Sunday, May 26, 2024
Home Tags หัวเว่ย

Tag: หัวเว่ย

ขอเสียบแทน! ‘Nokia’ ปิดดีล 5G ในสหราชอาณาจักรหลัง ‘Huawei’ ถูกแบน

เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ‘โนเกีย’ (Nokia) บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก ได้ลงนามข้อตกลงในการวางอุปกรณ์ 5G กับ BT ซึ่งเป็นกลุ่มโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ขณะที่ความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ประกาศแบนอุปกรณ์ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) จากเครือข่าย 5G ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งดีลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า Nokia กำลังแทนที่ส่วนแบ่งโครงสร้างพื้นฐานที่เหลือของ Huawei ในเครือข่าย 5G ของ BT

สรุปทุกปัญหาที่รุมเร้าจน ‘หัวเว่ย’ ย้ำเป้าหมายจากนี้ ‘ต้องเอาชีวิตรอด’

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กั้ว ปิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท หัวเว่ย (Huawei) ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน ได้ออกมากล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทตอนนี้คือ ‘เอาชีวิตรอด’ จากการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าของ ‘สหรัฐอเมริกา’ ที่เกิดจากข้อหา มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยอ้างว่ารัฐบาลจีนสามารถใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในการสอดแนมได้ ขณะที่บริษัทก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้นตลอดมา ดังนั้น Positioning จะมาสรุปกันว่าหลังจากที่สหรัฐฯ ได้กล่าวหาหัวเว่ยนั้น เกิดอะไรขึ้นกับแบรนด์บ้าง

สหรัฐฯ เล็ง ‘Blacklist’ บริษัท ‘SMIC’ ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ดำเนินการแบน ‘หัวเว่ย’ ออกจากอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ จนหัวเว่ยไม่มีชิปเพียงพอจะผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอีกต่อไป ขณะที่ก่อนหน้านั้น หัวเว่ยได้ถูกขึ้นบัญชีดำและถูกตัดขาดจากการใช้ระบบปฏิบัติการ Android ของ Google ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจสมาร์ทโฟนนอกตลาดประเทศจีน ล่าสุด กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังประเมินว่าจะเพิ่มบริษัท SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน ลงในบัญชีดำของกระทรวงพาณิชย์ด้วยอีกราย

หัวเว่ยเตรียมเลิกผลิต ‘ชิปเซ็ตคิริน’ ในเดือนหน้า เพราะแรงกดดันจากสหรัฐฯ

นิตยสารการเงิน Caixin ระบุเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าจากผลกระทบของแรงกดดันจากสหรัฐต่อ ‘หัวเว่ย’ (Huawei) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนกำลังทวีความรุนแรง ส่งผลให้ต้องหยุดผลิตชิปเซ็ต Kirin ที่ใช้สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงในเดือนหน้า

เจาะกลยุทธ์ ‘1+8+N’ กับภารกิจสร้าง ‘อาณาจักรหัวเว่ย’ ในมือผู้บริโภค

เป็นที่รู้กันว่า ‘หัวเว่ย’ (Huawei) ได้ถูกกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มชื่อหัวเว่ยเข้าใน ‘Entity List’ หรือบัญชีดำการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2562 จน ‘กูเกิล’ (Google) ได้ออกมาแบนหัวเว่ย ส่งผลให้ไม่สามารถใช้บริการของกูเกิล หรือ GMS (Google Mobile Services) ได้ ซึ่งหัวเว่ยเองก็ไม่ง้อ พร้อมกับเปิดตัวบริการ HMS (HUAWEI Mobile Services) แทนเพื่อทำหน้าที่แทน GMS

ล้มแชมป์! “หัวเว่ย” เบียด “ซัมซุง” ขึ้นแท่นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกในไตรมาส 2

หัวเว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของโลกในไตรมาส 2/2563 แทนที่บริษัท ซัมซุง ของเกาหลีใต้ โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการของตลาดภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

‘อังกฤษ’ กลับลำ สั่งแบน 5G ‘หัวเว่ย’ แม้จะทำให้เสียหายถึง 8 หมื่นล้านบาทก็ตาม

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ‘อังกฤษ’ ได้อนุมัติให้ ‘หัวเว่ย’ เข้ามาวางเครือข่าย 5G แต่จำกัดการมีส่วนร่วมที่ 35% ของโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด แม้ว่า ‘สหรัฐอเมริกา’ พยายามกดดันให้แบนหัวเว่ยเนื่องจากข้อสงสัยเรื่องความมั่นคงปลอดภัยก็ตาม แต่ในที่สุด ดูเหมือนว่าสหรัฐฯ จะทำสำเร็จ เพราะอังกฤษได้ออกมาประกาศว่าจะแบนหัวเว่ยเรียบร้อย

‘หัวเว่ย’ ยกไทยผู้นำ ‘5G’ อาเซียน แนะเสริมเเกร่ง AR/VR ต่อยอดการท่องเที่ยว

ไทยเริ่มประมูลคลื่นสำหรับใช้ ‘5G’ ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่ง ‘หัวเว่ย’ ระบุว่า ‘เร็วมาก’ เมื่อเทียบกับทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปัจจุบันยังไม่มีประเทศไหนที่เริ่มทำ 5G ดังนั้น ไทยถือว่าเป็น ‘ผู้นำ’ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ 5G ก็มีวิกฤติ Covid-19 เข้ามา ทำให้เห็นการนำ 5G มาประยุกต์ใช้กับด้าน Healthcare ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ คือ ไทยสามารถควบคุม Covid-19 ได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม 5G ไม่ได้เข้ามาช่วยได้แค่ Healthcare แต่ยังสามารถขยายไปได้อีกหลายอุตสาหกรรม

บทวิเคราะห์ : “หัวเว่ย” สามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อหลบเลี่ยง “มาตรการห้ามขายชิป” ของสหรัฐฯ

การที่สหรัฐฯ สั่งห้ามขายชิปที่มีอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์อเมริกันเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ให้แก่บริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่อุปกรณ์เทเลคอมสัญชาติจีน กำลังทำให้ทั่วโลกมีแรงจูงใจอย่างมหาศาลที่จะหาทางหลบเลี่ยงมาตรการแบบการอ้างสิทธิสภาพนอกอาณาเขตเช่นนี้

‘เสียวหมี่’ ขึ้นแท่น ‘เบอร์ 1’ ตลาดสมาร์ทโฟนไทย เบียด ‘ออปโป้’ หล่นที่ 2

ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ต้องเผชิญกับ COVID-19 ส่งผลให้ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกตกลงอย่างเห็นได้ชัด โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าลดฮวบถึง -20.2% เนื่องมาจากผู้บริโภคหยุดการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น แต่ในขณะที่ยอดขายทุกคนหล่นฮวบ แต่มีเพียง Xiaomi (เสียวหมี่) เท่านั้นที่สามารถเติบโตได้