสอบสวนขององค์การอนามัยโลกในเรื่องต้นกำเนิดของไวรัส แต่สื่อโฆษณาที่เรียกว่า China Screen ในไทม์สแควร์ได้เผยแพร่ภาพให้กับสำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่ดำเนินการโดยรัฐของปักกิ่งโดยได้ใช้พื้นที่ป้ายใจกลางนิวยอร์กขนาด 60 ฟุต นี้ตั้งแต่ปี 2554

ตามข้อมูลของ USA China Daily ปกติหน้าจอจะแสดงผลิตภัณฑ์และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเทศจีน แต่เมื่อเร็วๆ นี้ได้แสดงข้อความที่แตกต่างออกไป เป็นการแสดงข้อความที่พูดถึงความคืบหน้าในการต่อสู้กับไวรัส เช่น การสังเกตอัตราการฟื้นตัว 48.52% และเรือสำราญที่ผ่านการตรวจสอบของจีน

ข้อความเหล่านั้น มีอาทิ “จีนให้ความช่วยเหลือประเทศและดินแดนมากกว่า 80 ประเทศ” “จะต่อสู้กับไวรัสร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศต่อไป” ข้อความกล่าวเสริมพร้อมกับรูปภาพของประเทศอื่นๆ เช่น อิตาลี เกาหลีและญี่ปุ่น

ข้อความระบุถึงความสามัคคีและความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าปักกิ่งปฏิเสธที่จะส่งข้อมูลดิบของผู้ป่วยให้กับผู้ตรวจสอบของ WHO ในอู่ฮั่น

การสอบสวนสี่สัปดาห์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีนส่งผลกระทบต่อข้อมูลผู้ป่วย นักวิจัยยืนยันว่า ทำงานของพวกเขา “อย่างเต็มที่” แต่ผู้นำนานาชาติบางคนยืนยันว่าจีนจำเป็นต้องทำมากกว่านี้

นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวในแถลงการณ์ ว่า “เรามีความกังวลอย่างมาก เกี่ยวกับวิธีการสื่อสารผลการสอบสวน COVID-19 และคำถามเกี่ยวกับกระบวนการที่ใช้ในการเข้าถึงพวกเขา”

“จำเป็นอย่างยิ่งที่รายงานนี้จะต้องเป็นอิสระ โดยการค้นพบของผู้เชี่ยวชาญจะปราศจากการแทรกแซงหรือการเปลี่ยนแปลงโดยรัฐบาลจีน” เขากล่าวเสริม

เกี่ยวกับรายงานต่างๆ มี “การอภิปรายกันเดือด” เกี่ยวกับการรับข้อมูลทั้งหมดที่ WHO ต้องการจากเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับ COVID-19 ทาริก จาซาเรวิก โฆษกขององค์การอนามัยโลกยืนยันกับ ฟ็อกซ์นิวส์ ว่า “มีช่วงเวลาที่การถกเถียงทางวิทยาศาสตร์ และขัดกันในบางครั้ง”

ด้าน เชอร์วูด เอาท์ดอร์ เจ้าของ และผู้ให้เช่าป้ายโฆษณาโดย ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของ Sherwood Equities Inc. ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ กับฟ็อกซ์นิวส์ เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเช่าพื้นที่ให้กับสื่อของรัฐจีน และมีการต่ออายุสัญญาเช่าหรือไม่

Source

]]>
1320666
Airbnb ชวนฉลองปีใหม่ในโดมกลาง Times Square มีดิว่าตัวแม่ “มารายห์ แครีย์” เป็นโฮสต์ https://positioningmag.com/1311342 Mon, 21 Dec 2020 06:42:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1311342 โอกาสการตลาดท่ามกลางวิกฤต! ปีนี้เมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ เปลี่ยนรูปแบบงานฉลองนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2021 งดการชุมนุมรวมกลุ่มแต่จะจัดถ่ายทอดสดทดแทน ทำให้ Airbnb ถือโอกาสชวน “มารายห์ แครีย์” มาเป็นโฮสต์เชิญแขกเข้าพักใน “โดมใส” กลาง Times Square ชมบรรยากาศเคานต์ดาวน์แบบสด ๆ และรับประทานอาหารฝีมือเชฟส่วนตัว

Airbnb จัดที่นอนในโดมใสทรงกลมบนตึก Nasdaq กลาง Times Square พร้อมอพาร์ตเมนต์ลักชัวรีบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นแคมเปญกิจกรรมพิเศษ “Sleep under the New Year’s Ball in Times Square”

แขกที่ได้เข้าพักเพียง 2 ท่าน จะได้ชมบรรยากาศสดในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่ปี 2021 พร้อมอาหารที่ปรุงโดยเชฟส่วนตัว และที่สำคัญ…กิจกรรมครั้งนี้ขึ้นชื่อโฮสต์เป็น “มารายห์ แครีย์” นักร้องหญิงฉายา “ราชินีแห่งคริสต์มาส” เธอจะมาต้อนรับแขกเข้าที่พักด้วยการแสดงส่วนตัว ถ่ายทอดสดผ่าน Zoom

โดมใสกลาง Times Square ที่พักพิเศษสำหรับนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ 2021 จาก Airbnb (Photo : Airbnb)

นอกจากนี้ แขกจะได้รับคอสตูมเสื้อผ้าและพรอพตกแต่งวิบวับต้อนรับปีใหม่ พร้อมด้วยเงินช้อปปิ้งอีก 5,000 เหรียญสหรัฐ! (ประมาณ 1.5 แสนบาท) สามารถใช้ช้อปได้ในร้านค้าบนถนน 5th Avenue หรือใน Times Square ก่อนถึงวันสิ้นปี เพื่อหาชุดเด็ด ๆ มาต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน แถมท้ายด้วยของขวัญที่ระลึก เป็นลูกบอลคริสตัลลอกเลียนแบบลูกบอลคริสตัลที่จะถูกปล่อยในเวลาขึ้นปีใหม่ 2021

แพ็กเกจทั้งหมดนี้ Airbnb และโฮสต์มารายห์ คิดราคาเพียง 21 เหรียญ หรือ 627 บาทเท่านั้น โดยจะเปิดให้จองที่พักในวันที่ 21 ธันวาคม 2020 เวลา 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้อาศัยอยู่ในนิวยอร์กเท่านั้น และเป็นระบบจองก่อนได้สิทธิก่อน

บรรยากาศยามค่ำคืน (Photo : Airbnb)
พื้นที่รับประทานอาหารในอพาร์ทเมนต์ลักชัวรี โดยเชฟส่วนตัวจะเสิร์ฟอาหารให้ที่นี่ (Photo : Airbnb)

“เนื่องจากปีนี้งานฉลองปีใหม่ Times Square จะถูกจัดแบบเสมือนจริง ทำให้แขกที่เข้าพักจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง ระหว่างการโปรยปรายกระดาษสีและปล่อยลูกบอลปีใหม่แห่งปีตามประเพณีของงานนี้” Airbnb ระบุในข้อความเชิญชวนเข้าร่วมที่พักและกิจกรรม

  • ราชินีคริสต์มาส Mariah Carey ทำเงินจากเพลงนี้เพลงเดียวไปแล้ว 60 ล้านเหรียญ

“ชาวเมืองนิวยอร์กได้ค้นพบความแข็งแกร่งเพื่อก้าวผ่านปีนี้ไปได้ และผู้คนในเมืองนี้คือฮีโร่ของฉัน” มารายห์ แครีย์เขียนข้อความในฐานะโฮสต์บน Airbnb “เพื่อเป็นเกียรติแก่การปรับตัวของคนนิวยอร์ก ฉันขอเชิญคนท้องถิ่นสองคนที่มาจากครอบครัวเดียวกัน มาเปลี่ยน Times Square เป็นบ้านและที่นอนสักหนึ่งคืน ภายในโดมแสนสบายบนดาดฟ้าตึก Nasdaq ข้างใต้ลูกบอลปีใหม่ มากล่าวคำว่า ‘ไสหัวไปซะ’ ให้กับปี 2020 อย่างมีสไตล์กันค่ะ”

มารายห์ แครีย์ ราชินีแห่งคริสต์มาส

ถึงแม้จะไม่เปิดให้คนเข้าในพื้นที่เหมือนทุกปี แต่ปีนี้ Times Square จะยังคงมีงานปล่อยลูกบอลปีใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ มีการจุดพลุชุดใหญ่ และการแสดงจากศิลปินดังเช่นเดิมโดยปีนี้เป็น “กลอเรีย เกย์เนอร์” ที่จะขึ้นแสดง แต่จะเปลี่ยนมาเป็นการถ่ายทอดสดงานทั้งหมดแทน ส่วนแขกผู้มีเกียรติที่จะได้เข้างาน อนุญาตเฉพาะ “ฮีโร่แถวหน้า” ของเมืองนิวยอร์ก นั่นคือเหล่า “บุคลากรทางการแพทย์” ที่ต้องทำงานหนักในปีนี้

ส่วนแขกของ Airbnb นอกจากจะได้ชมบรรยากาศสด (ที่อาจจะเงียบเหงาไปบ้าง) ยังจะมีจอยักษ์ฉายภาพถ่ายทอดสดให้ดูแบบเต็มๆ จากหน้าต่างโดมห้องนอน และได้ชมวิวทิวทัศน์เมืองนิวยอร์กยามค่ำคืนที่สวยงามตระการตา

สำหรับประเทศไทยที่เริ่มมีการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ช่วงโค้งท้ายปี จนงานฉลองปีใหม่ต่าง ๆ มีสิทธิ์ถูกยกเลิก นี่อาจเป็นไอเดียที่ดีในการเปลี่ยนการทำการตลาดก็ได้

Source

]]>
1311342
นิวยอร์กงัดไอเดีย “กินอาหารบนถนนคนเดิน” สู้ COVID-19 จากนั่งในร้านสู่กลางแจ้ง https://positioningmag.com/1286562 Sat, 04 Jul 2020 14:39:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286562 บิลล์ เดอ บลาซิโอ (Bill de Blasio) นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ระบุว่านิวยอร์กจะจัดพื้นที่กินอาหารกลางแจ้งบนถนนคนเดิน (Open Streets) กว่า 20 สายของเมือง ระหว่างช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ตลอดฤดูร้อนปีนี้ ขณะที่มาตรการอนุญาตให้ประชาชนกินอาหารภายในอาคารถูกเลื่อนออกไป

“เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทั่วสหรัฐฯ เราตัดสินใจแล้วว่าเรายังไม่สามารถอนุญาตให้ประชาชนกินอาหารภายในอาคารได้ ดังนั้น ตั้งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไป เราจะจัดร้านอาหารกลางแจ้งบนถนนคนเดิน 22 สายของเมือง”

“แผนนี้ยอดเยี่ยมมากเพราะเราจะจัดการกินอาหารกลางแจ้งในสถานที่ซึ่งมีสุดยอดร้านอาหารจำนวนมาก โดยปกติประชาชนชอบไปบริเวณนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยได้ในพื้นที่กลางแจ้ง”

Photo : Xinhua

ตั้งแต่วิกฤต COVID-19 เริ่มต้นขึ้น นิวยอร์กสร้างถนนคนเดินรวมราว 107 กิโลเมตร โดยถนนเหล่านี้ไม่อนุญาตให้รถยนต์แล่นผ่าน เพราะเป็นพื้นที่ให้ประชาชนเดินเท้า ขี่จักรยาน หรือออกกำลังกาย โดยต้องรักษาระยะห่างทางสังคม นายกเทศมนตรีระบุว่าเขาตั้งเป้าเปิดถนนคนเดินสายต่างๆ ให้มีระยะทางรวม 160 กิโลเมตร

เดอ บลาซิโอระบุว่าแผนริเริ่มการกินอาหารกลางแจ้งนี้จะครอบคลุมถนนคนเดินราว 4 กิโลเมตร และจะขยายพื้นที่เพิ่มเติมในอนาคต โดยกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นทุกคืนวันศุกร์และช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ตลอดฤดูร้อนปีนี้

Photo : Xinhua

“เรารู้สึกตื่นเต้นมาก กิจกรรมนี้จะเปิดโอกาสมากมายและทำให้ประชาชนจำนวนมากสามารถกลับมาทำงานได้ เราต้องการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้” เดอ บลาซิโอกล่าว

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายกเทศมนตรีประกาศว่าแต่เดิมนครนิวยอร์กจะอนุญาตให้ประชาชนกลับมากินอาหารภายในอาคารได้อีกครั้งในวันที่ 29 มิ.ย. ขณะเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการเปิดเมือง แต่กำหนดการนี้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากหลายๆ รัฐของสหรัฐฯ พบผู้ป่วยโรค COVID-19 รายใหม่จำนวนมากขึ้นที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารและบาร์

]]>
1286562
นิวยอร์กยังวิกฤต! ผู้ว่าฯ ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ไปจนถึง 13 มิ.ย. แม้รัฐอื่นเริ่มคลายแล้ว https://positioningmag.com/1278925 Sat, 16 May 2020 07:58:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1278925 แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กแถลงว่าจะขยายคำสั่งหยุดอยู่บ้านออกไปจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังวิกฤต แม้รัฐอื่นๆ ในสหรัฐฯ เริ่มทยอยกลับมาเปิดเศรษฐกิจแล้ว

ในคำสั่งพิเศษที่ประกาศเมื่อวันที่ 14 พ.ค. คูโอโมบอกว่า ทางรัฐจะเดินหน้านโยบาย “รัฐนิวยอร์กหยุดนิ่ง” ต่อไป หลังบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ในมาตรการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะที่คำสั่งชัตดาวน์ในปัจจุบัน มีกำหนดหมดอายุลงในวันที่ 15 พ.ค.

“ทั้งเคสการแพร่เชื้อ COVID-19 อันสัมพันธ์กับการเดินทางและการติดต่อกันในชุมชน ยังพบเห็นอยู่ในรัฐนิวยอร์ก คาดหมายว่า จะเกิดขึ้นต่อไป ดังนั้น ทุกกลไกที่บังคับใช้โดยรัฐและรัฐบาลท้องถิ่นควรดำเนินต่อไปอย่างเต็มรูปแบบและจะมีผลไปจนถึงวันที่ 13 มิถุนายน จนกว่าจะมีการขยายเพิ่มเติมในภายหลังหรือแก้ไขโดยคำสั่งพิเศษในอนาคต”

ก่อนหน้านี้ คูโอโม บอกว่า มีเขตปกครองในนิวยอร์กหลายแห่งที่ทำได้ตามกฎเกณฑ์ของเขาในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ และในคำสั่งพิเศษวันที่ 14 พ.ค. เขาบอกว่า เขตปกครองบางแห่งที่ทำได้ตามมาตรวัดด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยจะได้สิทธิ์กลับมาเปิดเศรษฐกิจ

“เขตปกครองฟิงเกอร์เลค, เซาเทิร์นเทียร์, โมฮอร์ค วัลเลย์และนอร์ท คันทรี รวมถึงเซ็นทรัลนิวยอร์ก พร้อมแล้วสำหรับเริ่มเฟส 1 ของการเปิดเศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ ส่วนเขตอื่นๆ ก็สามารถปลดล็อกได้ทันทีที่พวกเขาทำได้ตามมาตรฐาน”

นิวยอร์กเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 หนักหน่วงที่สุดในสหรัฐฯ โดยจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ล่าสุดในวันที่ 14 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อในรัฐแห่งนี้ มากกว่า 350,000 เคสและมีผู้เสียชีวิตเกิน 27,000 คน

ส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐนิวยอร์กหยุดนิ่ง ทุกธุรกิจที่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดทำการ และห้ามรวมกลุ่มกันโดยไม่มีความจำเป็น นอกจากนี้แล้ว ยังแนะนำให้ประชาชนในรัฐต้องอยู่ห่างจากคนอื่นๆ อย่างน้อย 6 ฟุตในที่สาธารณะ และจำกัดกิจกรรมกลางแจ้ง

Source

]]>
1278925
นิวยอร์ก วางเเผนเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง เตรียมให้ตรวจเชื้อ COVID-19 ได้ตามร้านขายยา https://positioningmag.com/1275616 Mon, 27 Apr 2020 11:51:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275616 มหานครนิวยอร์ก เมืองที่มียอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 มากที่สุดในสหรัฐฯ วางเเผน “เปิดเศรษฐกิจ” อีกครั้ง หลังพ้นเขตล็อกดาวน์ในวันที่ 15 พ.ค. ที่จะถึงนี้ พร้อมจะเริ่มให้ตรวจเชื้อได้ตามร้านขายยา

Andrew Cuomo ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า กลยุทธ์เปิดเศรษฐกิจของนิวยอร์กจะเป็นเเบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฟสเเรกจะเริ่มเปิดภาคการก่อสร้างและการผลิตก่อน จากนั้นเฟสสองจะประเมินธุรกิจตามสถานการณ์เเละความสำคัญ แต่ละเฟสจะห่างกัน 2 สัปดาห์ เพื่อวัดผลกระทบของการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งต้องดูอัตราผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ติดเชื้อว่าจำนวนไม่เพิ่มขึ้นด้วย

โดยพื้นที่ที่มีแนวโน้มว่าจะเปิดเศรษฐกิจในเร็ว ๆ นี้อาจจะเป็นตอนเหนือของนิวยอร์ก เพราะมียอดผู้ติดเชื้อน้อยกว่าพื้นที่อื่นๆ ส่วนทางตอนล่างของรัฐ รวมถึงนิวยอร์กซิตี้ ซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อมากที่สุดนั้นจะต้องมีการประสานงานระดับภูมิภาค

  • ผู้ว่าฯ นิวยอร์กเปิดผลวิจัยพบเชื้อ COVID-19 ที่นำเข้าสู่รัฐ สายพันธุ์จาก “ยุโรป” ไม่ใช่จีน
  • รักเเท้ไม่เเพ้ไวรัส! นิวยอร์ก ให้จดทะเบียนสมรสออนไลน์ จัดงานเเต่งผ่านเเอปฯ ประชุมได้

Cuomo กล่าวอีกว่า อีกไม่นานชาวนิวยอร์กจะสามารถตรวจหา COVID-19 ได้ตามร้านขายยาต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบเมืองราว 5,000 แห่ง โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถแจกชุดตรวจ วันละ 40,000 ชุดให้กับร้านขายยา คลินิก และโรงพยาบาลทั่วรัฐนิวยอร์ก

ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ในรัฐนิวยอร์กลดลงมาอยู่ที่ระดับ 367 คนในวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา นับถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 332 คน โดยยอดสะสมของผู้ติดเชื้อรัฐนิวยอร์กมีมากกว่า 280,000 คน เสียชีวิตแล้วราว 22,000 คน ขณะที่สหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อรวมกว่า 960,000 คน เสียชีวิตแล้วกว่า 54,000 คน

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเเนวทาง 3 ขั้นเพื่อได้ประกาศแผนผ่อนปรน 3 ระยะในภารกิจ “Opening up America Again” เพื่อกลับมาเปิดระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยให้อำนาจเเก่ผู้ว่าการรัฐกำหนดมาตรการของตนเองท่ามกลางยอดผู้ว่างงานในประเทศที่พุ่งสูงกว่า 26 ล้านคน หรือราว 1 ใน 6 ของชาวอเมริกัน

ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามในมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมมูลค่า 484 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่ารวม 3 ล้านล้านเหรียญ เพื่อฟื้นฟูประเทศจากการระบาดของ COVID-19

  • เปิดเเผน 3 ระยะ คลายล็อกดาวน์ของ “ทรัมป์” ฟื้นเศรษฐกิจ “Opening Up America Again”
  • สั่งระงับออก “กรีนการ์ด” ให้ชาวต่างชาติ 60 วัน เเก้ปัญหาเเย่งงานคนอเมริกัน

 

ที่มา : france24 , nbcnewyork

 

]]>
1275616