สินทรัพย์ดิจิทัล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 19 Sep 2024 10:38:10 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รู้จัก orbix INVEST ผู้ช่วยมือโปรของคริปโตเนียน https://positioningmag.com/1490901 Thu, 19 Sep 2024 11:50:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1490901

ในยุคปัจจุบันเป็นโลกแห่งการลงทุนมีการเปิดกว้างมากมาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลงทุนแบบดั้งเดิม โลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาท และเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยเช่นกัน การเกิดขึ้นของ “สินทรัพย์ดิจิทัล” จึงเป็นโอกาสสำคัญของนักลงทุนรุ่นใหม่ แต่จะลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย คือความท้าทายอย่างที่สุด


ทำความรู้จัก orbix INVEST จิ๊กซอว์ตัวใหม่

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือที่หลายๆ คนเรียกกันง่ายๆ ว่าคริปโตฯ มีการเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล ข้อมูลจาก CoinGecko พบว่า ในปี 2566 มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าในปี 2567 จะมีมูลค่าอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีการเติบโตถึง 140,000% สะท้อนว่าภาพรวมของตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในประเทศไทยมีการประเมินว่ามีผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 4 ล้านราย แสดงให้เห็นว่าในตลาดนี้ยังมีนักลงทุนที่ให้ความสนใจ และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งนักลงทุนอาชีพ ไปจนถึงนักลงทุนหน้าใหม่ โดยความต้องการของคนกลุ่มนี้ก็คือ แพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ ไว้ใจได้

กลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกสิกรไทย จึงเปิดตัวบริษัทลูก “ยูนิต้า แคปิทัล” ก่อตั้งขึ้นเพื่อดูแลบริการให้ครอบคลุมระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Ecosystem) มากขึ้น ล่าสุดได้เปิดตัว ออร์บิกซ์ อินเวสท์  (orbix INVEST) ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับนักลงทุน โดยก่อนหน้านี้ยูนิต้า แคปิทัลมีการเปิดให้บริการ ออร์บิกซ์ (orbix) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล, ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี (orbix TECHNOLOGY) ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อคเชนของประเทศ และออร์บิกซ์ คัสโทเดียน (orbix CUSTODIAN) เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมเพื่อรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ

orbix INVEST ได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เมื่อเดือนมกราคม 2567

เรียกได้ว่า orbix INVEST เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่สำคัญในการขยายขอบเขตบริการเพื่อเติมเต็มระบบนิเวศด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน ด้วยการนำเสนอกลยุทธ์จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การจัดการของบริษัท รวมถึงพัฒนาแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่าย ภายใต้แนวคิด Strategist for Kryptonian ผู้ช่วยมือโปรของคริปโตเนียน


มั่นใจได้มาตรฐาน เพราะผู้ช่วยมือโปร

orbix INVEST วางจุดยืนเป็นผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) หรือเรียกได้ว่าเป็นบุคคลซึ่งเข้าจัดการเงินทุน หรือแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่าพร้อมจะรับจัดการเงินทุนให้แก่บุคคลอื่น เพื่อแสวงหาประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัล โดยกระทำเป็นทางค้าปกติ แต่ไม่รวมถึงการจัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในลักษณะที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

ซึ่งเชื่อถือได้ เพราะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) orbix INVEST ทำหน้าที่ในการคัดเลือกสินทรัพย์ ออกแบบ รวมทั้งบริหารกลยุทธ์ และบริหารความเสี่ยงของกลยุทธ์จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างมูลค่าให้กับพอร์ตลงทุนได้ ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชั่น

ถ้าถามว่าการลงทุนในรูปแบบ Digital Asset Fund Manager ผ่าน orbix INVEST มีความพิเศษจากการลงทุนประเภทอื่นอย่างไร ต้องบอกว่าการลงทุนในยุคปัจจุบันไม่เพียงแต่อยู่ในตลาดหุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมีสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การกระจายการลงทุนมาลงทุนใน Digital Asset Fund นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของโลก มีมูลค่า และสามารถเก็บได้ในระยะยาว

อีกทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลก็ง่ายขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก เพราะมีผู้เชี่ยวชาญค่อยดูแลจัดการให้ แถมยังติดตามการลงทุนได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ช่วยเพิ่มโอกาสของพอร์ตการลงทุนให้มากขึ้นกว่าเดิม

กระจายความเสี่ยงอย่างสมดุล

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากแบ่งสัดส่วนมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประมาณ 1-5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ก็เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว

เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่สัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ เช่น หุ้นและพันธบัตร ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลจะช่วยปรับสมดุลพอร์ตและลดความผันผวนได้ แถมยังเปิดโอกาสให้พอร์ตมีศักยภาพในการทำผลตอบแทนและมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงในระยะยาว

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตที่สมดุลและมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนสามารถเติบโตในตลาดการเงินยุคใหม่ได้


ฟังก์ชันสุดล้ำจาก orbix INVEST

ฟังก์ชั่นหลักของ orbix INVEST ก็คือ สามาถเลือกลงทุนกลยุทธ์จัดการเงินทุนได้ตามความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุน โดยที่ orbix INVEST มีแบบประเมินความเสี่ยงที่ช่วยให้ผู้ลงทุนทราบความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และเข้าใจเป้าหมายการลงทุนของตนเอง เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกลยุทธ์จัดการเงินทุนได้อย่างเหมาะสม

ทาง orbix INVEST มีกลยุทธ์จัดการเงินทุนหลากหลาย และแนะนำไว้ในแอปพลิเคชัน เพื่อให้ตามทันเทรนด์การลงทุนในตลาด และเลือกลงทุนได้ตามความสนใจ

นักลงทุนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของกลยุทธ์การลงทุน รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวของราคา สัดส่วนการลงทุน ได้ ผ่านแอปพลิเคชัน orbix INVEST ที่ทำให้มีข้อมูลครบถ้วนและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

ลงทุนกับ orbix INVEST

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อได้ว่าต้องมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนกับ orbix INVEST อย่างแน่นอน เพราะทั้งสะดวก ปลอดภัย และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. ดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน orbix INVEST มีให้ดาวน์โหลดทั้ง App Store และ Play Store
  2. การเตรียมตัวก่อนการเปิดบัญชี
  • เตรียมบัตรประชาชน ข้อมูลบนบัตรและรวมถึงเลข laser หลังบัตร
  • อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพ
  • ไม่สวมแว่นตาหรือสิ่งปิดบังใบหน้าในขณะทำการยืนยันตัวตน
  1. หลังจากนั้นลงทะเบียนโดยยืนยันตัวตนผ่านทาง K Plus หรือยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) กรอกข้อมูลส่วนตัว และทำแบบทดสอบประเมินความเสี่ยง รวมถึงผูกบัญชีรับเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่อนุมัติเปิดบัญชีภายใน 1-2 วันทำการ จึงสามารถทำการเพิ่มทุน/ลดทุนได้

หมายเหตุ * คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุน ให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

]]>
1490901
“orbix” บุกตลาดกระดานเทรดคริปโตด้วยจุดขาย “Easy & Trustworthy” ตั้งเป้าปี 2567 จำนวนผู้ใช้งานโต “10 เท่า” https://positioningmag.com/1470857 Wed, 24 Apr 2024 12:28:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470857

orbix” (ออร์บิกซ์) กระดานเทรดคริป ชูจุดขายบุกตลาดด้วยกลยุทธ์​ “Easy & Trustworthy” ขอเป็นกระดานเทรดที่ “ไว้ใจได้” มากที่สุด ดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่และนักลงทุนสถาบัน ตั้งเป้าปี 2567 จำนวนผู้ใช้งานเติบโต “10 เท่า” ขึ้นเป็น Top 3 ของประเทศไทยภายใน 3 ปี มั่นใจสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาฮอตจากปัจจัยบวกส่งเสริม

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 กลุ่มธนาคารกสิกรไทยประกาศรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร โดยดำเนินการผ่านบริษัทลูก “บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด” เข้าซื้อกิจการ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และเปลี่ยนชื่อกระดานเทรดจาก Satang Pro เป็น orbix” (ออร์บิกซ์)

จนถึงวันนี้กระดานเทรด “orbix” พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าเต็มพิกัดในตลาด ผ่านกลยุทธ์ชูจุดขายเป็นกระดานเทรดที่ “Easy & Trustworthy”

(ซ้าย) “ชาญวิทย์​ รุ่งเรืองลดา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด และ (ขวา) “ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์” ประธานกรรมการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด

“ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์” ประธานกรรมการ และ “ชาญวิทย์​ รุ่งเรืองลดา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด สองหัวเรือใหญ่ของ orbix ร่วมกันเปิดเผยแนวทางกลยุทธ์ของ orbix ที่จะช่วยจับกลุ่มตลาดลูกค้าที่แตกต่าง ดังนี้

“Easy” – ใช้ง่ายและสะดวก

  1. การยืนยันตัวตน – ทำได้ผ่าน NDID สำหรับลูกค้าทั่วไป และยืนยันตัวตนบน K+ สำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย
  2. ฟีเจอร์ Wallet Lock ที่มีระบบการล็อกกระเป๋าสองชั้น ลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิดปิด Wallet Lock ได้ด้วยตนเอง
  3. ฟีเจอร์ Price Alert ตั้งเตือนราคาที่ใช่ ไม่ต้องเฝ้าจอ ไม่พลาดทุกโอกาสการซื้อขาย โดยสามารถเลือกเหรียญที่ต้องการให้แจ้งเตือนได้ด้วยตนเอง
  4. ฟีเจอร์ orbix Balance ระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญ โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณ (*เปิดฟีเจอร์ภายในปี 2567)
  5. Seamless การเติมเงินไม่ต้องบันทึก QR CODE ให้ยุ่งยาก แต่สามารถลิงก์เข้าไปชำระเงินที่ K+ ได้โดยตรง (*เปิดฟีเจอร์ภายในปี 2567)

ตัวอย่างหน้าการใช้งานฟีเจอร์บนแอป orbix


“Trustworthy” – น่าเชื่อถือและไว้ใจได้

  1. เปิดเผยข้อมูลและโปร่งใส (Transparency) – orbix ให้ความสำคัญและจัดให้มีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินการของบริษัทฯ ตามที่หน่วยงานกำกับกำหนด รวมถึงมีการจัดทำรายงาน Proof of Reserve เป็นรายเดือน เพื่อสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสให้กับนักลงทุน
  2. การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่รัดกุม (Prudent Product Selection) – orbix มีกระบวนการคัดเลือกเหรียญตามเกณฑ์ ก.ล.ต. โดย orbix มีแผนในการเพิ่มเหรียญใหม่ๆ ที่มีคุณภาพเข้าสู่กระดานซื้อขาย (List) แต่ในขณะเดียวกันก็มีการทบทวนคุณสมบัติของเหรียญในกระดานซื้อ ขายอย่างสม่ำเสมอ หากเหรียญใดไม่ผ่านเกณฑ์ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อนักลงทุนก็จะมีการพิจารณานำออกจากกระดาน (Delist) โดยมีการพิจารณาทุกๆ 1 ปี
  3. การให้ความรู้แก่นักลงทุน (Investor Education) – orbix เชื่อว่าการให้ความรู้นักลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญ มีการใช้วิธี ‘Gamification’ เข้ามาช่วยให้การให้ความรู้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย โดยมีการสร้างระบบ ‘Kryptonian Test’ ขึ้นมาให้นักลงทุนตอบแบบสอบถามเพื่อหาตัวตนว่าตนเองเป็นนักลงทุนสไตล์ไหนใน 4 ประเภท เมื่อทำแบบทดสอบแล้วจะได้รับภาพประจำตัวจาก 4 ศิลปินชื่อดังเป็นของรางวัล

Kryptonian Test แบบสอบถามเพื่อค้นหาว่าคุณเป็นนักลงทุนสไตล์ไหนใน 4 ประเภท

ดร.กรินทร์กล่าวว่า orbix ต้องการจะตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความน่าไว้วางใจเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็น ‘กลุ่มใหม่’ ที่ยังไม่เคยเข้ามาเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ผ่านมากลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่รับความเสี่ยงด้านความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ แต่ยังไม่ลงทุนเพราะยังไม่ไว้วางใจในผู้ให้บริการ

“เราเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาใหม่จะเป็นคนละกลุ่มกับที่มีในตลาด กลุ่มนี้จะต้องการความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือ ก่อนที่จะเข้ามาลงทุน รวมถึงเราคาดว่าจะได้ลูกค้าจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันด้วย” ชาญวิทย์กล่าวเสริม


เป้าหมายปี 2567 จำนวนผู้ใช้ขอเติบโต “10 เท่า”

ด้านเป้าหมายในการดำเนินการ เป้าระยะสั้นปี 2567 นี้ชาญวิทย์คาดหวังว่า orbix จะเติบโตทั้งจำนวนผู้ใช้งานและรายได้

โดยจำนวนผู้ใช้งานฐานเดิมของ Satang Pro มีอยู่ราว 500,000 คน เชื่อว่าหลังจากนี้ลูกค้าเดิมจะทยอยกลับมาใช้งาน และ orbix จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานรายใหม่อีก 10-15% ผ่านการจัดโปรโมชันต่างๆ เช่น ผู้ใช้งานใหม่มีสิทธิได้รับ Cash Back รวมสูงสุด 700 บาทจากแคมเปญ ‘Welcome to orbix’ และแคมเปญ ‘Kryptonian Deposit Bonus’ รวมไปถึงมีการเปิด ‘Kryptonian Referral Program’ ให้ผู้แนะนำและผู้ถูกแนะนำมีสิทธิรับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากการขายดิจิทัลโทเคน และมีการสร้างลอยัลตี้ต่อแพลตฟอร์มด้วยโปรแกรม OBX Reward Point ให้ผู้ใช้สามารถสะสมพอยต์จากการใช้งานเพื่อนำมาแลกของรางวัลพิเศษได้

ชาญวิทย์กล่าวว่า ในด้านของ ผู้ใช้งานประจำในแต่ละวัน (Daily Active Users) orbix ตั้งเป้าถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มจำนวนการเติบโต 10 เท่า

ด้านรายได้ของ orbix ก็จะต้องเติบโตสอดคล้องกับการใช้งาน โดยในปีนี้ orbix ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 6 เท่า

ส่วนเป้าหมายระยะกลางของบริษัทฯ ชาญวิทย์มองว่า ภายใน 3 ปี orbix จะขอขึ้นเป็น Top 3 กระดานเทรดคริปโตในไทยให้ได้ ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้และปริมาณการเทรดต่อวัน


‘Bitcoin ETF’ และ ‘Bitcoin Halving’ ปลุกตลาดกลับมาฮอต

ในแง่สภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากสกุลเงิน Bitcoin ที่มูลค่ากลับมาเติบโตตั้งแต่ต้นปี 2567 จะปลุกตลาดให้คึกคักแล้ว ชาญวิทย์ระบุว่ายังมีอีกหลายปัจจัยที่จะเสริมให้ตลาดการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมา ได้แก่

  1. Bitcoin ETF – ได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ทั้งหมด 11 กอง มูลค่ารวมประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
  2. Bitcoin Halving – อัตราการเกิดของ Bitcoin ใหม่จะลดลงครึ่งหนึ่งในทุก ๆ 4 ปี ซึ่งเกิดการ Halving ไปเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
  3. Ethereum ETF – มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมแรงเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันอีกทางหนึ่ง
  4. ประเทศไทยมีนโยบายศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาค (Digital Asset Hub) ทำให้มีมาตรการส่งเสริม เช่น การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealer) ที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย
  5. คณะกรรมการ ก.ล.ต. ของไทย มีมติเห็นชอบ ปรับหลักเกณฑ์ให้นักลงทุนรายใหญ่พิเศษและนักลงทุนสถาบัน สามารถลงทุนใน Bitcoin ETF ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้

“เราเชื่อว่ากลุ่มที่กล้าเสี่ยงมากที่สุดน่าจะเข้ามาเทรดกันหมดแล้ว ที่จะเข้ามาต่อจากนี้คือกลุ่ม ‘เงินใหม่’ ที่เทรดคริปโตเป็นครั้งแรก และกลุ่ม ‘เงินใหญ่’ ซึ่งต้องการลงทุนระยะยาว orbix จะตอบโจทย์พวกเขาเหล่านี้ได้ด้วยการสร้างความเชื่อมั่น น่าไว้วางใจด้วยการทำงานระดับ ‘bank grade’ ในฐานะบริษัทลูกของ ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด ภายใต้กลุ่มสถาบันทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย

]]>
1470857
มารู้จักกับ ‘orbix’ กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ชูจุดเด่น ง่าย ปลอดภัย สมาร์ท ตอบโจทย์ทางเลือกการลงทุน https://positioningmag.com/1455750 Sat, 16 Dec 2023 09:50:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455750

หลาย ๆ คนอาจเคยซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) หรือแม้แต่อีเธอเรียม (Ethereum) รวมถึงเหรียญต่าง ๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมา หลายแพลตฟอร์มนั้นเกิดปัญหาจนต้องปิดตัวลง ทำให้นักลงทุนหลายคนได้รับผลกระทบไม่น้อย

แต่จะดีกว่าไหมถ้าหากแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผู้บริการในประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลทั้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BoT) รวมถึง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้า รวมถึงมาตรฐานในการจัดการองค์กรที่ดี

วันนี้ Positioning จะพามาทำความรู้จักกับออร์บิกซ์ (orbix) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่ามีจุดเด่นอะไรที่จะทำให้นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มใช้งานครั้งแรก

คุณชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ได้กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยมีโอกาสที่จะเติบโตสอดคล้องกับทิศทางการลงทุนตลาดโลก จากข้อมูลของ ก.ล.ต. พบว่า มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยเดือนตุลาคม 2566 อยู่ที่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา สินทรัพย์ดิจิทัลกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่จะเกิดขึ้น บริษัทได้เปิดตัว orbix เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิด “สู่ประสบการณ์ใหม่ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้เข้าถึงบริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้งานง่ายและมีการเพิ่มความปลอดภัย และยังมีทีมงานให้บริการช่วยเหลือลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับ orbix เป็น Digital Asset Exchange โดยชูจุดเด่นในการสร้างความมั่นใจ ปลอดภัย ให้กับผู้ใช้งาน คุณชาญวิทย์ยังกล่าวว่าอยากให้ผู้ใช้งานวางใจได้ สบายใจได้ และยังปกป้องสินทรัพย์ลูกค้า รวมถึงส่งมอบประสบการณ์ที่ง่ายและปลอดภัย

ขณะที่มุมมองของ ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวถึงการเปิดตัว orbix นั้นเปรียบเหมือนกับสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และเหมือนเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปยังยุค Future of wealth ที่ต้องใช้เวลา และความระมัดระวัง และมองว่าจากตัวเลขของธนาคารกสิกรไทยนั้นจะเห็นว่าลูกค้าคนไทยหาผู้ให้บริการ Digital Asset Exchange ที่ไว้ใจได้ เพราะถ้าผู้ให้บริการเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็จะส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งของลูกค้าเองด้วย ดร.กรินทร์ ยังมองว่ากับการลงทุนของธนาคารกสิกรไทยกับ orbix เป็นการลงทุนพอประมาณ และมองถึงระยะยาว

คุณชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด

3 จุดเด่นของ orbix

1.ง่าย โดยแพลตฟอร์มซื้อขายของ orbix ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย โดยได้ทีม Beacon Interface จาก KBTG ที่ได้รางวัล Red Dot Awards เข้ามาช่วยดีไซน์ในการใช้งาน ทำให้ลูกค้าใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องซื้อ-ขาย-โอนเหรียญ สามารถสมัครใช้งานง่ายได้ด้วยตนเอง ทุกที่ ทุกเวลา โดยสำหรับลูกค้าทั่วไปสามารถสมัครใช้งานและยืนยันตัวตนผ่าน NDID และสำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย สามารยืนยันตัวตนด้วย K +

2.ปลอดภัย ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีการโจรกรรมและการหลอกลวงจากเหล่ามิจฉาชีพในสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นจํานวนมาก ทำให้ orbix จึงพัฒนาฟีเจอร์ Wallet Lock ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบการล็อกกระเป๋าสองชั้น เป็นการช่วยป้องกันการถอนเหรียญ โดยลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิด-ปิด Wallet Lock ได้ด้วยตนเอง และยังเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ยืนยันการถอนเหรียญด้วยการสแกนใบหน้า (Face Scan) ด้วย

3.สมาร์ท orbix นั้นมีเครื่องมือและข้อมูลที่ช่วยตัดสินเรื่องการลงทุนได้อย่างแม่นยำขึ้น โดยฟังก์ชันน่าสนใจได้แก่ Price Alert ตั้งเตือนราคาโดยไม่ต้องเฝ้าจอ ทำให้ไม่พลาดทุกโอกาสการซื้อขาย โดยสามารถเลือกเหรียญที่ต้องการให้แจ้งเตือนได้ด้วยตนเอง รวมถึง orbix Balance ระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญแบบอัตโนมัติ ทำให้รู้กำไรขาดทุนทุกเหรียญ โดยไม่ต้องเสียเวลาคำนวณ ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้งานได้ภายในเดือนธันวาคม 2566


มาตรฐานการดูแลกิจการที่ดี เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้า

นอกจากในเรื่องของการใช้งานแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการดูแลกิจการที่ดี ในเรื่องนี้นั้น คุณชาญวิทย์ กล่าวว่า orbix นั้นมีระบบงานต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเกณฑ์ของผู้กำกับดูแลไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต. และ BoT ซึ่งบริษัทนั้นให้ความสำคัญในส่วนนี้มาก

ขณะเดียวกัน orbix เองยังมีการนำโครงสร้างการบริหารและมาตรฐานจากต่างประเทศมาใช้ เช่น มาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูลระดับโลก ISO 27001 และ ISO 27701  ในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า รวมถึงการให้ความสำคัญกับความเสี่ยงในระดับเดียวกับสถาบันการเงิน ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้

คุณชาญวิทย์ยังกล่าวถึงการเป็นผู้ให้บริการที่ดีนั้นต้องมีความรับผิดชอบของลูกค้า และเมื่อเป็นกระดานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเอง ก็ต้องมีเกณฑ์ในการคัดเลือกเหรียญที่มีคุณภาพ แพลตฟอร์มต้องสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า รวมถึงทั่งความเสถียร เพื่อลูกค้าใช้งานได้


เทรนด์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

คุณชาญวิทย์ ยังได้กล่าวถึงข้อมูลของ Chain Analysis ว่าประเทศไทยติดอันดับ 10 ของโลก Digital Asset Adoption Index ซึ่งอันดับของไทยนำหน้า อังกฤษ หรือแคนาดา รวมถึงจีนด้วยซ้ำ ทำให้ตลาดในประเทศน่าสนใจ เขายังมองว่ากำลังเกิดสิ่งนี้ทั่วโลกคือ ตอนนี้หน่วยงานด้านการกำกับดูแลวางกติกาให้กับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งนั้น

นอกจากนี้เขายังมองเห็นเทรนด์อีกอย่างคือ สถาบันการเงินให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกัน อย่างกองทุน ETF ที่มี Bitcoin เป็นสินทรัพย์ ซึ่งอนาคตนั้นจะทำให้มีการนำสินทรัพย์มาประยุกต์ใช้งานมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเห็นว่าผู้เล่นใหม่ ๆ เข้าตลาดมากขึ้น กรอบกติกาชัดเจนมากขึ้น และในปีหน้ายังมี Bitcoin Halving จะทำให้การขยายตัวของตลาดเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าอาจแตกต่างกับอดีตที่มีความหวือหวา แต่จะมีความเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ยังเชื่อว่า ทำอย่างไรให้ลูกค้าได้รับความปลอดภัย และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดี เน้นใช้งานง่าย ไม่เพียงจากคำแนะนำของลูกค้าที่ส่งตรงถึง orbix ในอนาคตยังตั้งใจที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานรายอื่น ๆ อีกเช่นกัน

พบ​ orbix​ ได้ที่​งาน​ Money Expo, Hall 7 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  วันที่​ 14-17​ธันวาคม​ 2566 ตั้งแต่เวลา​ 10:00-20:00 น.

คำเตือน สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

]]>
1455750
KBank ประกาศเข้าซื้อหุ้นกิจการ Satang Pro สัดส่วน 97% ลุยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล https://positioningmag.com/1449708 Mon, 30 Oct 2023 05:10:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449708 ธนาคารกสิกรไทย แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการจัดตั้งบริษัทลูก โดยจะเน้นธุรกิจไปยังสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังประกาศถึงการเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 97% ของสตางค์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในชื่อ Satang Pro

ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการจัดตั้งบริษัทลูกในชื่อ ยูนิต้า แคปิทัล มีทุนจดทะเบียน 3,705 ล้านบาท รวมถึงมีการจดทะเบียนบริษัทภายในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยบริษัทลูกที่ KBank ได้ตั้งขึ้นผ่าน ยูนิต้า แคปิทัล ได้แก่ 

  1. บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเรียน จํากัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ถือหุ้นโดย ยูนิต้า แคปิทัล สัดส่วน 100% วัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ทำธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (อยู่ระหว่างเตรียมขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ)
  2. บริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จํากัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทถือหุ้นโดย ยูนิต้า แคปิทัล สัดส่วน 100% วัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (อยู่ระหว่างเตรียมขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ)
  3. บริษัท ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น จํากัด ทุนจดทะเบียน 260 ล้านบาท ถือหุ้นโดย ยูนิต้า แคปิทัล สัดส่วน 100% ทำธุรกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชน

นอกจากนี้ KBank ยังเปิดเผยว่า ยูนิต้า แคปิทัล ได้เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยถือหุ้นสัดส่วน 97% โดย สตางค์ คอร์ปอเรชั่น เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยในชื่อ Satang Pro อย่างไรก็ดีทางธนาคารฯ ไม่ได้มีการเปิดเผยของมูลค่าการเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด

สำหรับ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของแพลตฟอร์ม Satang Pro นั้นก่อตั้งในปี 2017 ถ้าหากไปดูผลประกอบการในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 28.44 ล้านบาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 73.53 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนล่าสุด 92 ล้านบาท

]]>
1449708
จัดพอร์ตการลงทุนในปี 2566 ยังไง ในสภาวะตลาดการเงินยังไม่เป็นใจ https://positioningmag.com/1407144 Fri, 11 Nov 2022 10:00:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1407144

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกส่วนใหญ่ได้ให้ผลตอบแทนได้ไม่ประทับใจนักลงทุนมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากปัจจัยลบได้สร้างผลกระทบต่อนักลงทุนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง การบุกยูเครนโดยรัสเซีย นอกจากนี้ในปี 2566 ยังมีปัจจัยบวกและลบหลายเรื่องที่นักลงทุนอาจมองข้ามไป

เดอะวิสดอมกสิกรไทย จึงได้มีการจัดการสัมมนาที่มีชื่อว่THE WISDOM Investment Forum : Wealth in Challenging World ‘เดินหน้าฝ่ามรสุม คว้าความมั่งคั่ง’ เพื่อให้ลูกค้าสามารถได้ข้อมูลและมุมมองการลงทุนที่ลึกซึ้ง หลายประเด็นการลงทุนในงานสัมมนานั้นไม่สามารถมองข้ามไปได้ โดยเฉพาะความเสี่ยงต่างๆ

Positioning ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจของสัมมนาดังกล่าวมา ดังนี้


แบงก์ชาติยังมองเศรษฐกิจไทยยังไปต่อได้ แม้อุปสรรคจะท้าทายก็ตาม

 ดร. ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจไทย รวมถึงมุมมองเศรษฐกิจโลก หลังจากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ลง 4 ครั้งด้วยกัน สะท้อนว่าภาพเศรษฐกิจโลกนั้นอึมครึมมากขึ้นในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศพัฒนาแล้วมีเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวสูงมาก เศรษฐกิจเติบโตร้อนแรง ทำให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมา

ขณะเดียวกันหลายประเทศในยุโรปก็ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน เนื่องจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ อย่างกรณีของรัสเซียบุกยูเครน ส่งผลทำให้เงินเฟ้อนั้นสูงขึ้นไปอีก ทางด้านเศรษฐกิจจีนนั้นคาดว่าน่าจะโตไม่ถึง 5.5% ตามเป้า เนื่องจากปัญหาหลายๆ เรื่อง เช่นนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือแม้แต่ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ดร. ชญาวดี ชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตแค่ 2.7% และมองว่ามีโอกาส 25% ที่เศรษฐกิจอาจโตไม่ถึงคาดการณ์ด้วยซ้ำ

ผลดังกล่าวนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยไม่น้อยเช่นกัน แต่ประเทศกำลังพัฒนา (EM) นั้นน่าจะยังเติบโตใช้ได้ ยกเว้นกลุ่มที่ส่งออกสินค้าเป็นหลักอย่าง เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ไต้หวัน ขณะเดียวกันไทยน่าจะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FDI ที่เข้ามาในประเทศไทย

ค่าเงินบาทของไทย ดร. ชญาวดี มองว่าเคลื่อนไหวตามปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปัจจัยที่ธนาคารกลางสหรัฐนั้นประกาศขึ้นดอกเบี้ย จนกว่าจะชะลอขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะอยู่ในไตรมาส 1-2 ของปี 2566 ซึ่งถ้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าน้อยลง ความผันผวนของค่าเงินบาทหลังจากนี้น่าจะลดลง แต่ความผันผวนนั้นยังไม่หายไปสิ่งที่ต้องจับตามองว่าค่าเงินบาทจะผันผวนหรือไม่คือเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ ถ้าหากผันผวนรวดเร็วเกินไปอาจกระทบต่อธุรกิจต่างๆ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยพยายามที่จะไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนของไทยผันผวนมากเกินไป

ความเสี่ยงของประเทศไทยที่ ดร. ชญาวดี มองไว้คือ จำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับมาที่ไทย ถ้าหากมาจำนวนมากก็จะทำให้เศรษฐกิจดี แต่ถ้าหากกลับมาไม่พอก็อาจกระทบเช่นกัน รวมถึงเรื่องของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคการเงินที่ผันผวน

เธอได้แนะนำภาคธุรกิจในเรื่องการกระจายความเสี่ยง การสร้างกำแพงป้องกัน รวมถึงสายป่านที่ยาวนั้นช่วยภาคธุรกิจได้ การลดภาระหนี้ รวมถึงประกันความเสี่ยง จะทำให้ธุรกิจไทยสามารถผ่านช่วงเวลายากลำบากได้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดว่า GDP ของไทยปีนี้จะเติบโต 3.3% และปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8%


หลักทรัพย์กสิกรไทยชี้หุ้นไทย จีน หุ้นเทคฯ สหรัฐอเมริกา ยังเหมาะแก่การลงทุน

คุณสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บมจ. หลักทรัพย์กสิกรไทย ได้ชี้ถึงความผันผวนของตลาดทุนทั่วโลก เกิดจากการไถ่บาปทางเศรษฐกิจ จากปัญหาของเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้น

เขาได้ชี้ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกากับเงินเฟ้อในประเทศอื่นๆ นั้นไม่เหมือนกัน โดยอสังหาในสหรัฐนั้นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ถ้าหากภาคอสังหาชะลอตัวลงมา เงินเฟ้อก็จะชะลอตัวลงมา ขณะที่ประเทศอื่นๆ เงินเฟ้อนั้นเกิดจากราคาพลังงานและอาหาร

ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาเขาชี้ว่าการจ้างงานในสหรัฐฯ มีการชะลอตัวมากขึ้น และหลายตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง เป็นเหตุผลทำให้เขามองว่าเป็นช่วงเวลาที่เห็นว่าเงินเฟ้อนั้นทำจุดสูงสุดแล้ว

สำหรับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน คุณสรพลมองว่าความผันผวนในตลาดหุ้นจีนที่เกิดขึ้นมาจากแรงเทขายของนักลงทุนชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันการเปลี่ยนโปลิตบูโร 7 คนของจีนนั้นเป็นการรวบอำนาจของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แม้ว่ายังไม่มีการพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจจีนในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เท่าไหร่ แต่คุณสรพลมองว่านี่เป็นโอกาสในการลงทุน หลังจากนี้ในช่วงปลายปีจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา นอกจากนี้จีนยังมี Valuation ที่ถูก และจีนยังมีโอกาสที่เปิดประเทศด้วย

ส่วนความอึมครึมของเศรษฐกิจ เกิดขึ้นเนื่องจากเงินเฟ้อสูงขึ้น การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจลดลง คาดว่าปีหน้าเงินเฟ้อจะลดลงแรงมาก ควรจะลงทุนในประเทศที่เงินเฟ้อเกิดจาก Supply เช่น ในประเทศไทย

คำแนะนำคือถ้าสัดส่วนการลงทุน 60% ควรจะลงทุนในหุ้นไทยไปก่อน 30% ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่ตลาดต่างประเทศคือจีนกับสหรัฐฯ สัดส่วนรวมกัน 30% หุ้นจีนควรลงทุนใน A-Share และซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ และหลังจากนี้ควรดูว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) จะขึ้นไปถึงจุดพีคเท่าไหร่ ถ้าพีคแล้ว เงินอาจไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ แทน

ข้อมูลจากฮั่วเซ่งเฮง


ทองคำถ้าหลุด 1,600 ดอลลาร์ อาจเข้าซื้อได้

คุณธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ได้ชี้ว่าในช่วงที่ผ่านมา ทองคำได้ทำราคาสูงสุดไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านคือค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ากลับกดดันราคาทองคำ เขามองว่าในช่วงปี 2566 น่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาซื้อทองคำได้ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าขึ้น แม้ว่าในปี 2566 ตลาดทองคำจะไม่หวือหวาก็ตาม

ขณะที่ปัญหาของจีน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฮั่วเซ่งเฮงมองว่า หลังจากนี้นโยบายจะเน้นเรื่องของความมั่นคงมากกว่าเศรษฐกิจ และถ้าเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็จะทำให้ความต้องการทองคำลดลง แต่ถ้ามองระยะถัดไปแล้ว ถ้านโยบายเศรษฐกิจจีนทำให้ประชาชนจีนเป็นชนชั้นกลางมากขึ้นก็จะทำให้การบริโภคทองคำมากขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ปัจจัยในการขับเคลื่อนทองคำนั้นยังคงเหมือนเดิมในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงินดอลลาร์ หรือแม้แต่การบริโภคทองคำของชาวจีน เขามองว่าเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้ราคาทองคำยังไปต่อได้

หลังจากนี้คุณธนรัชต์แนะนำให้จับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำนั้นสูงมากขึ้นได้ เนื่องจาก Dollar Index อ่อนค่าลงมา และถ้าราคาทองคำหลุด 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจเริ่มเข้าซื้อทองคำได้

ข้อมูลจากคุณพิริยะ สัมพันธารักษ์


Bitcoin ถ้าหากราคาตกลงมามากๆ อาจเริ่มเก็บสะสมได้

คุณพิริยะ สัมพันธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฉลกดอทคอม จำกัด ได้กล่าวถึงสินทรัพย์ดิจิทัล กับกลไกลทางการเงิน เขามองว่าสินทรัพย์ดิจิทัลต้องใช้เวลาเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะ Bitcoin อย่างไรก็ดีเขากลับมองว่า Bitcoin ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีความปลอดภัย แต่เขามองว่า Bitcoin นั้นมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นจากการพิมพ์เงินดอลลาร์ที่มีจำนวนมากขึ้น ส่งผลทำให้ Bitcoin เหมือนเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ

เขายังชี้ว่าทุกสินทรัพย์ไม่เว้นแต่ Bitcoin นั้นสัมพันธ์กับปริมาณเงิน เมื่อเวลาผ่านไปทุกสินทรัพย์นั้นเอาไว้ป้องกันเงินเฟ้อ ซึ่งถ้าดูผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมานั้นเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่สำหรับปัญหา ตอนนี้คือเรื่องของสภาพคล่อง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดแรงเทขายออกมา

ขณะที่เรื่องความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ คุณพิริยะมองว่าปลายยุคสมัยของมหาอำนาจหนึ่ง จะมีอีกมหาอำนาจหนึ่งมาท้าทายอำนาจกัน เช่น สหรัฐอเมริกากับจีน ขณะเดียวกันหลายๆ ประเทศเองก็พยายามที่จะบาลานซ์อำนาจดังกล่าว เรื่องสำคัญที่เขามองคือเรื่องสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในช่วงบั้นปลายแล้ว ขณะที่ Bitcoin ก็เกิดขึ้นในช่วงบั้นปลายของดอลลาร์สหรัฐ เหมือนกับช่วง The Great Reset ในการหา Global Reserve Currency และหลายธนาคารกลางกำลังเลือกทางนั้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำเป็นทุนสำรอง เป็นต้น

สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คุณพิริยะมองว่าการใช้งานของ Bitcoin เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากค่าเงินของหลายๆ ประเทศล่มสลาย ถ้าหากมามองสินทรัพย์อย่าง Bitcoin ล่าสุดราคาลงมาจากจุดสูงสุดราวๆ 70% แต่ถ้ามอง Cycle รอบละ 4 ปี นั้นมาจากการลดการผลิตลง เขามองว่าราคาของ Bitcoin จะลดลงครั้งใหญ่ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งอาจได้เห็นกรณีที่แย่สุดอาจเหลือราคาราวๆ 10,000 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC ถ้าหากไม่ได้เป็นนักลงทุนระยะสั้นมากๆ ก็ถือว่าช่วงนี้เริ่มเก็บสะสมได้แล้ว

]]>
1407144
‘Robinhood’ ซื้อกิจการเเอปเทรดคริปโต ‘Ziglu’ ฟื้นเเผนเจาะตลาดอังกฤษ-ยุโรป https://positioningmag.com/1382082 Wed, 20 Apr 2022 11:07:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382082 Robinhood เเพลตฟอร์มเทรดหุ้นออนไลน์ยักษ์ใหญ่ เข้าซื้อกิจการ ‘Ziglu’ เเอปพลิเคชันฟินเทคที่เปิดให้มีการเเลกเปลี่ยนบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ปูทางขยายธุรกิจในสหราชอาณาจักร ยุโรปเเละทั่วโลก

การประกาศดังกล่าวเข้าซื้อกิจการดังกล่าว เกิดขึ้น 2 ปีให้หลังจากที่ Robinhood ได้ระงับเเผนที่จะเปิดตัวธุรกิจในสหราชอาณาจักร ซึ่งในขณะนั้นบริษัทชี้เเจงว่า ต้องการมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจในตลาดบ้านเกิดอย่างสหรัฐฯมากกว่าการขยายตัวในต่างประเทศ

หลังจากเกิดประเด็น GameStop เมื่อปีที่เเล้ว ก็ทำให้ความนิยมของ Robinhood ลดลงตั้งเเต่นั้นมา ซึ่งดีลใหม่นี้อาจจะเข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตของบริษัทอีกครั้งได้

โดย Robinhood รายงานยอดผู้ใช้งานรายเดือนลดลงในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 เป็น 17.3 ล้านคน จาก 18.9 ล้านคนในไตรมาสก่อนหน้า และคาดว่ารายรับในไตรมาสแรกปี 2022 จะน้อยกว่า 340 ล้านดอลลาร์ ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทสูญเสียมูลค่าตลาดประมาณ 2 ใน 3 นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาด Nasdaq เมื่อช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว

Vlad Tenev ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Robinhood ระบุว่า การเข้าซื้อ Ziglu จะช่วยให้เราเร่งความพยายามในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

Robinhood จะร่วมกับทีม Ziglu เพื่อประโยชน์ของทั้งสองบริษัท พร้อมสำรวจวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และทำลายอุปสรรค ข้อจำกัดต่างๆ ของลูกค้าทั่วสหราชอาณาจักรและยุโรป

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ไม่ได้รับการเปิดเผย เเละข้อตกลงยังอยู่ระหว่างการอนุมัติด้านกฎระเบียบ

สำหรับ Ziglu ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 เปิดให้ผู้ใช้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ และรับดอกเบี้ยจากการถือครองบิตคอยน์และเงินปอนด์อังกฤษ

ที่ผ่านมา Ziglu ระดมทุนได้ 17.5 ล้านปอนด์ หรือราว 22.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงอีก 13.4 ล้านปอนด์จากนักลงทุนรายย่อยผ่านแพลตฟอร์มการระดมทุนของ Seedrs ซึ่งมีมูลค่าล่าสุดอยู่ที่ราว 85 ล้านปอนด์

ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ฐานลูกค้าของ Ziglu เติบโตขึ้นกว่า 4 เท่าตัว จากกระเเสนิยมในสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก

รัฐบาลสหราชอาณาจักร เพิ่งประกาศแผนการที่จะสร้าง NFT ของตัวเอง ซึ่งแผนเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ประเทศกลายเป็น ‘ผู้นำระดับโลก’ ในตลาดสกุลคริปโตเคอร์เรนซี

Rishi Sunak รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอให้โรงกษาปณ์ Royal Mint ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลที่รับผิดชอบในการผลิตเหรียญสำหรับสหราชอาณาจักร ให้จัดทำและออก NFT ในช่วงซัมเมอร์นี้ และจะแถลงถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้

โดยรัฐบาลกำลังศึกษาถึงมาตรการในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาอยู่ภายใต้การตรวจสอบด้านกฎระเบียบเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงแผนการที่จะสร้าง Stablecoins เพื่อใช้ในการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ , การตรวจสอบภาษีของสินเชื่อการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) , การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการออกตราสารหนี้ รวมถึงปรึกษาเกี่ยวกับกฎการเทรดคริปโตฯ กับบริษัทชั้นนำ

 

ที่มา : CNBC , FT

]]>
1382082
‘Binance’ ได้รับอนุมัติทำธุรกิจ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ในกรุงอาบูดาบี เร่งรุกตลาดตะวันออกกลาง https://positioningmag.com/1381329 Mon, 11 Apr 2022 12:12:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381329 ‘Binance’ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับอนุมัติตามหลักการให้ดำเนินธุรกิจในกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นับเป็นก้าวสำคัญของการขยายตลาดเทรดคริปโตฯในตะวันออกกลาง

โดยก่อนหน้านี้ Binance ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบมาเเล้วจากบาห์เรนและดูไบมาเเล้ว

ซึ่งการอนุมัติตามหลักการจาก Abu Dhabi Global Market (ADGM) ครั้งนี้ จะทำให้ Binance สามารถดำเนินการเป็นนายหน้าตัวแทนจำหน่ายในสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ได้ เเละคาดว่าต่อไปจะสามารถดำเนินการในฐานะบริษัทที่ได้รับอนุญาตอย่างเต็มที่

ADGM ยังแสดงเจตจำนงที่จะให้การอนุมัติด้านกฎระเบียบที่คล้ายคลึงกันกับบริษัทท้องถิ่นและบริษัทด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ระดับโลกอื่นๆ เพื่อทำให้อาบูดาบีเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์เสมือนและเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

โดย Dhaher bin Dhaher ซีอีโอของ ADGM เเสดงความยินดีกับการออกใบอนุญาติดังกล่าว เเละสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือ Binance ในการที่จะพยายามจัดตั้งสาขาของบริษัทในกรุงอาบูดาบีด้วย

ที่ผ่านมา Binance มีการดำเนินงานโดยอิสระจากกฎระเบียบในท้องถิ่น เเต่อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก บริษัทจึงเริ่มเปลี่ยนแนวทางมาประนีประนอมมากขึ้น

นอกจาก Binance แล้ว แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังอีกเจ้าอย่าง FTX ก็เพิ่งได้รับใบอนุญาตในการดำเนินงานในดูไบ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ กำลังสนใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจในตะวันออกกลางมากขึ้น หลังภูมิภาคนี้เริ่มลดมาตรการควบคุมลงเเละเปิดประตูรับกระเเสคริปโตเคอร์เรนซี

 

ที่มา : CNBC , cointelegraph 

]]>
1381329
ผลสำรวจเผย ผู้ครอบครอง ‘คริปโต’ เกือบครึ่ง เพิ่งเข้าซื้อ ‘ครั้งแรก’ ในปี 2021 https://positioningmag.com/1380358 Mon, 04 Apr 2022 11:42:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380358 ผลสำรวจพบว่า สัดส่วนผู้ครอบครองคริปโตเคอร์เรนซีเกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐฯ ลาตินอเมริกาเเละเอเชียเเปซิฟิก เพิ่งจะเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้เป็นครั้งเเรกในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา

Gemini บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโตฯ ในสหรัฐอเมริกา ทำการสำรวจผู้คนเกือบ 30,000 คนใน 20 ประเทศ ระหว่างเดือนพ.. 2021 ถึงเดือนก.. 2022

พบว่า ในช่วงปี 2021 ซึ่งถือเป็นปีทองของสินทรัพย์ดิจิทัล หลังมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เเละเป็นที่รู้จักในวงกว้างภาวะเงินเฟ้อทำให้หลายประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่า หันมายอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้มากขึ้น

เจ้าของคริปโตฯ กว่า 79% ยอมรับว่า พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาในตลาดนี้เมื่อปีที่แล้ว เเละเลือกซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อศักยภาพในการลงทุนระยะยาว

โดยประชาชนใน บราซิลและอินโดนีเซีย มีอัตราถือครองคริปโตฯ มากที่สุด คิดเป็นกว่า 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจในแต่ละประเทศ ตามมาด้วยสหรัฐฯ ที่ 20% และสหราชอาณาจักรที่ 18%

ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ถือครองคริปโตฯ และอยู่ในประเทศที่ค่าเงินอ่อนมาก เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ก็มีเเนวโน้มที่จะวางเเผนซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อมากกว่าคนในประเทศที่ไม่มีปัญหาเรื่องค่าเงินถึง 5 เท่า

ยกตัวอย่างเช่นอินโดนีเซียที่เงินรูเปียห์อ่อนค่าลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2011-2020

ส่วนเงินรูปีของอินเดียก็อ่อนค่าลง 17.5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนในอินโดนีเซียเเละอินเดียมีความต้องการอยากจะซื้อคริปโตฯ เป็นครั้งแรกถึง 64% เทียบกับคนในสหรัฐฯ และยุโรปที่คิดเช่นนี้เพียง 16% และ 15% ตามลำดับ

จากผลสำรวจ มีชาวยุโรปเพียง 17% เท่านั้นที่ระบุว่าพวกเขาเข้าซื้อเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งเเรกในปี 2021 และมีเพียง 7% ของผู้ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของคริปโตฯ ในปัจจุบันที่กล่าวว่าพวกเขาต้องการลองซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลบ้าง

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยังคงต้องจับตาดูว่าตลาดจะขยายตัวเเละจะมีผลตอบเเทนที่ดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามาในตลาดนี้ได้เเค่ไหน

ทั้งนี้ ‘Bitcoin’ (บิตคอยน์) สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เคยทำสถิติสูงสุดมีมูลค่ามากกว่าเหรียญละ 68,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านบาท) ได้ในเดือนพ.. 2021 ดันมูลค่าตลาดรวมเเตะถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามข้อมูลของ CoinGecko) ก่อนที่จะปรับตัวลงมาอยู่ในกรอบเฉลี่ยเหรียญละ 34,000-46,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.14-1.54 ล้านบาท) ในตอนนี้

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1380358
‘คลัง’ ยันไม่เลื่อนเก็บ ‘ภาษีคริปโต’ เร่งสรุปเเนวทางเก็บภาษีหุ้น ‘เเบงก์ชาติ’ จ่อห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า https://positioningmag.com/1371736 Tue, 25 Jan 2022 11:35:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371736
‘คลัง’ ยันไม่เลื่อนเก็บ ‘ภาษีคริปโต’ พร้อมเร่งสรุปเเนวทางเก็บ ‘ภาษีหุ้น’ ในลำดับต่อไป ด้านเเบงก์ชาติ จ่อออกกฏควบคุมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้าเเละบริการ 

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความกังวลของนักลงทุนในการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซีว่า ขณะนี้กรมสรรพากรกำลังเร่งจัดทำแนวทางปฏิบัติในส่วนของการยื่นเสียภาษีเงินได้ของคริปโตฯ ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยจะเร่งให้เสร็จเรียบร้อยทันปีภาษีนี้ หรือภายในเดือนมกราคมนี้

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีเม็ดเงินหมุนเวียนจำนวนมาก และเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีทั้งนักลงทุนในรูปแบบเดิม และนักลงทุนหน้าใหม่ เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก

จากการที่ภาคเอกชนได้ยื่นเสนอให้มีการยกเว้น 1-2 ปีนั้น ทางกระทรวงการคลัง ขอยืนยันว่า จะไม่มีการเลื่อนการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไป เพราะถือเป็นเงินได้ที่เสียกันมาตั้งแต่กฎหมายบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2561 แล้ว โดยขณะนี้มุ่งหวังที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ มีความชัดเจนของมาตรการภาษีดังกล่าวมากขึ้น

“การยื่นแบบเงินได้คริปโตเคอร์เรนซี ถือว่าเป็นการประเมินรายได้ของตัวผู้ยื่นแบบนักลงทุนเอง โดยปีนี้จะคาดว่าจะทำให้ชัดเจนขึ้นว่า รายได้ที่เกิดจากการซื้อขายมีจำนวนเท่าไหร่ มีการทำบัญชีแบบค่าเฉลี่ยอย่างไร เพื่อให้นักลงทุนและผู้ยื่นแบบภาษี มีการเสียภาษีในแบบฟอร์มได้ง่ายขึ้น โดยยังคงมีระยะเวลาในการยื่นแบบถึง 31 มี.ค. 2565 ซึ่งไม่ได้มีการเลื่อนเวลาเก็บภาษีออกไป”

ส่วนความคืบหน้าแนวทางการเก็บ ‘ภาษีหุ้น’ กระทรวงการคลังกำลังอยู่ในช่วงศึกษาเเละหารือ รับฟังความเห็นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตลาดหุ้น ก.ล.ต. โบรกเกอร์ นักลงทุน ฯลฯ

โดยในปัจจุบัน ประเทศที่มีตลาดหุ้นเกือบทุกประเทศมีการจัดเก็บภาษีหุ้นกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ หรือส่วนต่างกำไร หรือ Capital Gain ซึ่งในส่วนของประเทศไทย คาดว่าจะมีข้อสรุปรูปแบบการจัดเก็บภาษีที่ชัดเจนในเร็วๆนี้

ด้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันไม่สนับสนุนใช้ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ เป็นช่องทางชำระเงิน โดยระบุว่า ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้ขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจในลักษณะให้บริการ ชักชวนหรือแสดงตน ว่าพร้อมจะให้บริการแก่ร้านค้าและผู้ประกอบการในธุรกิจต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น จัดทำระบบและโฆษณาเชิญชวนร้านค้า ซึ่งการที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในลักษณะดังกล่าว อาจส่งผลให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการเป็นวงกว้าง นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม

รวมถึงเป็นความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ อาทิ ความเสี่ยงจากการสูญมูลค่าที่เกิดจากความผันผวนของราคา ความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน

หน่วยงานกำกับดูแลต่างตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบดังกล่าว จึงพิจารณาใช้อำนาจตามกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าหรือบริการในวงกว้าง และจะมีแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสม สำหรับบริการที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทที่เป็นประโยชน์ต่อนวัตกรรมทางการเงินและไม่สร้างความเสี่ยงเชิงระบบที่กล่าวถึงข้างต้น

สำหรับร่างหลักเกณฑ์ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการนำทรัพย์สินดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ มี 6 ข้อ ดังนี้

1.ไม่โฆษณาเชิญชวนว่าพร้อมให้บริการแก่ร้านค้า ว่าสามารถรับชำระด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลได้
2.ไม่จัดทำระบบหรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกแก่ร้านค้าเพื่อรับชำระด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล
3.ไม่ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (wallet) แก่ร้านค้าเพื่อรับชำระ
4.การขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ต้องโอนเข้าบัญชีตัวเองเท่านั้น
5.ไม่ให้บริการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล / เงิน จากบัญชีของผู้ซื้อขาย ไปยังบัญชีรายอื่นหรือบุคคลอื่นใด เพื่อวัตถุประสงค์ของการรับชำระค่าสินค้าเเละบริการ
6.ไม่ดำเนินการอื่นใดที่จะเป็นการสนับสนุนหรือส่งเสริมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นสื่อกลางการชำระค่าสินค้าและบริการ

เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า ธปท. คำนึงถึงทั้งความเสี่ยงและประโยชน์ของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเทคโนโลยีเบื้องหลัง และมองว่า “ณ ขณะนี้การนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการอย่างแพร่หลายจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศ”

ดังนั้น จึงควรมีการกำกับดูแลที่ชัดเจน ขณะที่เทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าวก็ควรได้รับการสนับสนุนโดยมีกลไกดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดนวัตกรรมและประโยชน์ต่อประชาชน

ขณะที่รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันกับ ธปท. และ กค. ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลควบคู่ไปกับการคุ้มครองผู้ซื้อขายอย่างเหมาะสม และให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ต่อไป

.
]]>
1371736
GULF จับมือ Binance ร่วมพัฒนาตั้งศูนย์ซื้อขาย ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ในไทย​  https://positioningmag.com/1370654 Mon, 17 Jan 2022 13:17:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370654 หลังมีกระเเสข่าวว่า Binance แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วมมือกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เอกชนรายใหญ่ของไทย เพื่อศึกษาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ล่าสุดทาง GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดทำแผนพัฒนาธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศไทย

โดยบริษัทเล็งเห็นถึง ‘การเติบโตอย่างก้าวกระโดด’ ของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย จากการที่เศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และจะมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนมากขึ้น

“ความร่วมมือกับ Binance ดังกล่าว จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนของประเทศ จากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ติจิทัลมาตอบสนองความต้องการดังกล่าว”

GULF เป็นบริษัทด้านพลังงาน ที่มีเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจและภาคการเงิน โดย บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS ที่ GULF ถือหุ้นอยู่ 42.25% ได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จัดตั้ง ‘บริษัทร่วมทุน’ อย่าง AISCB ที่เปิดมาให้บริการด้านการเงินดิจิทัลโดยเฉพาะ
.
ขณะที่ Binance มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เเละเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ มีปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก

Binance ระบุว่า การทำข้อตกลงกับ GULF ถือเป็น ‘ก้าวแรก’ สำหรับการเปิดโอกาสในไทย อย่างไรก็ตาม Binance ประกาศหยุดให้บริการเป็น ‘ภาษาไทย’ มาตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2564 นับเป็นความพยายามที่จะปรับตัวเข้ากับกฎระเบียบของแต่ละประเทศ

โดยในช่วงที่ผ่านมา Binance มุ่งใช้กลยุทธ์ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อย่างการได้รับการอนุมัติเบื้องต้นจากธนาคารกลางของบาห์เรน ให้เป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล และบรรลุข้อตกลงกับ Dubai World Trade Centre Authority เกี่ยวกับกฏหมายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น

ที่มา :  SET , Bloomberg 

]]>
1370654