ยอดขายรถยนต์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Dec 2023 10:59:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สรุปยอดจองรถยนต์ 10 อันดับแรก ในงาน “Motor Expo 2023” https://positioningmag.com/1455382 Tue, 12 Dec 2023 10:58:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455382
  • งาน Motor Expo 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566
  • ยอดจองซื้อรถยนต์รวมในงาน 53,248 คัน เติบโต 45.17% จากงานปีก่อนหน้า และมียอดจองรถจักรยานยนต์อีก 7,373 คัน รวมมูลค่าเม็ดเงินหมุนเวียนในงานกว่า 72,000 ล้านบาท
  • การเติบโตสำคัญมาจากความสนใจของผู้บริโภคต่อ “รถยนต์ไฟฟ้า” โดยเฉพาะค่ายรถจากจีนที่ติดอันดับ Top 10 ไปถึง 4 อันดับ
  • จากยอดจองภายในงาน พบว่าราคาเฉลี่ยของรถยนต์ที่ผู้บริโภคซื้ออยู่ที่ 1.32 ล้านบาท และราคาเฉลี่ยรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 1.98 แสนบาท
(ข้อมูลจาก Motor Expo)
]]>
1455382
พิษเศรษฐกิจ ฉุดกำลังซื้อ เเนวโน้ม ‘ยอดขายรถยนต์’ ปี 64 ซบเซาต่อเนื่อง เหลือ 7.35 แสนคัน https://positioningmag.com/1345601 Fri, 06 Aug 2021 07:19:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345601 ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ยังหดตัวต่อเนื่องจากพิษโรคระบาด คาดยอดขายตลอดปีนี้ ลดลงจากปีก่อน 7.1% เหลือ 7.35 แสนคัน กำลังซื้อของผู้บริโภคเปราะบางรถยนต์ส่วนบุคคลกระทบหนักสุด ลุ้นปี 65 กระจายวัคซีนทั่วถึง เศรษฐกิจดีขึ้นอาจกลับมาขายได้ 8.6 แสนคัน

ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ที่ลากยาวเเละรุนเเรงกว่าที่คาดทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมรวมกว่าเเล้ว 6.64 แสนคน (ข้อมูล ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2564) ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศให้ชะลอตัวลง รวมไปถึงกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงเรื่อยๆ

เเม้ว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศ ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จะทำยอดขายได้กว่า 373,191 คัน เเละขยายตัว 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นที่มาจากฐานที่ต่ำในปี 2563 ที่หดตัวลงถึง 37.3% เป็นผลมาจากกำลังซื้อที่หายไปจากการล็อกดาวน์ติดต่อกัน 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน 2563) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในระลอกแรก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินยอดขายรถยนต์ในไทยจะอยู่ที่ 7.35 แสนคันในปี 2564 ลดลง 7.1% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยฉุดรั้งต่างๆ เช่น การระบาดของโควิด-19 และกำลังซื้อที่เปราะบางแม้จะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวการส่งออกและราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นมาช่วยก็ตาม

โดยยอดขายจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 3’ อันเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์และกำลังซื้อในประเทศที่เปราะบาง

จากนั้นคาดว่าในไตรมาสที่ 4’ ยอดขายจะเริ่มทยอยฟื้น จากอานิสงส์จากการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมกว่า 70% ของประชากรรวมในประเทศ หากเป็นไปตามแผนของภาครัฐ ผนวกกับได้แรงพยุงจากการส่งออกที่ฟื้นตัว และรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้นจากราคาและผลผลิตที่ดีขึ้น

ยอดขาย ‘รถยนต์นั่งส่วนบุคคล’ ลดฮวบ

เมื่อเเบ่งเป็นประเภทรถยนต์ จะพบว่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้รับผลกระทบหนักกว่ารถยนต์เชิงพาณิชย์คาดว่าปีนี้ ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะหดตัว 11.1% ขณะที่รถยนต์เชิงพาณิชย์จะหดตัว 4.1% 

สาเหตุหลักๆ มาจากโรคระบาดจะบั่นทอนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นให้ลดลง โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งมีความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสูงกว่ารถยนต์เชิงพาณิชย์

จากสถิติกรมขนส่งทางบก ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ป้ายแดงขยายตัว 4.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่หดตัว 24.1% โดยพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังหดตัวต่อเนื่องที่ 1.9%

ขณะที่พื้นที่เศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคธุรกิจการส่งออกและภาคเกษตร ได้แก่ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ เริ่มกลับมาขยายตัวได้ 12.2% 12.1% และ 11.8% ตามลำดับ

หากการแพร่ระบาดบรรเทาลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ พื้นที่เศรษฐกิจที่พึ่งพิงภาคธุรกิจการส่งออกและภาคเกษตร คาดว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่า ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวผู้บริโภคส่วนใหญ่ มีความต้องการรถยนต์เชิงพาณิชย์มากกว่า ทำให้ยอดขายจะกลับมาฟื้นได้ก่อนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

ปัจจัยเสี่ยง-ปัยจัยหนุน ตลาดรถยนต์ในไทย มีอะไรบ้าง ?

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามในตลาดรถยนต์ในไทย หลักๆ มาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหากไม่คลี่คลายภายในไตรมาส 3 จะส่งผลต่อให้ยอดขายลดลงได้อีก

ตามมาด้วยกำลังซื้อที่เปราะบางและความเชื่อมั่นด้านสถานะการเงินของผู้บริโภค นอกจาดนี้ยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เเละหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 93% ต่อจีดีพี

อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตามอง ก็คือปัญหาชิปขาดแคลนที่ส่งผลต่อการผลิตรถยนต์ ซึ่งคาดกว่าจะเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 ตามอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกที่ครอบคลุมประชากรมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตชิปทั่วโลกกลับมาผลิตได้ปกติอีกครั้ง ประกอบกับความต้องการชิปสำหรับอุปกรณ์การทำงานที่บ้าน (Work from home) ทั้งคอมพิวเตอร์ ระบบคลาวด์ลดลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีชิปสำหรับผลิตรถยนต์ได้เพียงพอ

ด้านปัจจัยบวกขั้นพื้นฐานที่ยังสนับสนุนเป็นแรงส่งให้ยอดขายรถยนต์กลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี ได้แก่
การส่งออกฟื้นตัว รายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น การทำโปรโมชันส่งเสริมการขายจากดีลเลอร์ เเละดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ

Photo : Shutterstock

ส่วนประเด็น ‘อายุรถยนต์’ เฉลี่ยบนท้องถนนที่มากขึ้น (รถยนต์นั่งส่วนบุคคลอายุเฉลี่ย 9.7 ปี รถยนต์เชิงพาณิชย์อายุเฉลี่ย 12.3 ปี) ก็ทำให้เกิดความต้องการเปลี่ยนรถใหม่ รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ของรถยนต์ที่จูงใจผู้ซื้อด้วย

โดยปัจจัยเหล่านี้จะช่วยประคองให้ยอดขายรถยนต์ฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2564 เป็นต้นไป

ttb analytics เสนอเเนะว่า ภาครัฐและภาคเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ควรเตรียมพร้อมด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้แรงงาน และร่วมมือกันควบคุมการแพร่ระบาดด้วยการทำ ‘Bubble and Seal’ อย่างเป็นระบบ เพื่อรักษาซัพพลายเชนการผลิตไม่ให้หยุดชะงัก ซึ่งหากสามารถจัดการได้ ผนวกกับปัจจัยบวกพื้นฐานของกำลังซื้อรถยนต์ในประเทศ

ถ้าทำได้ คาดว่ามีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์จะสามารถกลับเข้าสู่ระดับปกติ 8.6 แสนคันได้ในปี 2565”

 

]]>
1345601
10 ปีที่รอคอย! Tesla ส่งมอบรถยนต์แตะ 5 แสนคันต่อปี สำเร็จตามเป้าหมาย https://positioningmag.com/1312886 Tue, 05 Jan 2021 05:22:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312886 Tesla ปิดปี 2020 ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์และการผลิตแตะ 5 แสนคันต่อปี เป็นครั้งแรกที่ทำสำเร็จจากที่ “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัท เคยวางเป้าไว้เมื่อปี 2010 เตรียมเร่งเครื่องการผลิตต่อหลังก่อตั้งโรงงานในเบอร์ลินและรัฐเท็กซัสเรียบร้อย

ไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla รายงานว่า บริษัทมีการส่งมอบรถยนต์ทั้งหมด 180,570 คัน เพิ่มขึ้น 61% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และทำให้ตลอดทั้งปีบริษัทมีการส่งมอบรถยนต์ 499,550 คัน มีการผลิตรวมทั้งปี 509,737 คัน

ทำให้ปี 2020 เป็นปีแรกที่ Tesla ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทวางเป้าไว้ในปี 2010 ปีที่บริษัทเข้าซื้อโรงงานประกอบรถยนต์เมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย มาจาก Toyota

“ภูมิใจกับทีมงาน Tesla ที่ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ได้! จากวันที่เริ่มบริษัท Tesla ผมเคยคิดว่าเรามีโอกาส (อย่างดีที่สุด) เพียง 10% เท่านั้นที่จะรอด” มัสก์ทวีตผ่านบัญชี Twitter ของเขาเมื่อวันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2020

โรงงานใหม่ของ Tesla ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เริ่มเดินเครื่องผลิตรถยนต์ซีดาน Model 3 เมื่อเดือนมกราคม 2020 ต่อมาผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ทำให้โรงงานทั้งสองแห่งในจีนและในสหรัฐฯ ผลิตได้ช้ากว่าที่ควรตั้งแต่ช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม Tesla ไม่ได้เปิดเผยว่าจำนวนการผลิตในปี 2020 แบ่งเป็นการผลิตในจีนกับในสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนเท่าใด

ในช่วงโค้งท้ายปี 2020 มัสก์พยายามจะดันยอดขายให้ถึงเป้า ด้วยการออกโปรโมชัน 3 วันสุดท้ายก่อนสิ้นปี ลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์ Tesla จะได้โปรแกรมระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไปทดลองใช้ฟรี 3 เดือน (ปกติบริษัทคิดเงินเพิ่ม 10,000 เหรียญสหรัฐ เมื่อลูกค้าซื้อรถและต้องการฟีเจอร์นี้) ทางบริษัทไม่ได้ระบุว่ามีลูกค้ารับข้อเสนอนี้เท่าไหร่

Tesla Model Y

สำหรับภาคการผลิตของ Tesla จะขยายตัวอย่างชัดเจนในช่วง 2-3 ปีนี้ หลังจากปีก่อนเปิดโรงงานใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ตามด้วยการเปิดโรงงานที่เบอร์ลิน แห่งแรกในทวีปยุโรป รวมถึงโรงงานในออสติน รัฐเท็กซัส ก็เริ่มก่อสร้างแล้ว

ด้านยอดขายในประเทศจีนของปี 2021 ก็น่าจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้น เพราะบริษัทวางเป้าจะเริ่มส่งมอบรถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์ Model Y ในจีนปีนี้โดยเป็นรถที่ผลิตที่เซี่ยงไฮ้ ทำให้ปรับราคาลงมาได้ 30% จากเดิมที่ต้องพรีออเดอร์เพื่อนำเข้า

“อุตสาหกรรมรถยนต์ EV มีแรงส่งมหาศาลสู่ปี 2021 ซึ่งจะให้ประโยชน์แก่ผู้ขายทุกราย โดยมี Tesla อยู่ในตำแหน่งแถวหน้า พร้อมที่จะส่งตนเองขึ้นไปสู่ฐานะผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าผ่านการขายในตลาดจีน” แดเนียล ไอฟส์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ Wedbush Securities กล่าวในบทวิจัย

ขณะนี้ Tesla ยังไม่ออกแถลงผลประกอบการไตรมาส 4/20 แต่ราคาหุ้นของ Tesla นำหน้าไปก่อนแล้ว โดยราคาหุ้นเติบโตถึง 700% ภายในปี 2020 ปีเดียว ปิดราคาที่ 705.67 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2020

Source

]]>
1312886
ธุรกิจ “ดีลเลอร์รถยนต์” เหนื่อยหนัก กรุงไทยคาดรายได้ปีนี้หดตัว 25% ยอดขายทั้งปี 6.2 แสนคัน https://positioningmag.com/1293114 Tue, 18 Aug 2020 10:26:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1293114 ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย คาด COVID-19 ฉุดรายได้ “ดีลเลอร์รถยนต์” หดตัว ถึง 25% คาดยอดขายทั้งปี 6.2 แสนคัน หดตัว 38.2% ต้องใช้เวลาฟื้นตัวไม่ต่ำกว่า 2 ปี ประเมินผู้ประกอบการ 1 ใน 3 มีโอกาสเผชิญหน้ากับภาวะกำไรติดลบ แนะปรับรูปแบบการขายเเละบริการสู่ระบบดิจิทัล

ตลาดรถยนต์ไทยอ่วม ดีลเลอร์กำไรหด

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ของไทยในปี 2563 ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวรุนแรง (Deep Recession) ที่ 9.1% และฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างมาก

โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศในครึ่งแรกของปี 2563 อยู่ที่เพียง 330,000 คัน หดตัว 37.5% ประเมินว่ายอดขายทั้งปี จะอยู่ที่ 620,000 คัน หรือหดตัวถึง 38.2% ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์มือหนึ่ง (ดีลเลอร์) ที่พึ่งพารายได้ส่วนใหญ่เกือบ 85% มาจากการขายรถยนต์

สำหรับรายได้ของธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ ในภาพรวมปี 2563 มีแนวโน้มลดลง 25% เทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของดีลเลอร์ไม่สามารถปรับลงได้เท่ากับรายได้ที่หายไป ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ของผู้ประกอบการมีแนวโน้มแย่ลงจากกำไรที่ 1-1.2% ในช่วงปี 2560-2562 เป็นติดลบ 4.8% ในปี 2563

“คาดว่าสัดส่วนของผู้ประกอบการที่มีกำไรสุทธิติดลบจะเพิ่มขึ้นจาก 24% ในปีที่ผ่านมา เป็น 36% ในปีนี้ โดยกว่าสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศจะกลับมาอยู่ในช่วงก่อนวิกฤติ COVID-19 หรือที่ประมาณ 1 ล้านคัน จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี”

Photo : Shutterstock

ลูกค้าไปโชว์รูมลดลง เเนะทำการตลาดเชิงรุก

ด้านดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจแบบดั้งเดิม (Brick and Mortar) กำลังเผชิญกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

“ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเข้าไปยังโชว์รูมน้อยลง การปิดการขายจึงยากขึ้นกว่าเดิม ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์เป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการควรรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง”

โดยเเนะนำให้ธุรกิจดีลเลอร์ ทำการตลาดเชิงรุกเพื่อรองรับกับ Pent Up Demand ที่อาจกลับมาหลังการแพร่ระบาดคลี่คลาย รวมทั้งนำกลยุทธ์ของดีลเลอร์ในต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะการยกระดับการขายและบริการเข้าสู่ระบบดิจิทัล (Digitalize) ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในระยะยาว

“กลยุทธ์ที่ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ควรทำทันที คือ การรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าเดิมตลอดช่วงของการล็อกดาวน์ และการทำตลาดเชิงรุกในการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ในช่วงหลังคลายล็อกดาวน์”

ส่วนในระยะยาวนั้น แนะนำให้ผู้ประกอบการปรับแนวทางการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะการนำขั้นตอนการขายและบริการเข้าสู่ระบบดิจิทัล เช่น การแสดง หรือรีวิวรถยนต์ในช่องทางออนไลน์ที่มีความคมชัดสูง การนัดทดลองขับ (Test-drive) ณ ที่พักอาศัยของผู้บริโภคผ่าน Application ไปจนถึงการเพิ่มช่องทางการขายแบบ Omni-channel

โดยกลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดในยุค New Normal เห็นได้ชัดจากยอดขายของบริษัทที่ใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลักอย่าง Tesla ที่ติดลบเพียง 5% ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เทียบกับค่ายรถยนต์อื่นๆ ในสหรัฐฯ อย่าง Ford และ GM ที่ลดลงมากกว่า 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

 

]]>
1293114
ยอดขายรถใหม่ใน UK ลดฮวบ 97% เหลือเเค่ 4 พันคัน ต่ำสุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 https://positioningmag.com/1277006 Wed, 06 May 2020 10:03:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1277006 ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่ตกต่ำต่อเนื่องมาหลายปี ต้องทรุดหนักลงไปอีกเมื่อเจอพิษ COVID-19 โรงงานเเละตัวเเทนจำหน่ายรถยนต์หลายเเห่งทั่วสหราชอาณาจักร (UK) ต้องหยุดกิจการ ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายช่วงมาตรการล็อกดาวน์ ฉุดยอดขายรถคันใหม่ในเดือนเม.ย. ลดฮวบกว่า 97% เหลือเเค่ 4 พันกว่าคัน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

สมาคมผู้ค้าและผู้ผลิตยานยนต์ของสหราชอาณาจักร (SMMT) เปิดเผยว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์คันใหม่ทุกประเภทในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 4,321 คัน ลดลงกว่า 97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ราว 1.61 แสนคัน เช่นเดียวกับยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ลดลงทั่วยุโรป อย่างอิตาลีลดลง 97.5% เเละฝรั่งเศสลดลง 88.8%

ถือว่าเป็นยอดขายที่ต่ำที่สุดในยุคปัจจุบัน นับตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 1946 ไม่กี่เดือนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมียอดขายรถคันใหม่ในสหราชอาณาจักร อยู่ที่ 4,044 คัน เนื่องจากตอนนั้นรัฐบาลต้องออกนโยบายจำกัดการซื้อ เพราะอยู่ในช่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังผ่านสงคราม

ตั้งเเต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของสหราชอาณาจักรลดลงกว่า 43% บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง BMW, Honda , Nissan และ Toyota ได้สั่งระงับการผลิตรถยนต์ในอังกฤษชั่วคราว ส่งผลกระทบคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 พันล้านปอนด์ (ราว 3.2 แสนล้านบาท)

ส่วนรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในเดือน เม.ย. เป็นของ Tesla รุ่น Model 3 ที่ทำยอดขายได้ 658 คัน เเซงเเบรนด์เดิมที่ครองตลาดในอังกฤษอย่าง Ford, Volkswagen เเละ Vauxhal

จากปัจจัยลบต่างๆ ทำให้ SMMT ต้องปรับลดคาดการณ์ยอดขายรถทั้งปีนี้ให้เหลือเเค่ 1.68 ล้านคัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี จากตัวเลขเดิมที่เคยคาดไว้ช่วงเดือน ม.ค.ที่ 2.25 ล้านคัน โดยเรียกร้องให้มีการปลดล็อกภาคการผลิตและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ขณะที่สถานการณ์การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ในอังกฤษยังน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดมียอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ราว 2.9 หมื่นคน มียอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ราว 1.94 เเสนคน

เจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เเห่งหนึ่งในอังกฤษ บอกกับ BBC ว่า บางโรงงานจะเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ เเต่การจะกลับมาเดินเครื่องผลิตเเบบเต็มรูปเเบบนั้นคงต้องรอกันอีกนาน

วิกฤต COVID-19 เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ที่ต้องดิ้นรนกับยอดขายที่ลดลงต่อเนื่อง ความต้องการรถยนต์ดีเซลที่ลดลง ขณะเดียวกันก็ต้องดิ้นรนปรับตัวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดปล่อยมลพิษด้วย

ที่มา : Reuters , BBC, marketwatch

 

]]>
1277006
ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่! Audi จ่อลดพนักงาน 9,500 คน หลังอุตฯ ยานยนต์ตกต่ำ https://positioningmag.com/1255125 Wed, 27 Nov 2019 15:57:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255125 หลังบริษัทรถยนต์ค่ายใหญ่ทั้งหลายทยอยปลดพนักงานกันถ้วนหน้า ล่าสุด “Audi” ค่ายรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมัน ภายใต้ชายคาของ Volkswagen ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลดตำเเหน่งพนักงานถึง 9,500 คน ภายในปี 2025 ซึ่งคิดเป็นกว่า 10% พนักงานทั่วโลก โดยจะทำให้ประหยัดงบไปถึง 6 พันล้านยูโร ( เกือบ2เเสนล้านบาท) เพื่อนำไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเเละโครงการแห่งอนาคตเป็นหลัก

Audi ระบุว่า เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปจึงต้องมีการปรับลดพนักงานในส่วนที่ไม่จำเป็น โดยจะเพิ่มการจ้างงานในส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2,000 อัตรา เพื่อทำให้องค์กรคล่องตัวขึ้น ตามเป้าหมาย “become lean and fit for the future” อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าการลดจำนวนพนักงานครั้งนี้จะไม่มีการปลดออกกะทันหัน แต่จะเกิดขึ้นตามการหมุนเวียนของพนักงาน โดยจะมีทั้งการลาออกและการเกษียณก่อนกำหนด

เมื่อประหยัดงบได้กว่า 6 พันล้านยูโรเเล้ว การลงทุนในโครงการแห่งอนาคตที่จะให้ความสำคัญในอีก 10 ปีต่อจากนี้ก็คือ เทคโนโลยีดิจิทัลและรถยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบัน Audi มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น e-Tron ซึ่งใช้พนักงานในการประกอบน้อยกว่ารถยนต์พลังงานปกติที่มีหลายชิ้นส่วนมากกว่า

นอกจากนี้ยังจะไปลงทุนกับการปรับปรุงโรงงานที่เมือง Neckarsulm และ Ingolstadt ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่เพื่อผลิตรถยนต์รวมกัน 675,000 คันต่อปี

Volkswagen ยังเป็นเจ้าของแบรนด์รถยนต์หรูชื่อดัง เช่น Porsche, Bugatti, Skoda และ Lamborghini โดยได้ลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนารถแบบไฮบริดที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ เเละมีแผนจะเปิดตัวโมเดลใหม่ 70 แบบภายในปี 2028

ค่ายรถยนต์ทั่วโลกต่างพยายามปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังชะลอตัว รวมไปถึงในจีนเเละยุโรป ซึ่งมีการกดดันจากนโยบายควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงต้องมีการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะถูกนำมาใช้เเทนรถยนต์เเบบเดิมที่ใช้น้ำมันเบนซินเเละดีเซล

เเต่การเปลี่ยนเเปลงนี้ ต้องใช้ทุนจำนวนมหาศาล ค่ายรถยนต์จำเป็นต้องหาพันธมิตร โดยเมื่อเดือนที่แล้ว Fiat Chrysler ได้ประกาศควบรวมกิจการกับ Groupe PSA ซึ่งมีรถเเบรนด์ดังอย่าง Peugeot อีกทั้ง BMW และ Daimler ก็ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับ รวมไปถึง Honda และ General Motors (GM) ก็ร่วมมือพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเช่นเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางยอดขายรถยนต์ตกต่ำ เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังชะลอตัวลงเเละมีเเนวโน้มจะเลวร้ายลงอีก โดย Fitch Ratings ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะลดลงราว 3.1 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำกว่าปี 2008 ที่ตอนนั้นโลกเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน

 

ที่มา : CNN , theguardian

]]>
1255125
ส่องยอดขายรถยนต์ช่วง 10 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 0.7% “โตโยต้า” ยังครองแชมป์ https://positioningmag.com/1254592 Sat, 23 Nov 2019 19:38:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254592 ตลาดรถยนต์ในช่วง 10 เดือนแรก มีปริมาณการขาย 838,968 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 3.7% โดยมีปัจจัยหลักมาจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่ที่แนะนำเข้าสู่ตลาด ส่วนตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลง 1.3% สืบเนื่องจากกำลังซื้อที่ลดลงและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น

ยอดเดือนตุลาคมลดฮวบ

อย่างไรก็ตามตลาดรถยนต์เดือนตุลาคม มีปริมาณการขาย 77,121 คัน ลดลง 11.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งลดลง 7.6% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 13.5% เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจ

แต่อย่างไรก็ตามค่ายรถยนต์ต่างๆ ยังคงทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และเตรียมการเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี รวมถึงในช่วงงาน “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 36” ส่งผลให้แนวโน้มของตลาดรถยนต์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมยังเป็นที่น่าจับตามอง

]]>
1254592
9 เดือนผ่านไป ตลาดรวมรถยนต์ไทยโต 2% โตโยต้ายังครองแชมป์ https://positioningmag.com/1250725 Wed, 23 Oct 2019 18:36:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1250725 ภาพ : toyota

โตโยต้า เผยตัวเลขยอดขายตลาดรวมในเมืองไทยประจำปี 2562 หลังผ่านไปแล้ว 9 เดือน มียอดสะสมรวมทั้งสิ้น 761,847 คัน เพิ่มขึ้น 2% ปัจจัยหลักมาจากการกระตุ้นด้วยรถรุ่นใหม่และข้อเสนอพิเศษต่างๆ จากช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่สถานการณ์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายยังต้องจับตามอง

โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 0.2% โดยปัจจัยหลักมาจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่ที่แนะนำเข้าสู่ตลาด และการนำเสนอข้อเสนอพิเศษต่างๆ จากค่ายรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก

ตลาดรถยนต์รวม

อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน มีปริมาณการขาย 76,195 คัน ลดลง 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งลดลง 2.4% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ลดลง 21.4% สืบเนื่องจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ แต่อย่างไรก็ตามค่ายรถยนต์ต่างๆ ยังคงทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่และนำเสนอข้อเสนอพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มของตลาดรถยนต์ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงปลายปียังเป็นที่น่าจับตามอง.

ที่มา : บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
หน่วย : คัน

ตลาดรถยนต์นั่ง
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
]]>
1250725
“BMW” ประเทศไทย ทุบสถิติโต 20% สูงที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน https://positioningmag.com/1216528 Tue, 26 Feb 2019 11:57:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1216528 ภาพรวม “ตลาดรถยนต์หรู” ในเมืองไทย สร้างรอยยิ้มให้กับทุกค่ายเป็นอย่างมาก สามารถทำยอดขายเติบโต 13% หรือคิดเป็นตัวเลข 31,000 คัน

แต่ค่ายที่ดูจะมีรอยยิ้มมากกว่าค่ายอื่นหน่อยก็คงเป็น “BMW Group ประเทศไทย ทำยอดขายรถยนต์ BMW ได้เป็นสถิติใหม่ที่ 12,036 คัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และยังนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายของ BMW ทั่วโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน

ขณะที่ MINI มียอดการส่งมอบรถตลอดปีสูงเป็นสถิติใหม่เช่นกัน มียอดขาย 1,051 คัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า และ BMW Motorrad มียอดขาย 2,154 คัน เติบโต 8%

ไม่ใช่แค่นั้นในระดับโลก BMW Group ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำระดับโลกในตลาดรถยนต์หรูไว้ได้อย่างต่อเนื่อง มียอดส่งมอบรถยนต์ BMW, MINI และ Rolls-Royce รวมกว่า 2,490,664 คัน

โดยยอดการส่งมอบรถยนต์ของทั้งสามแบรนด์ในเดือนมกราคม 2018 รวม 170,463 คัน ถือเป็นการเปิดฉากศักราชใหม่ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BMW Group

มร. คริสเตียน วิดมานน์ (ที่ 2 จากซ้าย)

คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน BMW Group ประเทศไทย กล่าวว่า

ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างดี ภาพรวมทั้งกระดานเลยดูดีกันหมด เมื่อมองในส่วนของ BMW Group ก็ได้รับการตอบรับที่ดีในทุกรุ่น โดยเฉพาะ BMW ซีรีส์ 5 ที่ถือเป็นดาวเด่น และ MINI Countryman

โรงงานเตรียมเดินเครื่องประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง

คริสเตียนกล่าวอีกว่า จุดยืนของ BMW Group ทั้งบนเวทีโลกและในประเทศไทยคือการขับเคลื่อนโลกยานยนต์ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า หนึ่งองค์ประกอบที่ยืนยันถึงความสำเร็จ คือ ยอดการส่งมอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และพลังงานไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นกว่า 38.4% ทั่วโลก

ขณะที่ยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเราในประเทศไทยก็พุ่งสูงขึ้นถึง 122% ในปีที่ผ่านมา ภายในปี 2025 BMW Group เตรียมออกรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ากว่า 25 รุ่น โดยจะออกมากขึ้นตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป ในจำนวนนี้ 12 รุ่นจะเป็น EV Car

เพื่อรองรับความต้องการสำหรับยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคต BMW Group Manufacturing Thailand จะเริ่มต้นเดินหน้าประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (High-Voltage Battery – HVB) โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ภายในปีนี้ คาดจะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1,000 ลูก

ที่ผ่านมาโรงงานแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลาง การประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในด้านการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น BMW 530e หรือ BMW 740Le

ปัจจุบันโรงงานมีการประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 12 รุ่น เช่น BMW ซีรีส์ 3 Gran Turismo, BMW ซีรีส์ 5, BMW ซีรีส์ 7, BMW X1 และล่าสุด BMW X3

เตรียมนำเข้า ซีรีส์ 3 และ Z4

นอกเหนือจากรถที่ประกอบในเมืองไทยเองแล้ว ที่ BMW มองเห็นคือ กลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์นำเข้า ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากกระแสตอบรับของยอดขายรถยนต์ในตระกูล M ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง

ในปีนี้จึงเตรียมสานต่อกลยุทธ์ที่ว่านี้ ด้วยการการเปิดตัวรถยนต์นำเข้ารุ่นใหม่ๆ เช่น BMW ซีรีส์ 3 ที่กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชั่นที่ 7 รุ่น 330i M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย 3,359,000 บาท

และ BMW Z4 มีมาให้เลือก 2 รุ่นด้วยกันคือ Z4 sDrive30i M Sport ราคาจำหน่าย 3,999,000 บาท และ Z4 M40i ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท

ในส่วนของ MINI ได้เตรียมขำเข้ารุ่น MINI Cooper S Hatch รุ่นฉลอง 60 ปีของ MINI ในเมืองไทยจะเข้ามาทั้งหมด 17 คันทั้งในรุ่น  3 ประตูและ 5 ประตู

เพิ่มรับประกันรถมอเตอร์ไซค์เป็น 3 ปี

อย่างไรก็ตามคริสเตียน ยังกล่าวอีกว่า หนึ่งในปัจจัยที่สร้างความสำเร็จ คือการที่ BMW สร้างภาพภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ นับตั้งแต่โปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่เตรียมก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 นอกจากนี้ได้เตรียมขยาย การขยายช่องทางและรูปแบบการเข้ารับบริการ ให้หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู สตูดิโอ ที่นำบริการมาไว้ในห้างสรรพสินค้า หรือการเปิด เออร์เบิน สโตร์ แห่งใหม่ ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีและพื้นที่รับรองลูกค้า และยังมี Online Booking นัดหมายบริการล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ ได้แล้ว

ส่วนบริการหลังการขายได้ออกโปรแกรมการรับประกัน BMW Motorrad Warranty เพิ่มเป็น 3 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ให้กับมอเตอร์ไซค์ BMW  Motorrad  รุ่นใหม่ทุกรุ่นที่ส่งมอบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019.

]]>
1216528