บริการด้านสุขภาพ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 01 Jul 2021 15:39:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บํารุงราษฎร์ ปั้นธุรกิจใหม่ ‘Pride Clinic’ เจาะ LGBTQ+ กำลังซื้อสูง เน้นครบวงจร-ดูเเลระยะยาว https://positioningmag.com/1339830 Thu, 01 Jul 2021 09:41:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1339830 บำรุงราษฎร์เสริมกลยุทธ์สร้างรายได้ เปิดตัวธุรกิจใหม่ ‘Pride Clinic’ เจาะกลุ่ม LGBTQ+ กำลังซื้อสูงทั้งในไทยเเละทั่วโลก ชูจุดเด่นการดูแลเชิงสุขภาพในระยะยาวเเบบ ‘Life-time value’ ครบวงจรตั้งเเต่ให้คำปรึกษาดูเเลจิตใจผ่าตัดเเปลงเพศศัลยกรรมตกเเต่ง ตามความต้องการเฉพาะบุคคล

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กล่าวว่า Pride Clinic จะเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพตามความต้องการ ให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ด้วยการบริบาลตามมาตรฐานบำรุงราษฎร์และความปลอดภัยสูงสุด ทั้งก่อนเข้ารับบริการ ในระยะบริการ เเละหลังบริการระยะยาว

ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคชาว LGBTQ+ ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอย มีอยู่ทั่วโลกราว 468 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นชาวเอเชียถึง 288 ล้านคน เเละในไทยประมาณ 4 ล้านคน

บริการของ Pride Clinic ได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งจากชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยล่าสุดบำรุงราษฎร์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในจีน ที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลัก รวมไปถึงมีเเผนจะทำการตลาดไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ในอาเซียนด้วย

ในเบื้องต้นเเม้จะยังไม่ได้ตั้งเป้าตัวเลขทางธุรกิจ เเต่โรงพยาบาลมองว่า ธุรกิจใหม่นี้จะเติบโตได้ดีในอนาคตเเละคาดหวังว่าจะทำรายได้เพิ่ม 2-3 เท่า โดยค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ในเรตที่กว้างมาก เพราะความต้องการของเเต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ ‘ออปชั่น’ ที่อยากได้เเละความเหมาะสมกับร่างกายเเละจิตใจ ตามคอนเซ็ปต์ ‘Be the best version of you’

สำหรับ ‘Pride Clinic’ จะเปิดให้บริการกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีอายุตั้งเเต่ 20 ปีขึ้นไป รวมถึงให้คำปรึกษาผู้ปกครองและญาติมิตร

นพ.สิระ กอไพศาล อายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อและผู้ชำนาญการด้านฮอร์โมน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ยังมีความเข้าใจผิดและมีความเสี่ยงในการซื้อยาคุมกำเนิดมารับประทานเอง เพื่อทดแทนฮอร์โมนในเพศหญิง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

ดังนั้น ‘Pride Clinic’ จึงได้รับการออกแบบให้มีการบริบาลแก่กลุ่มหลากหลายทางเพศที่ครบวงจร ปลอดภัยเเละดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกขั้นตอน เช่น

  • การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพหรือเตรียมความพร้อมเพื่อปรับเพศสภาพ (Hormone Therapy)
  • ศัลยกรรมเพื่อปรับลักษณะทางกายภาพ (Masculinizing/Feminizing Procedures)
  • การผ่าตัดเปลี่ยนเพศ (Gender-Affirming Surgery)
  • การฝึกพูดเพื่อเปลี่ยนเสียงเป็นเพศหญิง (Voice Feminizing Therapy)
  • การผ่าตัดกล่องเสียง (Voice Feminizing Surgery)
  • การดูแลรักษาด้านผิวพรรณ ความงามและรูปร่าง (Aesthetic and Skin)
  • การดูแลสุขภาพจิต (Mental health)
  • โปรแกรมสุขภาพแบบจำเพาะสำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Check-up Program for Unisex) ในทุกช่วงวัย

“จุดเเข็งของ Pride Clinic คือการดูเเลเเบบเฉพาะบุคคลจริงๆ เพราะต้องเทคฮอร์โมนในอัตราที่เเตกต่างกัน ไม่ใช่เเค่ผ่าตัดเสร็จเเล้วก็จบ เเต่คือการดูเเลระยะยาว 20-30 ปี ไปตลอดชีวิต” 

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Pride Clinic คือการมีทีมศัลยแพทย์ในการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และทำการผ่าตัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 ราย รวมถึงมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัด ที่ปัจจุบันในไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก

โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีบริบาลดูแลในช่วงการ ‘พักฟื้นภายหลังผ่าตัด’ อย่างต่อเนื่องที่ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ภายใต้โครงการรักษ ตั้งอยู่ที่บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย ผสมผสานระหว่างการนำเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ (Advanced Medical Science) มาใช้ร่วมกับ ศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม (Holistic Wellness) ที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และจัดโปรแกรมแบบ ‘เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะบุคคล’ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ การปรับสมดุลของร่างกาย ดูแลผิวพรรณ ความงาม น้ำหนักตัว และการชะลอวัยให้ดูดีในแบบฉบับของแต่ละบุคคล

ก่อนจะเกิดวิกฤตโรคระบาดนั้น BH ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งชาวไทยเเละต่างชาติกว่า 1.1 ล้านรายต่อปี คิดเป็นสัดส่วนผู้ป่วยไทยและต่างชาติอย่างละ 50% ขณะที่ ‘สัดส่วนรายได้’ ส่วนใหญ่มาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติถึง 66% ส่วนผู้ป่วยคนไทยอยู่ที่ราว 34% เนื่องจากชาวต่างชาติจะเข้ามาทำการรักษาเคสหนัก เช่น การผ่าตัดหัวใจ รักษาโรคร้ายเเรง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

เมื่อการเเพร่ระบาดยังไม่หมดไปในเร็ววัน บำรุงราษฎร์ จึงปรับกลยุทธ์เพื่อหารายได้ช่องทางใหม่ ขยายธุรกิจใหม่ ขยับหาลูกค้าชาวไทยมากขึ้น พร้อมชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (Expatriate) ที่มีอยู่ราว 2.45 ล้านคน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่มาก โดยมีการจัดเเคมเปญต่างๆ ออกแพ็กเกจโปรโมชัน คอร์สรักษาในราคาพิเศษ ฯลฯ

ก่อนหน้านี้ BH หันมาจับมือกับ ‘คลินิกขนาดเล็ก’ เพื่อขยายเครือข่ายไปต่างจังหวัด ให้เข้าถึง ‘ชุมชน’ มากขึ้น ตามแนวคิด ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ ซึ่งเป็นบริการที่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในยุโรป ‘คุ้นเคยกันดี’ เเต่ในเมืองไทยยังไม่เเพร่หลายมากนัก เเละล่าสุดกับเปิดตัวธุรกิจใหม่อย่าง Pride Clinic ที่มุ่งเจาะกลุ่ม LGBTQ+ ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งในไทยเเละทั่วโลก

“ขณะนี้สัดส่วนการเติบโตคนไข้ชาวไทยและต่างชาติที่อยู่ในไทยดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการรักษาโรคเฉพาะทาง คนไข้ต่างชาติก็มีเข้ามาเป็นเที่ยวบินพิเศษ ต่อไปหากสามารถเปิดประเทศได้ ก็จะทำให้ยอดคนไข้ต่างชาติกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง” ภญ. อาทิรัตน์ระบุ 

 

 

]]>
1339830
ซื้อบ้าน “พฤกษา” ได้ส่วนลดค่าหมอ! กลยุทธ์มัดใจผู้ซื้อยุคใส่ใจ “สุขภาพ” และ “สังคมสูงวัย” https://positioningmag.com/1335443 Fri, 04 Jun 2021 12:53:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1335443 “พฤกษา” ชูกลยุทธ์ใหม่ Tomorrow Reimagined วาง 3 เป้าหมายในการพัฒนา ได้แก่ สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ และความยั่งยืน ทำให้มีสินค้าและบริการใหม่ตอบสนอง ที่เห็นเด่นชัด เช่น “โรงพยาบาลวิมุต” ธุรกิจใหม่ในเครือเดียวกัน สร้างแต้มต่อให้ลูกบ้านพฤกษาได้ “ส่วนลดพิเศษ” ค่ารักษาพยาบาล จูงใจคนเจนวาย-เจนเอ็กซ์

ยุคนี้การขายบ้านไม่ได้ขายแค่ตัวอาคารเท่านั้น แต่แต่ละแบรนด์ต่างพยายามเสริมคุณค่าให้กับบ้านหรือห้องชุดมากขึ้น เพื่อให้สินค้าโดดเด่นในตลาด มีหมัดเด็ดให้ลูกค้าตัดสินใจเลือก โดยกลยุทธ์ของพฤกษาปีนี้จะสร้างนวัตกรรมใหม่มาเสริมทัพ มีโจทย์ตั้งต้นเป็นเมกะเทรนด์ที่บริษัทเล็งเห็น

ปิยะ ประยงค์ Chief Executive Officer บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงที่มาแนวคิดใหม่ในการพัฒนาสินค้าและบริการคือ “พฤกษา ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต Tomorrow Reimagined” แนวคิดนี้มาจากที่พฤกษาเล็งเห็น “เมกะเทรนด์” ของชีวิตและการอยู่อาศัย 3 ด้าน คือ

1.สุขภาพและเวลเนส – คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้นและใส่ใจทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องการเวชศาสตร์เชิงป้องกัน ไม่รอให้เจ็บป่วยก่อน และต้องการข้อมูลที่รวดเร็ว

2.ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลง – ขณะนี้เห็นสองเรื่องใหญ่ๆ หนึ่งคือ “สังคมผู้สูงอายุ” ทำให้การออกแบบบ้านต้องเหมาะสม สองคือ “Work from Home” ทำให้คนต้องการพื้นที่ทำงานหรือเรียนในบ้าน

3.ความยั่งยืน – โลกร้อน ฝุ่นพิษ PM2.5 ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นหลักของคนรุ่นใหม่ ทำให้พฤกษาต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไข

ทีมพฤกษา : (จากซ้าย) สมภพ สันติวัฒนกุล Head of Innovation & Strategy, ปิยะ ประยงค์ ซีอีโอ และ อังคณา ลิขิตจรรยากุล Group Chief Marketing Officer

เมื่อตั้งแนวทางได้แล้ว ทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ จากพฤกษาในหลายแง่มุม ทั้งที่ออกสู่ตลาดแล้วและที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้

 

“พริวิลเลจ” ลูกค้าพฤกษาได้ “ส่วนลด” กับรพ.วิมุต

เรื่องแรกที่น่าจะเป็นที่สนใจในตลาดคือบริการสุขภาพ โดยพฤกษาออกโปรโมชันพิเศษ ลูกบ้านพฤกษาที่โอนบ้านในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ได้รับ “พริวิลเลจ” กับโรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลใหม่ในเครือพฤกษาที่เพิ่งเปิดบริการเมื่อเดือนก่อน โดยพริวิลเลจที่น่าสนใจคือ “ส่วนลด” ค่ายา 10% กับค่าห้องพัก 25% ลดค่าวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์เหลือเข็มละ 500 บาท และยังได้สิทธิ Telemedicine หาหมอทางไกลฟรี 4 ครั้งด้วย (ขณะนี้กำหนดรับสิทธิได้จนถึง 31 ธ.ค. 64)

การจับคู่หมู่บ้าน/คอนโดมิเนียมกับโรงพยาบาลต่างๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยมีการจัดโปรโมชันร่วมกับโรงพยาบาลอยู่บ้าง แต่ที่น่าสนใจคือครั้งนี้พฤกษามีโรงพยาบาลในเครือของตนเอง ทำให้การสร้างฐาน “พริวิลเลจ” กับลูกบ้านจะเป็นแผนระยะยาวมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น บัตรระดับแพลทินัมและบัตรระดับอีลีท ที่ให้ส่วนลดกับรพ.วิมุตมากกว่า กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ (สิทธิเฉพาะบางโครงการ)

นอกจากนี้ พฤกษายังประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะมีการตั้ง Healthcare Avenue หรือศูนย์สุขภาพขนาดเล็กแบบมีเตียงโรงพยาบาลรองรับ เป็นเหมือนศูนย์แยกของรพ.วิมุต เริ่มทำเลแรกบริเวณ Pruksa Avenue สุขาภิบาล 2 ซึ่งมีหมู่บ้านของพฤกษาอยู่หลายโครงการ ศูนย์นี้สามารถดูแลการเจ็บป่วยเบื้องต้น ตรวจสุขภาพ รับดูแลผู้สูงอายุในช่วงกลางวัน ทำกายภาพบำบัดได้ โดยปิยะแย้มว่า Healthcare Avenue จะมีเพิ่มอีก 2 แห่ง ในย่านรังสิต และคอนโดฯ ย่าน ถ.ประดิพัทธ์

ศูนย์ดังกล่าวเปิดให้บริการเป็นการทั่วไป ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกบ้านพฤกษา แต่น่าสนใจว่าต่อไปลูกบ้านพฤกษาอาจได้รับ “พริวิลเลจ” ร่วมกับศูนย์เหมือนกับโรงพยาบาลก็ได้

ภาพเบื้องต้น Health + Commercial Zone จะมีศูนย์สุขภาพวิมุตให้บริการ

“การมีสุขภาพเข้ามาเหมือนเป็นโซลูชัน เรามองว่าน่าจะทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และเราคิดว่าน่าจะโดนใจกลุ่มเจนเอ็กซ์และเจนวายซึ่งเป็นกลุ่มที่ตอนนี้มักจะมีทั้งพ่อแม่และมีลูกๆ ที่ต้องดูแล ทำให้ต้องการโซลูชันสุขภาพเยอะขึ้น” อังคณา ลิขิตจรรยากุล Group Chief Marketing Officer กลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าว (ปัจจุบัน กลุ่ม Gen X คือคนวัย 41-56 ปี และเจนวายคือกลุ่มวัย 25-40 ปี)

 

ไลฟ์สไตล์ “เปลี่ยน” และ “แตกต่าง”

อีกมุมที่น่าสนใจคือเทรนด์ด้านไลฟ์สไตล์คนที่เปลี่ยนเร็วและแตกต่างด้วย โดย “สมภพ สันติวัฒนกุล” Head of Innovation & Strategy บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ฉายภาพว่ายุคนี้คนที่เข้ามาชมบ้านโครงการเดียวกัน อาจมีไลฟ์สไตล์คนละแบบกัน บางคนเป็นคู่ที่ไม่มีลูก บางคนมีลูก บางคนมีพ่อแม่อาศัยอยู่ด้วย ทำเลและแบบบ้านภายนอกอาจถูกใจแล้ว แต่มาต่างกันที่ฟังก์ชันในบ้าน

ทำให้พฤกษาเปิดตัวนวัตกรรม Pruksa Flex เป็นการออกแบบบ้านให้ไม่ต้องใช้กำแพงกั้นห้องช่วยรับน้ำหนัก กำแพงเหล่านี้จึงยกย้ายเปลี่ยนฟังก์ชันห้องได้ โดยลูกค้าสามารถแจ้งกับโครงการตั้งแต่ซื้อบ้านว่าต้องการฟังก์ชันแบบไหน เช่น ต้องการมี 1, 2 หรือ 3 ห้องนอน และกำแพงเหล่านี้สามารถเจาะรูได้ตามปกติ พร้อมฉนวนกันเสียง

สมภพระบุว่า บริการ Pruksa Flex จะเปิดตัวนำร่องปีนี้ก่อน 2 โครงการในทาวน์เฮาส์แบรนด์บ้านพฤกษา ย่านประชาอุทิศกับย่านรังสิต ในแง่ค่าใช้จ่ายจะคิดตามจริง หากปรับเปลี่ยนกำแพงแล้วต้นทุนลดลง พฤกษาจะ ‘มีทอน’ ให้ลูกค้าด้วย

(*กำแพงดังกล่าว หากลูกค้าอยู่อาศัยไประยะหนึ่งแล้วต้องการปรับแก้ สามารถจ้างช่างหรือผู้รับเหมาดูแลออกแบบและยกย้ายได้เลย เพราะไม่มีผลกระทบกับโครงสร้าง)

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่พฤกษามีเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ คือ แพลตฟอร์ม ASKURP (แอสครัป) เป็นตัวกลางระหว่างลูกบ้านพฤกษาที่ต้องการขายบ้านเก่า ซื้อบ้านใหม่ จับคู่เข้ากับกลุ่มนักลงทุนรีโนเวตบ้านเก่าเพื่อขายใหม่ โดยแอสครัปไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใดๆ ทำให้ลูกบ้านอุ่นใจขึ้นว่าถ้าชีวิตมีความเปลี่ยนแปลง ต้องย้ายบ้าน การขายบ้านเก่าจะง่ายขึ้น

ปิดท้ายเรื่องความยั่งยืน ดูแลสิ่งแวดล้อม พฤกษามีหลายๆ ฟังก์ชันและโครงการที่เกี่ยวข้อง เช่น การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดไฟส่วนกลาง ร่วมมือกับโครงการ “วน” รีไซเคิลพลาสติก นโยบายลดใช้กระดาษในองค์กร เป็นต้น

ต้องติดตามต่อว่าภายใต้แนวคิดใหม่จับ “เมกะเทรนด์” ของพฤกษา จะมีการพัฒนานวัตกรรมอะไรออกมาอีกบ้าง!

]]>
1335443
คิกออฟ! “รักษ” ศูนย์เวลเนส จาก 3 บิ๊กเนม “มั่นคง-บำรุงราษฎร์-ไมเนอร์” มูลค่า 2,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1296408 Fri, 11 Sep 2020 03:41:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296408 มั่นคงเคหะการ พัฒนาโครงการ “รักษ” (อ่านว่า รัก-ษะ) ศูนย์เวลเนส รีทรีต 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ดึงพันธมิตรศูนย์ VitalLife รพ.บำรุงราษฎร์ บริหารด้านการแพทย์ และไมเนอร์ดูแลด้านการบริการและอาหาร ราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 60,000 บาท จับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพ-เวลเนสทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ทำให้อัตราเข้าพักช่วงปีแรกน่าจะลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดการณ์ไว้

“วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดบริการโครงการ “รักษ” ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ในเดือนธันวาคม 2563 มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท

ลักษณะโครงการ “รักษ” จะเป็นเวลเนส รีทรีต รีสอร์ต ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันพร้อมกับการพักผ่อน ตั้งอยู่บนที่ดินรวม 200 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ แบ่งเฟสการพัฒนา เฟสแรก 60 ไร่ ภายในประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (ช่วงเปิดตัวมีบริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆ แวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุน

บริเวณโครงการรักษ (RAKxa) บนคุ้งบางกระเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (หมายเหตุ : กรอบรอบพื้นที่ดินไม่ได้ขีดเส้นตามความเป็นจริง เป็นเพียงการคาดคะเนโดยประมาณเท่านั้น)

วรสิทธิ์กล่าวว่า ลักษณะความร่วมมือครั้งนี้ มั่นคงฯ เป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนโครงการ 100% แต่ทำสัญญากับพันธมิตร 2 รายเข้ามาช่วยบริหารโครงการ คือ รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นผู้บริหารด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ระหว่างกันประมาณ 50 : 50 แต่ในกำไรส่วนที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ได้จากบริการทางการแพทย์จะแบ่งคืนให้กับมั่นคงฯ 15% ส่วนสัญญากับ ไมเนอร์ เป็นการจ้างบริหารงานบริการโรงแรมและอาหาร

 

ชูจุดเด่นโปรแกรมที่ออกแบบจาก “พันธุกรรม” รายบุคคล

ภายในพื้นที่โครงการรักษ นอกจากมีการ์เดนวิลล่า พูลวิลล่า และเพรสซินเดนเชียลวิลล่า ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากจิม ทอมป์สันสำหรับเป็นที่พักสำหรับผู้เข้ารับการรักษาแล้ว จะมีศูนย์สุขภาพในด้านต่างๆ จาก รพ.บำรุงราษฎร์ มาตั้งในพื้นที่พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่

  • VitalLife’s Scientific Wellness Clinic : ศูนย์วิเคราะห์สุขภาพด้วยเทคโนโลยีแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพรายบุคคลให้ตรงกับพันธุกรรม ฮอร์โมน และวิถีชีวิตของบุคคลนั้นๆ
  • RAKxa Jai – Holistic Wellness Centre : ศูนย์ผสานศาสตร์การบำบัดหลายแขนง เช่น แพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย ธาราบำบัด อบไอน้ำ ฯลฯ
  • RAKxa Gaya – Medical Gym : ศูนย์ออกกำลังกายเชิงการแพทย์ มีนักกายภาพบำบัดและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อ เส้นประสาท
  • RAKxa Wellness Cuisine : เชฟและนักโภชนาการจาก VitalLife ปรุงอาหารที่เหมาะกับผู้รับการรักษา ใช้อาหารที่ทราบถึงแหล่งที่มาแบบ Farm-to-Table ปลอดสารพิษ และดีต่อสุขภาพ
วิลล่าที่พักในรักษ เวลเนส รีทรีต

จากฟังก์ชันที่มีทั้งหมดในโครงการรักษ “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โครงการนี้จะมีจุดเด่นที่เป็นเวลเนส รีทรีทแบบมี ‘Scientific Base’ ออกแบบโปรแกรมผ่านการวิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์และเจาะลึกถึงระดับพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ค้นหาประวัติโอกาสเป็นโรคใดบ้าง เช่น มะเร็ง เบาหวาน

ประกอบกับศูนย์ VitalLife ของ รพ.บำรุงราษฎร์เปิดมานานย่างเข้าปีที่ 20 และเป็นศูนย์เวชศาสตร์เชิงป้องกันแห่งแรกของเอเชีย ทำให้สร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับสากล

ด้าน “วิลเลียม อี. ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทรับบริหารโรงแรมมากกว่า 500 แห่งอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก โดยที่โครงการรักษคือแห่งแรกที่บริษัทรับบริหารในลักษณะเวลเนส รีทรีต เชื่อว่าฐานลูกค้าที่ไมเนอร์มีอยู่ทั้งหมดจะสานต่อให้เข้ามาใช้บริการที่นี่ได้

สำหรับค่าใช้จ่ายแพ็กเกจ “ดุษฎี ตันเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บมจ.มั่นคงเคะหะการ กล่าวว่า ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท เป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืน ส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไร เช่น โปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร โปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกัน โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก โปรแกรมผ่อนคลายความเครียด ราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืน

ตารางโปรแกรมในโครงการรักษ

ทั้งหมดหลังจากจบคอร์สแล้วแพทย์จะมีการติดตามต่อเนื่องหลังลูกค้ากลับออกจากรีทรีต และภายในโครงการจะไม่มีการเปิดให้พักผ่อนทั่วไป แขกที่เข้าพักจะต้องสมัครแพ็กเกจโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง

นอกจากแพ็กเกจรายครั้งแล้ว รักษจะมีระบบสมาชิกรายปีด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวไทยซึ่งสามารถแวะมาได้บ่อยครั้งกว่า ราคาสมาชิกเริ่มต้น 500,000 บาทต่อคนต่อปี

 

ตั้งเป้ากลุ่มต่างชาติ แต่ปีแรกยังติดปัญหา COVID-19

วรสิทธิ์กล่าวว่า โครงการนี้เดิมตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างชาติจากทั่วโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้ายังบินเข้ามาไม่ได้ ทำให้ปีแรกที่จะเปิดบริการเต็มปีคือปี 2564 น่าจะมีอัตราเข้าพักเพียง 30% ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ว่าปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60%

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระยะยาวเวลเนสจะยังได้รับความนิยม ในปี 2565 อัตราเข้าพักคาดว่าจะขึ้นมาเป็น 50% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่รับมือ COVID-19 ได้ดีในช่วงนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับโครงการในภายหลัง เพราะทำให้ต่างชาติเชื่อถือในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

วรสิทธิ์มองว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในผลประกอบการบริษัท โดยหวังว่าจะทำกำไรคิดเป็นสัดส่วน 15% ในกำไรรวมของบริษัทประจำปี 2564 ส่วนอีก 85% ที่เหลือนั้น 35% มาจากค่าเช่าคลังสินค้าและสนามกอล์ฟ ส่วนอีก 50% มาจากรายได้การขายที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นธุรกิจหลักของมั่นคงฯ มาตั้งแต่ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร

(จากซ้าย) “วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน), “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ และ “วิลเลียม ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

 

ธุรกิจเวลเนสเติบโต “ดับเบิลดิจิต”

ราคาที่แม้จะสูงขนาดนี้ แต่มีลูกค้ารอรับบริการอยู่ทั่วโลก และประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง โดยการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น ภญ.อาทิรัตน์กล่าวว่าอุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโตดับเบิลดิจิตต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสที่มีสูงมาก

หากมองคู่แข่งเฉพาะในไทย ดุษฎีมองว่าโครงการรักษจะใช้จุดเด่นเรื่องการมีแพทย์แผนปัจจุบัน มีวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยเป็นแกน โดยมีศูนย์ของโรงพยาบาลและแพทย์ผู้รักษาประจำในโครงการ จะต่างจากโครงการเวลเนส รีทรีตอื่นๆ ที่เคยมีมาซึ่งมักจะใช้การบำบัดแบบแพทย์ทางเลือกเป็นหลัก หรือเป็นเวลเนสเพื่อฟื้นฟูในเชิงจิตใจมากกว่าร่างกาย และไม่ได้มีแพทย์ประจำ

ดังนั้น เชื่อว่าโครงการรักษจะขึ้นแท่นเป็นจุดหมายระดับ World Class ของนักท่องเที่ยวที่สนใจสุขภาพ และเป็นธุรกิจ “ไข่ทองคำ” เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มักจะกลับมาบำบัดในสถานที่เดิมอย่างต่อเนื่องด้วย

]]>
1296408
แอปเปิล เตรียมบุก “ธุรกิจสุขภาพ” เตรียมเปิด “AC Wellness” 2 แห่งภายในปีนี้ https://positioningmag.com/1159326 Wed, 28 Feb 2018 04:47:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1159326 แอปเปิล (Apple) ประกาศเปิดตัวบริการคลินิคสุขภาพของตัวเองแล้วในชื่อ เอซี เวลล์เนส (AC Wellness) โดยมีการวิเคราะห์กันว่า เป็นการเดินตามรอยของแอมะซอน (Amazon) ที่ตัดสินใจรุกธุรกิจสุขภาพเพื่อบริการพนักงานของตัวเองไปเมื่อก่อนหน้านี้

โดยความร่วมมือของแอมะซอนนั้นเกิดขึ้นจากการจับมือกับเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) และเจพี มอร์แกน (JP Morgan) ขณะที่ AC Wellness ตั้งขึ้นเพื่อรองรับพนักงานและครอบครัวของชาวแอปเปิล โดยบริษัทมีแผนจะเปิดเฮลท์แคร์เซนเตอร์สองแห่งในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ที่ซานตาคลาราเคาท์ตี้ แคลิฟอร์เนีย ใกล้ ๆ กับคูเปอร์ติโน ที่ตั้งของแอปเปิลพาร์ค (Apple Park) และสำนักงานใหญ่อย่าง Infinite Loop 

โดยในตอนนี้ ทางแอปเปิลได้มีการประกาศรับสมัครแพทย์ นางพยาบาล นักกายภาพบำบัด และอีกหลายตำแหน่ง ผ่านทางเว็บไซต์ acwellness.com ที่เปิดขึ้นมาแบบเงียบ ๆ แต่จุดที่น่าสังเกตคือตำแหน่งแพทย์นั้น ได้มีการเน้นย้ำว่าต้องเคยผ่านประสบการณ์ในการป้องกันโรคแห่งอนาคต (แอปเปิลใช้คำว่า Preventing Future Disease) และมีความกระตือรือร้นที่จะนำเสนอแนวทางในการรักษาใหม่ ๆ โดยใช้เทคโนโลยี นอกจากนี้ ตำแหน่งงานที่ AC Wellness ประกาศรับสมัครนั้น ก็ได้ไปปรากฏอยู่บนเว็บไซต์หางานอย่าง Glassdoor และ Indeed.com แล้วด้วย

รายงานจาก CNBC ยังเผยด้วยว่า มีอดีตทีมงานจากสแตนฟอร์ด เฮลท์ แคร์ (Standford Health Care) ได้เข้ามาทำงานที่ AC Wellness แล้วอย่างน้อยห้าเดือน

นอกจากนั้น แอปเปิลยังเปิดรับสมัครดีไซน์เนอร์ เพื่อรับหน้าที่ออกแบบโปรแกรมสำหรับพนักงานเพื่อโปรโมตวิถีแห่งการมีสุขภาพดี และปลอดจากโรคด้วย โดยดีไซน์เนอร์จะต้องทำงานร่วมกับทีมเทคโนโลยี และทีมจากฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท

แหล่งข่าวจาก CNBC เผยด้วยว่า คลินิคสุขภาพแห่งนี้อาจใช้เป็นที่ทดสอบบริการด้านสุขภาพ และโปรดักซ์ใหม่ๆ ที่อาจพัฒนาออกมาวางขายในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน แอปเปิลเองก็มีการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เพื่อหาทางให้แอปเปิลวอทช์ (Apple Watch) สามารถตรวจจับการเต้นที่ผิดปกติของหัวใจอยู่

ทั้งนี้ บนเว็บไซต์ของแอปเปิลได้อธิบายถึงธุรกิจของ AC Wellness ว่าเป็นบริษัทในเครือของแอปเปิล 

โดยปัจจุบัน แอปเปิลมีพนักงานมากกว่า 120,000 คน และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพก็เป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สูงมากสำหรับองค์กร ซึ่งไม่เฉพาะแอปเปิล แต่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพปีหนึ่ง ๆ สูงถึง 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (2016) หรือคิดเป็น 18 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี (อ้างอิงจาก the US Centers for Medicare and Medicaid Services)

แม้ว่าบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลจะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษี แต่ต้นทุนดังกล่าวก็เริ่มสูงมากขึ้นจนกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทไปตาม ๆ กัน นี่จึงอาจเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสของบริษัทยักษ์ใหญ่ก็เป็นได้.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000020295

]]>
1159326