อียู – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 13 Jun 2024 00:44:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ตามรอยสหรัฐฯ ‘อียู’ ขึ้นภาษี ‘รถอีวีจีน’ สูงสุด 38.1% เพื่อปกป้องผู้ผลิตรถไฟฟ้าในยุโรป https://positioningmag.com/1477839 Wed, 12 Jun 2024 15:18:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477839 หลังจากที่มีข่าวว่า สหรัฐอเมริกา เตรียมขึ้นภาษีการนำเข้าสินค้าครั้งใหญ่ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ รถอีวีจากจีน โดยขึ้นสูงถึง 100% หรือ 4 เท่า เพื่อสกัดกั้นการนำเข้า หลังจากที่รถอีวีราคาถูกจากจีนกำลังบุกไปทั่วโลก

ล่าสุด สหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า พวกเขาจะขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าของจีน เนื่องจากพบว่าแบรนด์รถอีวีจากจีนได้รับประโยชน์อย่างมากจากการอุดหนุนที่ไม่ยุติธรรม และก่อให้เกิด ภัยคุกคามด้านเศรษฐกิจ ต่อผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป

ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปกำหนดอัตราภาษีอีวีจีนอยู่ที่ 10% แต่อัตราภาษีอีวีจีนครั้งใหม่นี้สูงสุดอยู่ที่ 38.1% โดยแต่ละแบรนด์จะถูกกำหนดภาษีไม่เท่ากัน ได้แก่

  • บีวายดี (BYD) 17.4%
  • จีลี (Geely) 20%
  • เอสเอไอซี (SAIC) เจ้าของแบรนด์เอ็มจี (MG) 38.1%

ส่วนผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ที่ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกเก็บที่อัตรา 38.1% แต่ผู้ผลิตที่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน แต่ไม่ถูกสุ่มตรวจสอบ จะถูกเก็บภาษีในอัตรา 21% โดยอัตราภาษีใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2024 

“การไหลเข้าของการนำเข้ารถอีวีจีนที่มีราคาต่ำเกินจริง เนื่องจากได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป” คณะกรรมาธิการตั้งข้อสังเกต 

Valdis Dombrovskis กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป กล่าวว่า การสอบสวนมีพื้นฐานมาจากข้อเท็จจริงและหลักฐาน พร้อมเสริมว่าการมีส่วนร่วมกับทางการจีนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ยังดำเนินอยู่

ทางด้าน กระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า การตัดสินใจของสหภาพยุโรป ขาดพื้นฐานข้อเท็จจริงและกฎหมาย และถือเป็นการกระทำกีดกันทางการค้าที่สร้างความขัดแย้งทางการค้า และทำลายการแข่งขันที่ยุติธรรม นอกจากนี้ การตัดสินใจของสหภาพยุโรปยังจะขัดขวางและบิดเบือนซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงสหภาพยุโรปด้วย”

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและจีนมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเวลาหลายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงการสอบสวนของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการอุดหนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยรัฐบาลจีน และข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนกำลังทิ้งรถยนต์ส่วนเกินออกสู่ตลาดโลก

ไม่ใช่แค่สหภาพยุโรปที่ขึ้นภาษี แต่อย่างที่รู้กันว่าสหรัฐฯ ก็ขึ้นภาษีสินค้าต่างๆ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีน โดยเพิ่มเป็น 4 เท่าจาก 25% เป็น 100% เริ่มในปีนี้

 

]]>
1477839
EU เริ่มไต่สวน TikTok ละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ จัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดมีสิทธิ์โดนปรับเม็ดเงินหลักหมื่นล้านบาท https://positioningmag.com/1463399 Tue, 20 Feb 2024 08:39:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463399 สหภาพยุโรป เริ่มไต่สวน TikTok ว่าละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ จัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ตามพระราชบัญญัติบริการดิจิทัล ที่มีการบังคับใช้เมื่อไม่นานนี้ ถ้าหากบริษัทผิดจริงอาจมีสิทธิ์โดนปรับเม็ดเงินมากถึงหลักหมื่นล้านบาท

สหภาพยุโรป (EU) ได้เริ่มเปิดการไต่สวน TikTok เครือข่ายสังคมที่เน้นไปยังการแชร์วิดีโอสั้น มีการละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์ หรือแม้แต่ความโปร่งใสในการจัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการฝ่าฝืนจริง อาจทำให้บริษัทโดนปรับเม็ดเงินมหาศาล

การที่ EU ได้สอบสวน TikTok เนื่องจากอาจมีการละเมิดกฎ พระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (Digital Services Act) ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดความโปร่งใส การไม่ปกป้องผู้เยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มมีการออกแบบให้ผู้เยาว์ติดหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน การจัดการคอนเทนต์ผิดกฎหมาย ไปจนถึงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำหรับ Digital Services Act ของ EU มีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคหลังจากบริการจากบริษัทเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การรับรองด้านเสรีภาพ การปกป้องผู้เยาว์ การโฆษณาบนแพลตฟอร์ม หรือแม้แต่เรื่องการบิดเบือนข้อมูล

ถ้าหากมีการฝ่าฝืน หรือแม้แต่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า บทลงโทษจะรุนแรงมากขึ้น โดยค่าปรับนั้นจะคำนวณจากยอดขายของบริษัทถ้าหากเป็นบริษัทใหญ่ ซึ่ง EU ได้บังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

Thierry Breton กรรมาธิการตลาดภายในของสหภาพยุโรป ได้กล่าวว่า การปกป้องผู้เยาว์ถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของ Digital Services Act เพื่อปกป้องคนหนุ่มสาวชาวยุโรป และเขาชี้ว่า TikTok จะต้องทำตามข้อระเบียบอย่างเต็มที่ ซึ่ง EU กำลังสอบสวนในเรื่องดังกล่าว

หาก EU พบว่า TikTok มีการฝ่าฝืนจริงนั้นอาจมีค่าปรับได้มากถึง 6% ของรายได้รวมที่ทำได้ทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่หลักพันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าหากคิดจากรายได้ล่าสุดครึ่งปีแรกของปี 2023 หรือคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆ ถึงหลักหมื่นล้านบาท

ทางฝั่งของ TikTok ได้กล่าวว่าจะมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คนหนุ่มสาวบนแพลตฟอร์มของบริษัทปลอดภัย โดยบริษัทหวังว่าจะได้อธิบายสิ่งดังกล่าวนี้โดยละเอียดต่อคณะกรรมาธิการยุโรป

นอกจากนี้ตัวแทนของ TikTok ยังกล่าวว่าบริษัทเป็นผู้บุกเบิกฟีเจอร์และการตั้งค่าเพื่อปกป้องวัยรุ่นและป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีใช้งานแพลตฟอร์ม

ก่อนหน้านี้ TikTok ได้ถูกหน่วยงานกำกับดูแลในไอร์แลนด์ปรับเงินเป็นเม็ดเงิน 345 ล้านยูโรมาแล้ว จากประเด็นละเมิดกฎระเบียบปกป้องผู้เยาว์มาแล้ว

ที่มา – The Guardian, Irish Times

]]>
1463399
‘อียู’ เคาะ เลิกจำหน่าย ‘รถบรรทุก-รถโดยสาร’ ที่ใช้น้ำมัน ภายในปี 2578 เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน https://positioningmag.com/1419358 Wed, 15 Feb 2023 05:53:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1419358 หลังจากที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้อนุมัติกฎหมายเกี่ยวกับการเลิกใช้รถยนต์และรถตู้สันดาปแล้ว ล่าสุด อียูได้เคาะกฎใหม่ เลิกจำหน่ายยานพาหนะสันดาปขนาดใหญ่ อาทิ รถบรรทุก และ รถโดยสาร ภายในปี 2578 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้เปิดเผยถึงเป้าหมายที่จะลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะที่มีน้ำหนักมาก โดยวางเป้าลดการปล่อยมลพิษของรถบรรทุกใหม่อย่างน้อย 45% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2562 และต้องลดลง 65% ภายในปี 2578 จนภายในปี 2583 ต้องลดลงสู่ระดับ 90%

ทำให้ สหภาพยุโรป จึงเคาะกฎว่าจะเลิกจำหน่ายรถยนต์สันดาปขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารหรือรถบรรทุก โดยสหภาพยุโรปตั้งเป้าว่า รถโดยสารประจำทางในเมืองจะต้องปลอดมลพิษตั้งแต่ปี 2573 ขณะที่ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์ไฮโดรเจน และเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน

ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ที่สหภาพยุโรปออกมานั้นก็เพื่อเป้าหมานในการทำให้ยุโรปมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ปัจจุบัน รถยนต์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั้งหมดในสหภาพยุโรป ส่วนรถบรรทุก รถโดยสารในเมือง และ รถโดยสารทางไกล คิดเป็น 6%

ในขณะเดียวกัน จีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องการให้รถยนต์ใหม่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ปลั๊กอินไฮบริด หรือไฮโดรเจนภายในปี 2578

]]>
1419358
‘เยอรมนี’–‘เดนมาร์ก’ ทุ่ม 9 พันล้านลงทุน ‘ไฟฟ้าพลังงานลม’ แทนการนำเข้าก๊าซ ‘รัสเซีย’ https://positioningmag.com/1398346 Wed, 31 Aug 2022 02:41:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398346 หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ทาง สหภาพยุโรป (EU) ก็ออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงการนำเข้า พลังงาน ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซ น้ำมัน และ ถ่านหิน แน่นอนว่าการคว่ำบาตรดังกล่าวนั้น ส่งผลกระทบต่อประเทศสมาชิก ล่าสุด เยอรมนีและเดนมาร์กก็หันไปหาพลังงานสะอาดเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว

เยอรมนีและเดนมาร์ก ได้มีข้อตกลงร่วมกันมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้า พลังงานลม นอกชายฝั่งในทะเลบอลติก ซึ่งทางการระบุว่าจะช่วยให้สามารถจ่ายไฟฟ้าให้เพียงพอสำหรับครัวเรือน 4.5 ล้านครัวเรือน ภายในปี 2573

โดยข้อตกลงนี้ เดนมาร์กต้องการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมตามแผนที่วางไว้บนเกาะพลังงานบอร์นโฮล์มจาก 2 เป็น 3 กิกะวัตต์ และข้อตกลงดังกล่าวยังรวมถึงสายเคเบิลใต้น้ำ 292 ไมล์ที่เชื่อมโยงกังหันลมของบอร์นโฮล์มกับกริดของเยอรมนี เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซและน้ำมันของรัสเซีย

ปัจจุบัน เดนมาร์กและเยอรมนีมีความสามารถด้านพลังงานลมนอกชายฝั่ง 1.5 กิกะวัตต์ และ 1 กิกะวัตต์ ในทะเลบอลติกตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของพลังงานลมในยุโรป

Robert Habeck รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพอากาศของเยอรมนี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการ ระดับเรือธง ซึ่งจะช่วยให้ยุโรปบรรลุ ความมั่นคงด้านพลังงานและความเป็นกลางของสภาพภูมิอากาศ

“พลังงานลมจากทะเลบอลติกจะช่วยเราต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และนี่คือการลงทุนในความมั่นคงของเรา มันจะช่วยให้เราพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียน้อยลง” Annalena Baerbock รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมัน กล่าวเสริม

ความจุพลังงานลมทั้งหมดของโลก ทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 837 กิกะวัตต์ ตามรายงานของสภาพลังงานลมโลก จีนถือหุ้นใหญ่ที่สุดในตลาดพลังงานลมนอกชายฝั่งของโลก โดยได้เพิ่มกำลังการผลิตลมนอกชายฝั่งเป็น 27.7 กิกะวัตต์ในปี 2564

คณะกรรมาธิการยุโรปตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมทั้งหมดของประเทศเป็น 300 กิกะวัตต์ภายในปี 2593 เพิ่มขึ้นจาก 16 กิกะวัตต์ที่ติดตั้งในเดือนพฤษภาคม

Source

]]>
1398346
ทำได้จริงไหม! ‘อียู’ ประกาศคว่ำบาตร ‘น้ำมันรัสเซีย’ 90% ภายในปลายปีนี้ https://positioningmag.com/1387184 Tue, 31 May 2022 07:21:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387184 ตั้งแต่ ‘รัสเซีย’ เปิดศึกเริ่มสงครามกับ ‘ยูเครน’ ราคาน้ำมันทั่วโลกก็พุ่งสูงขึ้น แต่ที่ราคาน้ำมันสูงหลายคนคิดว่าเป็นเพราะการ ‘คว่ำบาตร’ จาก ‘อียู’ (EU) หรือ ‘สหภาพยุโรป’ แต่ความเป็นจริงแล้วที่น้ำมันทั่วโลกแพงเป็นเพราะรัสเซียมีกำลังผลิตน้ำมันที่ลดลง จนทำให้ประเทศในยุโรปต้องไปดึงเอาน้ำมันจากประเทศผู้ผลิตอื่น แต่ล่าสุด อียูก็มีมติที่จะคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียจริง ๆ ภายในสิ้นปีนี้

หลังจากที่อียูได้เสนอเข้าร่วมกับสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ในการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว ล่าสุดของอียู อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เปิดเผยว่า อียูมีมติในการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 90% ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อลดแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่สำหรับการทำสงครามกับยูเครน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคว่ำบาตรอื่น ๆ อาทิ การตัด Sberbank ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียออกจากการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ SWIFT, ห้ามผู้แพร่ภาพกระจายเสียงของรัฐรัสเซียอีก 3 ราย และคว่ำบาตรบุคคลที่รับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน

อย่างไรก็ตาม อียูจะยกเว้นมาตรการดังกล่าวกับประเทศ ฮังการี เนื่องจากประเทศไม่มีดินแดนติดทะเล ดังนั้น การขนส่งน้ำมันจึงทำได้ยากกว่าประเทศอื่น ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพิงการส่งน้ำมันดิบจากรัสเซียผ่านทางท่อส่งน้ำมัน

ที่ผ่านมา อียูกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียมาแล้ว 5 ครั้ง นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์เพื่อบีบให้รัสเซียหยุดก่อสงคราม อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาในการแบนนำเข้าน้ำมันรัสเซีย เนื่องจากมันก่อความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรป

เนื่องจาก ยุโรปถือเป็นผู้ซื้อพลังงานรัสเซียรายใหญ่ที่สุด โดยในปี 2020 ยอดส่งออกน้ำมันดิบ 27% ของรัสเซียถูกส่งไปยังยุโรป หรือคิดเป็นประมาณ 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ประเทศ ฮังการี, สาธารณรัฐเช็ก และสโลวาเกีย ถือเป็น 3 ประเทศที่พึ่งพาน้ำมันของรัสเซียมากที่สุด โดยคิดเป็น 86%, 97% และ 100% ตามลำดับ

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 2 ของโลก โดยช่วงก่อนเกิดสงครามสามารถผลิตได้เฉลี่ย 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 11% ของความต้องการทั่วโลก แต่ตั้งแต่เกิดสงคราม ปริมาณการผลิตของรัสเซียก็ลดลงมาเหลืออยู่ราว 9-10 ล้านบาร์เรลต่อวัน เท่านั้น หรือหายไปประมาณ 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงเพราะไม่เพียงพอต่อความต้องการ

Source

]]>
1387184
‘อียู’ ออกกฎให้ ‘Big Tech’ ลบคอนเทนต์ต้องห้าม ไม่ทำเจอปรับ 6% ของรายได้ทั้งปี! https://positioningmag.com/1382547 Sun, 24 Apr 2022 03:31:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382547 สหภาพยุโรป หรือ อียู ได้มีข้อสรุปกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมเหล่า Big Tech ของโลก โดยกำหนดให้ทุกแพลตฟอร์มต้องลบเนื้อหาที่เป็นอันตราย หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับเงิน 6% ของรายได้ทั้งปี

สหภาพยุโรปและสมาชิกรัฐสภา ได้บทสรุปในพระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (Digital Services Act – DSA) ซึ่งเป็นส่วนที่สองของโครงการขนาดใหญ่เพื่อควบคุมบริษัทเทคโนโลยี มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มและเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์ต้องห้ามจำนวนมาก ตั้งแต่คำพูดแสดงความเกลียดชังไปจนถึงการบิดเบือนข้อมูล และภาพการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

“แพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ทำตัวเหมือน ‘ใหญ่เกินกว่าจะดูแล’ กำลังจะหมดลงด้วย DSA กฎใหม่ของเราจะปกป้องผู้ใช้ทางออนไลน์ รับรองเสรีภาพในการแสดงออกและโอกาสสำหรับธุรกิจ สิ่งที่ผิดกฎหมายออฟไลน์จะผิดกฎหมายออนไลน์ในสหภาพยุโรปอย่างมีประสิทธิภาพ” เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน หัวหน้าคณะกรรมาธิการยุโรปทวีต

กฎระเบียบดังกล่าวจะกำหนดให้แพลตฟอร์มต้องลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมายอย่างรวดเร็วทันทีที่ทราบว่ามีอยู่ เครือข่ายโซเชียลจะต้องระงับผู้ใช้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายบ่อยครั้ง หลังจากที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีถูกเรียกร้องหลายครั้งว่าล้มเหลวในการควบคุมแพลตฟอร์มของพวกเขา อาทิ การจู่โจมของผู้ก่อการร้ายในนิวซีแลนด์ที่ถ่ายทอดสดบน Facebook ในปี 2019 และการจลาจลที่โกลาหลในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้วได้รับการส่งเสริมผ่านทางออนไลน์

นอกจากจะบังคับให้รีบลบเนื้อหาที่เป็นอันตรายแล้ว อีกส่วนสำคัญของกฎหมายนี้คือ การจำกัดวิธีที่การกำหนดเป้าหมายผู้ใช้งานสำหรับการโฆษณาออนไลน์ โดย DSA จะห้ามไม่ให้กำหนดเป้าหมายด้านการโฆษณากับผู้ใช้งานที่เป็นเด็ก ข้อมูลเพศ เชื้อชาติหรือศาสนา หากบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามกฎใหม่ดังกล่าวอาจต้องเสียค่าปรับสูงถึง 6% ของรายได้ในปีนั้น ๆ

ทั้งนี้ กฎระเบียบนี้เป็นแนวทางร่วมกับ Digital Markets Act (DMA) ซึ่งกำหนดเป้าหมายแนวปฏิบัติในการต่อต้านการแข่งขันในกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เพื่อพยายามจะควบคุมอำนาจทางการตลาดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่นั้น ๆ

Source

]]>
1382547
‘EU’ ผ่านร่างกฎหมายบังคับใช้พอร์ต ‘USB-C’ ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพื่อลดภาระผู้บริโภค https://positioningmag.com/1382316 Thu, 21 Apr 2022 10:42:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1382316 หากพูดถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันนั้น หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มพัฒนาไปในรูปแบบ ‘ไร้สาย’ มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพอร์ตการเชื่อมต่อระหว่างสายชาร์จก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น USB Type-A, USB Type-B, USB Type-B mini และ USB Type-B micro และมาตรฐานล่าสุดก็คือ USB Type-C ซึ่ง EU กำลังจะกำหนดให้เป็นพอร์ตมาตรฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

คณะกรรมการตลาดภายในและการคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐสภายุโรป ได้ลงมติเห็นชอบในคะแนน 43 ต่อ 2 เพื่อให้ใช้ พอร์ต USB-C เป็นพอร์ตมาตรฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยกเว้นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กเกินไปที่จะมีพอร์ต USB Type-C เช่น สมาร์ทวอทช์ เครื่องติดตามสุขภาพ และอุปกรณ์กีฬาบางชนิด

โดยคณะกรรมการให้เหตุผลว่า กฎใหม่นี้จะทำให้แน่ใจว่า ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้ที่ชาร์จและสายเคเบิลใหม่ทุกครั้งที่ซื้ออุปกรณ์ใหม่ และ สามารถใช้ที่ชาร์จอันเดียวสำหรับแกดเจ็ตอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กล้องดิจิตอล หูฟังและชุดหูฟัง คอนโซลวิดีโอเกมแบบใช้มือถือ และลำโพงแบบพกพา ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค

ทั้งนี้ การแก้ไขนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างของสหภาพยุโรปในการแก้ไขปัญหาความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดสหภาพยุโรป และเพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่ง MEPs เผยว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในยุโรป มีมากถึง 11,000-13,000 ตันต่อปี ส่วนใหญ่มาจากอุปกรณ์การชาร์จของสมาร์ทโฟนที่ต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องใหม่หรือต่างแบรนด์กัน

อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวจะยังไม่ถูกบังคับใช้ โดยในขั้นตอนถัดไป ร่างดังกล่าวจะถูกเสนอผ่านสภารวมในเดือนพฤษภาคม และเริ่มออกขั้นตอนบังคับใช้กับประเทศสมาชิกยุโรปต่อไป ซึ่งแปลว่าสินค้าของ Apple ที่จะขายในยุโรปหลังข้อกำหนดนี้บังคับใช้ จะต้องเปลี่ยนไปใช้ USB-C ทั้งหมด จากที่ปัจจุบัน iPhone, iPad รุ่นเริ่มต้น และ AirPods ยังใช้พอร์ต Lightning สำหรับเชื่อมต่ออยู่

Source

]]>
1382316
เหล่าประเทศใน EU ทุ่มเงินลงทุน ‘เวียดนาม’ เพิ่มขึ้น แม้เจอวิกฤตโควิด เน้นอุตฯ ไฮเทค https://positioningmag.com/1356950 Sun, 17 Oct 2021 11:50:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356950 สหภาพยุโรป (EU) ลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้นกว่า 483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบเป็นรายปี ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ท่ามกลางการระบาดหนักของโควิด-19

สื่อท้องถิ่นอย่าง VnExpress เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดที่รัฐบาลส่งไปยังรัฐสภา ระบุว่า เหล่าประเทศสมาชิก EU ลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้น 26 ประเทศจากทั้งหมด 27 ประเทศ

โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาลงทุนหลักๆ เช่น Shell Group จากเนเธอร์แลนด์ , Total Elf Fina จากฝรั่งเศส – เบลเยียม, Daimler Chrysler จากเยอรมนี , Siemens และ Alcatel Comvik จากสวีเดน

เนเธอร์แลนด์เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดด้วยเงินเกือบ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 382 โครงการ รองลงมาคือฝรั่งเศสที่ 3.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเยอรมนีที่ 2.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มีเเนวโน้มว่า ชาติยุโรปจะเข้ามาลงทุนในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมไฮเทค

ปัจจุบัน สินค้าส่งออกหลักของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ รองเท้า สิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องจักร อุปกรณ์และเครื่องใช้ เครื่องมือและอะไหล่ และผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า

การค้าระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ข้อตกลงเขตการค้าเสรี EUเวียดนาม (EBFTA) มีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคมปีที่เเล้ว เเม้จะมีอุปสรรคใหญ่จากโควิด

โดยมูลค่าการค้าปีนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 12% เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 54,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.82 ล้านล้านบาท) ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกของเวียดนามถึง 38,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.28 ล้านล้านบาท

เเละเพื่อดึงดูดการลงทุนของสหภาพยุโรป หลายเมืองในเวียดนามเริ่มดำเนินการจัดหาที่ดินรอบนิคมอุตสาหกรรม เเละจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาแรงงานมีทักษะในภาคการเกษตร การผลิต โลจิสติกส์ และปรับปรุงระบบราชการให้คล่องตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังคงต้องใช้ความพยายามอีกมากที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนที่เคร่งครัดและมาตรฐานทางเทคนิคต่างๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ EU นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-tariff Barriers) ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

 

ที่มา : VnExpress 

]]>
1356950
โอกาสอาหารทางเลือก อียูอนุมัติ ‘หนอนนก’ วางขายได้ในซูเปอร์มาร์เก็ต-ร้านอาหารทั่วยุโรป https://positioningmag.com/1330455 Wed, 05 May 2021 04:40:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330455  ‘หนอนนกอบเเห้งกำลังจะได้วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตเเละร้านอาหารทั่วยุโรป ในเร็วๆ นี้  มองตลาดโตได้ดี ตามเทรนด์อาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพเเบบใหม่

โดยทั้ง 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ไฟเขียวให้หนอนนกหรือ ‘mealworm’ สามารถวางจำหน่ายได้ทั่วไปในฐานะ ‘novel food’ อาหารทางเลือกที่ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ ที่มีความปลอดภัยในการบริโภค

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของสหภาพยุโรป ได้เผยเเพร่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปีนี้ว่า หนอนนกสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย สามารถทานได้ทั้งตัวหรือในรูปแบบผงสกัด หรือนำมาปรุงเป็นอาหารว่าง เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโปรตีนสูง อย่างไรก็ตาม การเเพ้หนอนนกอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่เคยมีอาการแพ้กุ้ง สัตว์น้ำเปลือกแข็งหรือไรฝุ่น เป็นต้น

แมลงถือเป็นอาหารอย่างหนึ่ง ที่ปัจจุบันเเม้จะยังมีส่วนเเบ่งในตลาดน้อยมาก เเต่ก็มีโอกาสเติบโตได้ เป็น
เทรนด์อาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพเเบบใหม่

คาดว่าตลาดแมลงที่กินได้จะมีมูลค่าสูงถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.4 เเสนล้านบาท) ภายในปี 2027 เเละยังมีเมนูของแมลงอื่นๆ อีก 11 ชนิด ที่กำลังรอการประเมินความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป

เจ้าหน้าที่ของอียูให้ความเห็นว่า การเพาะเลี้ยงเเมลงเพื่อนำมาเป็นอาหารนั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าการเลี้ยงวัวและแหล่งโปรตีนขนาดใหญ่อื่นๆ 

ด้านองค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติ ระบุว่าเเมลงเป็นแหล่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยไขมัน โปรตีน วิตามิน เส้นใยเเละเเร่ธาตุสูง

ทั้งนี้ หลังหนอนนกได้รับการอนุมัติจากประเทศในสหภาพยุโรปเเล้ว จะสามารถวางจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

 

 

ที่มา : AP , Aljazeera

]]>
1330455
‘ยุโรป’ เตรียมเปิดประตูรับ ‘นักท่องเที่ยวต่างชาติ’ ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เร็วสุดช่วงมิ.ย.นี้ https://positioningmag.com/1330398 Tue, 04 May 2021 10:10:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330398 คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อีซีเเนะประเทศสมาชิกทั้ง 27 ประเทศ เตรียมผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสเเล้ว โดยจะต้องเป็นวัคซีนยี่ห้อที่ได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรป

ถึงเวลาฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของยุโรป เเละการข้ามพรมแดนอย่างปลอดภัยให้กลับมาอีกครั้ง” Ursula von der Leyen ประธานอีซี ระบุ

ขณะนี้สหภาพยุโรป (อียู) อนุญาตให้เฉพาะนักเดินทางจากประเทศที่มีอัตราการระบาดต่ำ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ เเละสิงคโปร์ สามารถเดินทางเข้าประเทศในอียูได้ โดยต้องผ่านการตรวจหาโควิด-19 เเละกักตัวก่อน เเต่ยังไม่กำหนดว่าต้องฉีดวัคซีนแล้ว

โดยหวังว่าข้อเสนอการเปิดประเทศรับชาวต่างชาติให้มากขึ้นนี้ จะช่วยกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งประเทศสมาชิกอาจจะเปิดรับชาวต่างชาติที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้ว เป็นเวลา ’14 วันก่อนที่จะเดินทางมาถึงยุโรป

หรือชาติสมาชิกอียูอาจจะขอทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมถึงสามารถสั่งให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องกักตัวตามกำหนด หรือจะทำทั้ง 2 อย่างก็ได้

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการอียูเสนอให้มีกลไกฉุกเฉินเพื่อระงับการเปิดรับชาวต่างชาติได้ทันที หากมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือพบไวรัสกลายพันธุ์ในประเทศนั้นๆ

โดยการอนุญาตให้บุคคลที่ฉีดวัคซีนครบโดส’ นั้นจะต้องเป็นวัคซีนยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากอียู เเละต่อไปอาจจะเพิ่มวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ ที่องค์การอนามัยโลกรับรองด้วย

ปัจจุบัน ยุโรปมีการรับรองวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ,โมเดอร์นา, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตราเซเนกา

ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวยังต้องให้ชาติสมาชิกอียูอนุมัติ หากผ่านการเห็นชอบเเล้ว คาดว่าจะนำมาใช้ได้เร็วที่สุดในช่วงเดือนมิ.. ปีนี้ 

 

ที่มา : CNN , BBC

 

]]>
1330398