เครื่องประดับ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 05 Jun 2024 06:32:04 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สวนทางทอง! ประเมินราคา ‘เพชร’ คาดว่าจะหดตัวอีก 20% ใน 12 เดือนจากนี้ เนื่องจากอัตราการ ‘แต่งงาน’ ลดลง https://positioningmag.com/1476637 Wed, 05 Jun 2024 03:27:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1476637 แม้ว่าราคา ทองคำ ในปีนี้จะพุ่งขึ้นอย่างมาก แต่ไม่ใช่กับ เพชร ที่ราคายังคงลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากความต้องการที่ลดลง ทั้งจากอัตราการแต่งงาน และการมาของเพชรสังเคราะห์
บริษัทวิจัยตลาด Daxue Consulting เปิดเผยว่า อัตราการ แต่งงาน ที่ลดลง รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นสำหรับ ทองคำ และ เพชรสังเคราะห์ ล้วนส่งผลให้ความต้องการเพชรลดลง โดยเฉพาะใน จีน ที่ถือเป็นตลาดใหญ่ นอกจากนี้ หลังการระบาดของโควิด ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายกับการซื้อประสบการณ์การท่องเที่ยวมากกว่าซื้อเพชร

จนถึงปีนี้ คาดว่า ราคาเพชรลดลง 5.7% โดยรวมแล้ว ราคาเพชรลดลง มากกว่า 30% จากระดับสูงสุดตลอดกาลในปี 2022 และราคาเพชรธรรมชาติอาจลดลงอีก 15-20% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

“ปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมเพชร เนื่องจากความท้าทายทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของภารกิจหลังโควิด และการเติบโตของเพชรสังเคราะห์ที่สร้างในห้องแล็บ ล้วนส่งผลกระทบต่อความต้องการเพชร” Marcelo Esquivel หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ Anglo American กล่าว

ต้องยอมรับว่า ความชื่นชอบเพชรสังเคราะห์ยังมีบทบาทสำคัญในการลดราคาเพชรธรรมชาติ เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าเพชรธรรมชาติ 85% ตามข้อมูลจาก Zimnisky เปิดเผยว่า ปัจจุบันส่วนแบ่งของเพชรสังเคราะห์เพิ่มขึ้น 2% ของตลาดเครื่องประดับเพชรทั่วโลกเป็น 18.4%

“ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นผู้บริโภคเพชรรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และครึ่งหนึ่งของเพชรแหวนหมั้น มาจากเพชรสังเคราะห์ถูกปลูกในห้องทดลองในปีนี้” Ankur Daga ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทอีคอมเมิร์ซเครื่องประดับ Angara กล่าว

แม้ว่าอุตสาหกรรมเพชรกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน แต่ Anish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร Gemdax มองว่าอุตสาหกรรมยังพอมีทางรอด โดยมองว่า เพชรยังเป็นที่ต้องการในกลุ่มสินค้าลักชัวรี่อื่น ๆ เช่น นาฬิกาและกระเป๋าระดับไฮเอนด์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Signet Jewelers ผู้ค้าปลีกเครื่องประดับรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ประกาศความร่วมมือทางการตลาดกับ De Beers เพื่อกระตุ้นความต้องการเพชรธรรมชาติ โดย Signet คาดว่าการมีส่วนร่วมจะเพิ่มขึ้น 25% ในอีกสามปีข้างหน้า

Source

]]>
1476637
ภารกิจร้านทอง “ออโรร่า” ตามหาลูกค้ากลุ่มใหม่ “ซื้อทอง” ได้ทุกโอกาส ดีไซน์ทันสมัยไม่ตกยุค https://positioningmag.com/1398273 Tue, 30 Aug 2022 11:04:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398273 ร้านทองขึ้นห้าง “ออโรร่า” (Aurora) เปิดแคมเปญโฆษณา The New Way of Gift พร้อมลุย Pop-up Store 2 แห่ง กลางย่านวัยรุ่นและในโรงพยาบาล ส่งแรงบันดาลใจให้ลูกค้า “ซื้อทอง” เป็นของขวัญที่มีค่าได้ทุกโอกาส เน้นเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ ตอกย้ำจุดขายร้านทองที่มีสินค้าดีไซน์-เข้าเทรนด์สายมู เช่น พวงกุญแจ สร้อยข้อมือเสริมสิริมงคล

ห้างเพชรทอง “ออโรร่า” (Aurora) ถือเป็นหนึ่งในชื่อร้านทองคุ้นหูเพราะปัจจุบันมีถึง 255 สาขาทั่วประเทศ และเน้นการเปิดสาขาในศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า ทำให้ลูกค้าพบเห็นและเข้าถึงได้ง่าย

ชื่อของออโรร่าฟังดูเป็นชื่อฝรั่ง แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นมาจากตระกูลคนไทยเชื้อสายจีนเช่นกัน “อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) ทายาทรุ่น 3 ของออโรร่าเล่าย้อนประวัติให้ฟังว่า ครอบครัวเริ่มค้าทองตั้งแต่รุ่นอากง “นายซุ่ยฮุย” ที่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากเมืองจีนเมื่อปี 2483 ใช้ความรู้ด้านการทำทอง ตั้งโรงงานผลิตเครื่องประดับในลักษณะค้าส่งให้กับร้านทองในเยาวราช

จนกระทั่งมาถึงรุ่น 2 คือ “ประสิทธิ์ ศรีรุ่งธรรม” คุณพ่อของอนิพัทย์ เริ่มเปิดร้านขายทอง “ซุ่ยเซ่งเฮง” ย่านอุดมสุข เมื่อปี 2516 จุดประสงค์เดิมคือต้องการรู้ความต้องการของลูกค้ารายย่อยโดยตรง เพื่อให้การออกแบบเครื่องประดับเพื่อค้าส่งทันสมัยขึ้น แต่ปรากฏว่าร้านขายทองรายย่อยนี้ไปได้ดี จึงมีการขยายสาขา และมีการ ‘รีแบรนด์’ เป็น “ออโรร่า” เมื่อปี 2529 เพราะเป็นร้านทองรายแรกที่จะ “ขึ้นห้าง” ไปเปิดในเดอะมอลล์ รามคำแหง จึงต้องการชื่อที่มีความทันสมัย

หลังจากนั้นออโรร่าก็เป็นรายแรกอีกที่เปิดในไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น บิ๊กซี โลตัส และต่อมามีการขยายสินค้าจับกลุ่ม “เพชร” เพิ่มเข้ามาในปี 2555 รวมถึงเข้าสู่ตลาดออนไลน์เต็มตัวในปี 2560 ปัจจุบันสามารถซื้อทองออนไลน์ได้ทั้งทางเว็บไซต์, LINE และมาร์เกตเพลสต่างๆ

“อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน)

 

จุดขายอยู่ที่ “งานดีไซน์” และ “การรับประกัน”

อนิพัทย์กล่าวต่อว่า กลุ่มลูกค้าหลักของร้านออโรร่าจะไม่ได้เน้นผู้ซื้อแบบเก็งกำไรตามราคาทอง แต่จะเน้นผู้ซื้อเพื่อเป็นของขวัญตามโอกาส หรือซื้อเก็บเป็นทรัพย์สิน ทำให้จุดเน้นของร้านจะเป็นเรื่อง “งานดีไซน์” ปัจจุบันสินค้าสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.โมเดิร์น โกลด์ คือ เครื่องประดับทองรูปพรรณที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ 96.5% เช่น สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ ต่างหู

2.ดีไซน์ โกลด์ ผลิตภัณฑ์ทำจากทองคำรูปแบบอื่นๆ เช่น ทองคำแท่ง ของฝาก ของขวัญ สินค้าเสริมสิริมงคล พระเครื่อง

3.กลุ่มเครื่องประดับเพชร โดยออโรร่าเป็นพาร์ทเนอร์กับ De Beers ในการใช้เพชรแท้มีใบรับประกันเพชร

สร้อยข้อมือทองคำ

รวมถึงจุดแข็งอีกประการคือบริการหลังขาย “ออโรร่า แคร์” คือ มีการออกบัตรรับประกัน 3 ใบ ได้แก่ สินค้าเป็นทองคำแท้หรือเพชรแท้, สินค้ามีบริการหลังขาย ล้าง ซ่อม ต่อ ดูแลตลอดอายุการใช้งาน และ รับประกันจะรับซื้อคืนในราคาสูงสุด

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและเลือกซื้อสินค้าออโรร่า จนเมื่อปี 2564 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 10,000 ล้านบาท และไตรมาส 1 ปี 2565 ยังเติบโตได้ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พร้อมมีแผนขยายสาขารวม 30-40 สาขาในปีนี้ แม้เทรนด์การซื้อทองจะสะดุดเล็กน้อยหลังราคาทองพุ่งขึ้น เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ออโรร่า ซื้อทอง ร้านทอง
ต่างหูประดับเพชร

อย่างไรก็ตาม หากจะเติบโตให้ได้ในระยะยาว เพียงขยายสาขาเท่านั้นอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องเริ่มมองลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะที่อายุน้อยลง เพราะปัจจุบันลูกค้าหลักของออโรร่า 30-40% คือคนวัย 35-45 ปี และรองมา 30% คือวัย 45-60 ปี

บริษัทจึงทำงานทั้งสองทาง คือทั้งการดีไซน์สินค้าที่เข้ายุคสมัย และการทำแคมเปญการตลาด The New Way of Gift ในปีนี้

 

“ซื้อทอง” ยุคนี้ไม่ได้มีแค่ทองแท่ง สร้อย แหวน กำไล

อนิพัทย์อธิบายถึงพฤติกรรมลูกค้าจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ คนที่ชอบการสวมใส่เครื่องประดับทองอยู่แล้ว ก็จะสนใจกลุ่มสินค้าโมเดิร์น โกลด์ ซื้อเป็นเครื่องประดับสวมใส่ ซึ่งร้านมีการออกแบบรูปแบบใหม่ๆ ให้ทันสมัยเสมอ

ออโรร่า ซื้อทอง ร้านทอง
สร้อยหินปี่เซียะทองคำ สินค้านวัตกรรมทอง เจาะตลาดคนที่ไม่ใส่เครื่องประดับทองแบบเดิมๆ

แต่อีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มที่ปกติไม่สวมใส่เครื่องประดับทอง เมื่อร้านจะดึงดูดกลุ่มเหล่านี้ให้สนใจซื้อก็ต้องมีงานดีไซน์ “ทองนวัตกรรม” ในกลุ่มดีไซน์ โกลด์ มาในรูปแบบเสริมสิริมงคล เช่น สร้อยข้อมือมงคล ออกแบบร่วมกับหินมงคลหรือพลอย ซึ่งเข้ากับยุคสมัย ‘มูเตลู’ ในขณะนี้ หรือสินค้า พวงกุญแจประจำนักษัตร แต่ออกแบบเป็นลายการ์ตูนบนแผ่นทอง เหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น ไปจนถึงของฝากของขวัญ ร้านมีการออกแบบ ทองแผ่นรูปกิมตุ้ง ดูสวยงามเหมาะเป็นของขวัญมากกว่าทองแผ่นสี่เหลี่ยมธรรมดา

สินค้าเหล่านี้อนิพัทย์มองว่าจะตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ไม่ชอบสวมใส่ทองคำได้มากขึ้น

 

กระตุ้นแรงบันดาลใจ “ของขวัญที่มีค่า”

เมื่อมีสินค้าพร้อมแล้ว ปีนี้ออโรร่าจึงมีการทำแคมเปญ The New Way of Giftพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนเลือกซื้อ “ทองคำ” เป็นของขวัญของฝากตามโอกาส โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ปกติคนไทยมักจะซื้อทองตามวาระมงคลต่างๆ อยู่แล้ว เช่น วันเกิด วันแต่งงาน วันพ่อ วันแม่ รับขวัญทารกเกิดใหม่ เลื่อนขั้น รับปริญญา ฯลฯ แต่จะเห็นได้ว่า โฆษณาชุดนี้เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ไม่ลืมคุณค่าว่าทำไมคนไทย/จีนมักซื้อทองเป็นของขวัญ เพราะทองคือสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว สามารถเก็บเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อไปได้นั่นเอง

นอกจากนี้ ออโรร่ายังสร้าง “ร้านห่อของขวัญ” Pop-up Store ขึ้น 2 แห่ง ที่ สยามสแควร์ซอย 9 (วันที่ 6-7 สิงหาคม 2565) และที่ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (วันที่ 19-21 สิงหาคม 2565) สโตร์แห่งนี้รับ “ห่อของขวัญฟรี” ด้วยลายกระดาษห่อออโรร่า ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อของขวัญใดมา แต่ที่ร้านก็จะมีสินค้าของออโรร่าจัดแสดงและจำหน่ายด้วยเช่นกัน

Pop-up Store ของออโรร่าที่รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

อนิพัทย์กล่าวว่าลูกค้าให้การตอบรับดี เป็นไปตามเป้าที่แบรนด์ต้องการให้คนรู้จักและนึกถึงการซื้อทองเป็นของขวัญมากขึ้น โดยเฉพาะที่รพ.พริ้นซ์ฯ ตอบโจทย์มากเพราะที่นี่จะมีลูกค้าซื้อของขวัญมารับขวัญลูกหลานที่เพิ่งเกิดใหม่ หรือซื้อฝากให้กับคุณหมอที่ดูแลกันอยู่เสมอ

ปีนี้ออโรร่า Pop-up Store จะเปิดสาขาใหม่เรื่อยๆ แต่ขณะนี้ยังไม่เปิดไลน์อัปว่าจะมีที่ใดบ้าง

ห้างเพชรทองออโรร่าภายใต้การบริหารของรุ่น 3 จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ ล่าสุดออโรร่าได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อเปิด IPO เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้จะเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร็วๆ นี้

]]>
1398273
กระเป๋า Louis Vuitton ยอดขายพุ่ง นักช้อปเอเชียเริ่มกลับมาซื้อเครื่องประดับหรูมากขึ้น https://positioningmag.com/1356627 Thu, 14 Oct 2021 12:02:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356627 สินค้าเเบรนด์เนมไฮเอนด์ขายดีต่อเนื่อง ความนิยมกระเป๋า ‘Louis Vuitton’ พุ่ง หลังคลายล็อกดาวน์ ขณะที่นักช้อปชาวเอเชีย ก็เริ่มกลับมาซื้อเครื่องประดับสุดหรูมากขึ้นเรื่อยๆ 

LVMH ยักษ์ใหญ่ธุรกิจลักชัวรี ที่มีเเบรนด์ในเครือกว่า 70 เเบรนด์ เเถลงว่า ยอดขายสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงไตรมาสของปีนี้ หลังร้านค้ากลับมาเปิดทำการตามปกติได้อีกครั้ง

โดยสินค้าหมวดแฟชั่นและเครื่องหนัง รวมถึงกระเป๋า ซึ่งมีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมดในเครือ LVMH มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 24% จากพลังความนิยมของเเบรนด์ Louis Vuitton และ Dior

LVMH มั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทในปัจจุบัน จะดำเนินต่อไปตามเเนวโน้มการเติบโตโดยรวมของอุตสาหกรรมที่ยังคงเป็นไปในทางที่ดี ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดค่อยๆ คลี่คลายลง

เเบรนด์หรูต่างๆ ฟื้นตัวกลับมาได้รวดเร็วจากวิกฤตโควิด เเม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเเละการเดินทางต่างประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ ระบุว่า ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อาจหยุดชะงักในตลาดใหญ่ๆ อย่างจีน เเละการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ รวมไปถึงนโยบายความรุ่งเรืองร่วมกัน” หรือ Common Prosperity ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างคนรวยเเละคนจน จัดระเบียบธุรกิจเพื่อกระจายรายได้ซึ่งอาจกระทบถึงการใช้สินค้าหรูหราด้วย

เเต่ทาง LVMH มองว่านโยบายใหม่ของจีนนี้ ไม่ได้ส่งผลเสียต่อชนชั้นกลางระดับบนที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเเบรนด์ในจีนมากนัก

Jean-Jacques Guiony ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของ LVMH ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีนี้ว่า อาจเป็นผลดีต่อยอดขายด้วยซ้ำ เเละเราไม่ได้กังวลอะไรเป็นพิเศษ

Louis Vuitton เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ภาพเมื่อเดือนมี.ค. 2019 (Photo : Shutterstock)

ตลาดเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่น นับเป็นภูมิภาคที่ทำเงินมากใหญ่ที่สุดให้เเบรนด์ในเครือ LVMH คิดเป็นกว่า 36% ของยอดขาย (ณ สิ้นเดือนกันยายน) ส่วนตลาดสหรัฐฯ ครองอันดับ 2 โดยมีสัดส่วนทำให้รายได้ราว 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด

ส่วนตลาดตลาดยุโรป ถือว่ามีการฟื้นตัวที่ดีมาก ในช่วงไตรมาสที่ 3 จากการเที่ยวในประเทศในช่วงฤดูร้อน แม้จะไม่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชียไปช้อปปิ้งก็ตาม

โดยแผนกแฟชั่นและเครื่องหนัง เติบโตขึ้นกว่า 38% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 3 หลังจากเติบโต 40% ในไตรมาสก่อนหน้า

ส่วนสินค้าประเภทนาฬิกาและเครื่องประดับ ซึ่งรวมถึงเเบรนด์ดังอย่าง tiffany & co.ในตลาดเอเชียนั้น อ่อนตัวลงมาในช่วงเดือนมการาคมสิงหาคม จากข้อจำกัดโรคระบาด แต่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ในเดือนกันยายนเป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นว่าชาวเอเชียกระเป๋าหนัก เริ่มกลับมาช้อปปิ้งหลังผ่อนคลายมาตรการโควิด-19

ทั้งนี้ ยอดขายโดยรวมในเครือ LVMH เพิ่มขึ้น 20% เป็น 17,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 3 (ณ สิ้นเดือนกันยายน)

 

ที่มา : Bloomberg , livemint 

 

]]>
1356627
“ยูบิลลี่” ขายเพชรช่วงโควิดยังมีกำไร! คนลงทุนเพชรเพิ่ม คอลเลกชันมุ้งมิ้งช่วยดันยอด https://positioningmag.com/1322051 Fri, 05 Mar 2021 07:38:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322051 “ยูบิลลี่” บริษัทเครื่องประดับเพชรของไทย รายงานผลประกอบการปี 2563 รายได้ลดลง -5% แต่กำไรสุทธิยังโตเล็กน้อย +1.8% หลังจากช่วงครึ่งปีหลังตลาดฟื้นตัว และคาดว่าจะโตต่อเนื่องถึงปีนี้ ทำให้ตั้งเป้าปี 2564 โต 10% เน้นเร่งยอดขายสาขาเดิม กระตุ้นยอดออนไลน์ และใช้งาน collab กับแบรนด์พันธมิตรสร้างดีมานด์

อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการบริษัทปี 2563 ทำรายได้ 1,704 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน -5% แต่ทำกำไรสุทธิ 266.8 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 1.8% เทียบกับปีก่อนยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์

โดยช่วงปีที่ผ่านมา สถานการณ์ COVID-19 มีผลกับยูบิลลี่ในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจาก 130 สาขาหน้าร้านของบริษัทตั้งอยู่ในศูนย์การค้า มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐจึงมีผลให้ยูบิลลี่เหลือสาขาที่เปิดทำการได้เพียง 3 สาขาสแตนด์อะโลน คือ สีลม, สะพานเหล็ก และ จ.อยุธยา รายได้ช่วงไตรมาส 1-2 ปีก่อนจึงหดตัวลง

อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการปรับมาเปิดช่องทาง อีคอมเมิร์ซ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยพยุงยอดขายของบริษัทไว้ได้ โดยช่องทางนี้จะเหมาะกับผู้ซื้อเครื่องประดับราคาไม่สูง ซื้อเพื่อใส่ในชีวิตประจำวัน ในไตรมาส 2/63 บริษัทจึงรุกช่องทางออนไลน์ด้วยการใช้คอลเลกชันที่ collab กับคาแร็กเตอร์ LINE FRIENDS เป็นคอลเลกชันชูโรง ทั้งนี้ ตลอดทั้งปียอดขายของสาขาใหม่รวมกับช่องทางออนไลน์สามารถเติบโตได้ 3.7%

 

ปี’64 ตั้งเป้ากลับมาโต 10%

อัญรัตน์กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทเห็นสัญญาณการ “ฟื้นตัว” ในตลาดเครื่องประดับเพชรแล้ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSS) โตถึง 7% เทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าจะมีการระบาดระลอกสองของ COVID-19 ช่วงโค้งท้ายปีก็ตาม

ทำให้มองว่า กำลังซื้อปี 2564 น่าจะฟื้นตัวจากปีก่อน หลังจากบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว จากช่วงที่ถูกปิดสาขาเกือบทั้งหมดโดยไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก

สำหรับเป้าหมายของปี 2564 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน และเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% ทั้งนี้ ช่วงสองเดือนแรก บริษัทได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกสองบ้างในเดือนมกราคม แต่ยังเชื่อว่ารวมทั้งไตรมาส 1 จะยังเติบโตได้ตามเป้า เนื่องจากการจับจ่ายของผู้ซื้อกลับมาเร็วในเดือนกุมภาพันธ์

 

อัดขายออนไลน์ งาน collab กับพันธมิตร

ด้านกลยุทธ์เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย อัญรัตน์วางแนวทาง 5 ข้อหลักที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ คือ

1) ออกคอลเลกชันใหม่เพื่อเร่งการซื้อ โดยจะมีการวิจัยสินค้าให้แม่นยำก่อนวางตลาดเพื่อทำให้การขายทำได้เร็ว ไม่เหลือสต๊อกค้าง โดยยกตัวอย่างผลงานเมื่อปีก่อน บริษัทออกคอลเลกชัน “วันแม่” เดือนสิงหาคม 2563 เพื่อกระตุ้นการซื้อหาเป็นของขวัญ ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะสาขาต่างจังหวัด

คอลเลกชัน Mon Amour ต้อนรับวันแม่ 2563 หนึ่งในคอลเลกชันที่ขายดีและช่วยดันรายได้-กำไรครึ่งปีหลัง

2) ฟื้นโปรแกรม CRM กับลูกค้าเก่าให้เข้มแข็ง จากปัจจุบันยูบิลลี่มีฐานสมาชิก 1.8 แสนรายทั่วประเทศ กลุ่มนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อดึงให้เกิดการซื้อซ้ำ

3) เปิดสาขาใหม่ 3-5 สาขา เน้นทำเลศักยภาพที่ยูบิลลี่ยังไม่มีสาขาครอบคลุม โดยจะเริ่มเปิดช่วงครึ่งปีหลัง

4) ช่องทางออนไลน์ หลังจากปีก่อนเปิดเต็มรูปแบบ นำสินค้าทุกรายการขึ้นสู่แพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว ปีนี้จะเป็นการอัด Exclusive Deal บนช่องทางนี้โดยเฉพาะ คาดว่าสัดส่วนอีคอมเมิร์ซจะปรับขึ้นมาเป็น 5-6% ของรายได้รวม

คอลเลกชัน collab กับคาแร็กเตอร์ LINE FRIENDS เจาะกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น

5) พันธมิตรแบรนด์ เช่น งาน collab กับแบรนด์อื่น ยูบิลลี่มีพันธมิตรแล้ว 2 ราย คือ LINE และ Hello Kitty ปีนี้จะยังคงเป็นพันธมิตรต่อเนื่อง และมองหาพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ

ตลาดเพชรกำลังกลับมาฟื้นทั่วโลก ข้อมูลจาก International Diamond Exchange ระบุว่า ราคาเพชรเจียระไนเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ปรับขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาเพชรร่วงลงต่ำสุดเนื่องจากโรคระบาด แถมยังเป็นราคาที่ปรับขึ้นสูงยิ่งกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดด้วย คาดว่าเกิดจากความอัดอั้นของเศรษฐีที่ไม่ได้ออกเที่ยวต่างประเทศเหมือนเคย ทำให้มาลงทุนซื้อ “เพชร” จนขายดีเช่นเดียวกับสินค้าลักชัวรีอื่นๆ

]]>
1322051
‘Pandora’ ยืนยัน ‘จ่ายเงินเดือนเต็มจำนวน’ แม้ต้องปิดหน้าร้านเพราะ COVID-19 ระบาดรอบ 2 https://positioningmag.com/1305053 Sun, 08 Nov 2020 12:44:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305053 ‘แพนดอร่า (Pandora)’ แบรนด์เครื่องประดับประกาศชัดว่า ไม่มีแผนที่จะ ‘ปิดร้านถาวร’ แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอกสอง รวมถึงจะยังจ่ายเงินเดือนพนักงานเต็มจำนวน

Alexander Lacik ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า เขาตั้งใจที่จะจ่ายเงินให้พนักงานทั้งหมดเต็มจำนวนต่อไป แม้ในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีสาขาอีกประมาณ 18% ที่ยังต้องปิดตัวจากการระบาดระลอกสองที่ระบาดทั่วยุโรป ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คึกคักที่สุดช่วงหนึ่งของปี

โดยระบุว่าบริษัทสามารถ “ทนต่อยอดขายที่ลดลงอย่างมาก” ขนาดในช่วงที่เกิดการระบาดสูงจนต้องปิดหน้าร้านไปถึง 80% จากทั้งหมด 2,700 สาขาไปเมื่อช่วงต้นปีก็ยังผ่านมาได้

“แม้แต่พนักงาน 28,000 คนที่ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากร้านค้าถูกปิดโดยมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล แต่พวกเขาก็ได้รับเงินเต็มจำนวน”

Alexander Lacik ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแพนดอร่า (ภาพจาก jewellermagazine)

ส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทไม่เจ็บตัวหนักมากก็เพราะ ‘ออนไลน์’ โดยยอดขายจากฝั่งออนไลน์ของแพนดอร่าเติบโต 89% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี จนปัจจุบันคิดเป็น 21% ของยอดขาย 648 ล้านดอลลาร์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม แม้ออนไลน์จะเติบโตมาก แต่ Lacik มองว่าหน้าร้านยังคงเป็นส่วน ‘สำคัญ’ ของบริษัท เนื่องจากผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ที่ ‘ไร้รอยต่อ’ ระหว่างออนไลน์และออฟไลน์

“พวกเขาเริ่มมองหาสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นไปที่ร้านเพื่อขอคำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อทั้งในร้านค้าหรือทางออนไลน์ ไม่ว่าพวกเขาจะซื้อแหวนกำไลหรือต่างหู ลูกค้ายังอยากเห็นอยากสัมผัส ซึ่งผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตอนนี้ แสดงว่าพวกเขาทำได้ดีในการผสานรวมทั้งหมดนี้” เขากล่าว

โดยเฉลี่ยแล้ว แพนดอร่าสามารถขายสินค้าได้ 1 ชิ้นทุก ๆ 3 วินาที โดยจุดเด่นอยู่ที่สร้อยข้อมือที่ให้ลูกค้าเลือกสัญลักษณ์ต่าง ๆ เพื่อปรับแต่งชิ้นส่วนของตน อย่างที่ผ่านมาแบรนด์ได้ร่วมกับภาพยนตร์ดัง ๆ ในการทำคอลเลกชั่นพิเศษ เช่น Harry Potter และ Star Wars เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของเครื่องประดับ แต่ “จะไม่มีวันเป็นหัวใจหลักของแพนดอร่า

ทั้งนี้ เหล่านักวิเคราะห์ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ช่วยให้การเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่ง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายของแพนดอร่าลดลงเพียง 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ราว 1.8 พันล้านดอลลาร์

Source

]]>
1305053
เริ่มแล้ว! Tiffany ระบุแหล่งที่มาเพชรทุกเม็ด หลีกเลี่ยงมีส่วนในอาชญากรรม “เพชรสีเลือด” https://positioningmag.com/1293570 Thu, 20 Aug 2020 11:41:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1293570 Tiffany & Co. ประกาศเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทได้เริ่มกระบวนการให้ใบรับรองเพชรทุกชิ้นของบริษัทว่ามีแหล่งกำเนิดและแหล่งเจียระไนเพชรที่ใดบ้าง เพื่อแสดงความโปร่งใส่ว่าบริษัทใส่ใจต่อการรับผิดชอบสังคม ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในวังวนอาชญากรรม “เพชรสีเลือด” สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจประเด็นดังกล่าว

บริษัท Tiffany & Co. ร้านเพชรที่ก่อตั้งมายาวนาน 183 ปี ประกาศว่า บริษัทจะเริ่มให้ใบรับรองเพชรกับเครื่องประดับที่มีเพชรขนาด 0.18 กะรัตขึ้นไปเป็นส่วนประกอบ โดยจะรับรองว่าเป็นเพชรที่ขุดได้จากเหมืองแห่งใด ประเทศไหน รวมไปถึงเจียระไนที่ใด สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

บริษัทจะเริ่มต้นให้ใบรับรองเดือนตุลาคมนี้ และประกาศว่าตนเป็นบริษัทแรกที่สามารถระบุที่มาของเพชรทุกเม็ดได้สำเร็จ

นโยบายของ Tiffany นั้นเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เมื่อกลุ่ม Kimberly Process ก่อตั้งขึ้น กลุ่มนี้เป็นกลุ่มรณรงค์ต่อต้านและหยุดยั้งการค้า “เพชรสีเลือด” หรือเพชรแห่งความขัดแย้ง ซึ่งหมายถึงเพชรที่ตกไปอยู่ในมือพ่อค้าสงคราม ใช้แทนเงินในการซื้อขายแลกเปลี่ยนอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธที่ใช้ในสงครามกลางเมืองแถบทวีปแอฟริกา เช่น ไอวอรีโคสต์, คองโก, เซียร์รา ลีโอน ฯลฯ นำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายของประชาชน

เมื่อผู้บริโภครับทราบความโหดร้ายที่พ่วงมากับอุตสาหกรรมเพชร ทำให้มีการเรียกร้องให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเพชรช่วยกันรับผิดชอบ ไม่ซื้อเพชรสีเลือดเหล่านี้มาใช้ผลิตสินค้า

ผู้บริโภคบางกลุ่มหันไปใช้ “เพชรเลี้ยง” ที่สร้างขึ้นในห้องวิจัยแทนที่เพชรขุุดจากธรรมชาติ เพื่อความมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ส่งเสริมความโหดร้ายของสงครามอยู่ (แถมยังราคาถูกกว่าเพชรขุดประมาณ 50%) โดยมีผลวิจัยจาก MVI Industries เมื่อปี 2561 พบว่า คนเจนเนอเรชันวาย 70% มีแนวโน้มพิจารณาเลือกใช้แหวนเพชรเลี้ยงแทนเพชรขุด เมื่อจะซื้อแหวนหมั้นให้กับเจ้าสาว

สำหรับยอดขายแหวนหมั้นประดับเพชรของ Tiffany & Co. ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ตกลงถึง -97% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยลดจาก 280.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 142.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดขายรวมทั้งบริษัทลดลง -45% จากปีก่อนทำได้กว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 555.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป็นผลจากการล็อกดาวน์ช่วง COVID-19 ทำให้หลายคนเลื่อนการขอหมั้นและแต่งงานออกไปก่อน

Source

]]>
1293570
LVMH ฮุบ Tiffany ปิดดีล 4.9 แสนล้านบาท ปักธงบุกตลาดเจ้าสาว https://positioningmag.com/1254795 Mon, 25 Nov 2019 15:41:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254795 LVMH เจ้าของแบรนด์หรูทั้ง Bulgari และ Louis Vuitton บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท Tiffany & Co. ในราคา 135 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น รวมเป็น 16,300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 492,707 ล้านบาท

ราคานี้สูงขึ้นกว่าข่าวลือรอบแรกที่ระบุว่า LVMH เริ่มเจรจาดีลตั้งแต่เดือนตุลาคมในราคา 11,900 ล้านเหรียญ คาดว่าทั้งคู่จะประกาศดีลอย่างเป็นทางการวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐฯ

ข่าวนี้ทำให้หุ้นของ Tiffany ราคาพุ่งขึ้นทันที แม้จะยังไม่สูงเท่าที่เคยทำสถิติสูงสุด 140 เหรียญในช่วงกลางปีที่แล้ว แต่มูลค่าหุ้นของต้นสังกัดแบรนด์เครื่องประดับหรูจากนิวยอร์กกำลังตีตื้นจากที่ปิดตลาดในวันศุกร์ด้วยราคา 125.51 เหรียญ ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าจะก้าวกระโดดยิ่งขึ้นอีกเพราะเม็ดเงินเสนอซื้อกิจการที่มากขึ้น

เหตุที่ทำให้ LVMH ยอมเทเงินมากขึ้นหลายพันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อให้ได้ Tiffany มาครอง คือจิวเวลรี่ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสินค้าหรูหราที่มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งที่สุดในปี 2018 ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา Bain & Co ชี้ว่าตลาดสินค้ากลุ่มจิวเวลรี่ทั่วโลกนั้นมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และจะเติบโตมากกว่า 7% ในปีนี้

กู้วิกฤติ Tiffany รัศมีหด

Tiffany เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กปี 1837 ก่อนจะโด่งดังเต็มที่หลังจากมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ปี 1961 เรื่อง “Breakfast at Tiffany’s” แต่ Tiffany ถูกมองว่าต้องดิ้นรนเต็มที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะยอดขายและกำไรต่อปีที่ลดลงตั้งแต่ปี 2015 ก่อนที่จะเริ่มกลับมาฟอร์มดีในช่วง 2 ปีที่แล้ว (ปี 2017)

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ Tiffany เริ่มหายใจคล่องขึ้นคือการพยายามขยายธุรกิจสู่ประเทศจีน แต่บริษัทก็ยังต้องปวดหัวกับปัญหายอดขายลดลงในสหรัฐอเมริกา ยิ่งเมื่อมีปัจจัยอื่นอย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน Tiffany ก็เป็นอีกบริษัทที่รับผลกระทบเต็มตัวจนยอดขายในเอเชียหดหายชัดเจน

แต่ Tiffany มีตลาดที่ LVMH เข้าไม่ถึงเต็มที่ ที่ผ่านมา LVMH มีแบรนด์แฟชั่นและเครื่องหนังในมือ ขณะเดียวกันก็มีแบรนด์น้ำหอม เครื่องสำอาง ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น่าเสียดายที่แบรนด์จิวเวลรี่ของ LVMH ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

ขนหน้าแข้งไม่ร่วง

สำหรับ LVMH หรือ Moët Hennessy Louis Vuitton เป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่มีรายรับต่อปีประมาณ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) ส่วนใหญ่ของรายได้นี้มาจากแบรนด์แฟชันและเครื่องหนังในเครืออย่าง Louis Vuitton และ Dom Perignon ทำให้การซื้อ Tiffany ถูกฟันธงว่าจะทำให้ LVMH เข้าถึงตลาดเจ้าสาว และสาวกเครื่องเพชรได้ดีขึ้น

กลุ่มเป้าหมายใหม่จะขยายฐานให้ LVMH มีลูกค้าไฮโซในตลาดสหรัฐอเมริกามากขึ้น เบื้องต้นรายงานระบุว่า LVMH วางแผนที่จะไม่รวมแบรนด์ โดยปล่อยให้ Bulgari และ Tiffany แยกกันทำตลาดต่อไปหลังจากดีลนี้บรรลุผล เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ LVMH มีแรงสู้กับ 2 คู่แข่งหลักทั้ง Kering เจ้าของแบรนด์ Gucci และบริษัท Richemont ของสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Cartier ที่ต่างลงลึกมากขึ้นในตลาดไฮเอนด์จิวเวลรี่เหมือนนัดกันมา

ทั้งหมดนี้ต้องปรบมือให้ Financial Times ที่รายงานว่า LVMH และ Tiffany บรรลุข้อตกลงบันลือโลกได้เป็นสำนักข่าวแรก เรียกว่าอีกนิดเดียวก็จะถึงหลัก 5 แสนล้านบาทแล้ว.

]]>
1254795
ของมันต้องมี! Pandora x Harry Potter คอลเลกชั่นใหม่ เขย่าหัวใจสาวกเเฮร์รี่ พอตเตอร์ https://positioningmag.com/1254522 Fri, 22 Nov 2019 11:49:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254522 Pandora x Harry Potter มาเเล้ว เครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่ เขย่าหัวใจเเฟนคลับโลกเวทมนตร์ วางขายพร้อมกันทั่วโลก 28 พ.ย.นี้ มาดูกันว่าน่ารักขนาดไหน มีอะไรบ้าง…

กระเเสยังไม่เคยห่างหาย เเม้วรรณกรรมเยาวชนระดับตำนานเเละหนังภาคต่อสุตฮิตครองใจผู้คนทั่วโลกอย่าง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” (Harry Potter) จะออกฉายมายาวนานหลายปี

ล่าสุดกับความตั้งใจบุกตลาดวัยทีนของ “แพนดอร่า” (Pandora) แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติเดนมาร์กที่มีชื่อเสียงด้านการทำเครื่องเงินเเฮนด์เมดที่มีการดีไซน์เฉพาะตัวในราคาที่จับต้องได้ หลังประกาศข่าวใหญ่ว่าจะทำคอลเลกชั่นเครื่องประดับพิเศษร่วมกับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เมื่อช่วงเดือนสิ่งหาคมที่ผ่านมา เเละในวันนี้ก็พร้อมออกขายเอาใจแฟนคลับเเล้ว

คอลเลกชั่นนี้มีชื่อว่า Pandora x Harry Potter ประกอบด้วยชุดเครื่องประดับ 12 ชิ้น โดยนำเอาตัวละครในแฮร์รี่ พอตเตอร์มาดีไซน์เป็นเครื่องประดับรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้นำเอาสไตล์การออกเเบบของญี่ปุ่นอย่าง “จิบิ” (Chibi) การย่อส่วนให้เล็กลงเเต่น่ารักมากขึ้นมาใช้ อย่างใน ชาร์ม จี้ห้อย กำไลข้อมือ โดยส่วนของชาร์มนั้น เป็นรูปของแฮร์รี่ พอตเตอร์, เฮอร์ไมโอนี่, รอน วิสลีย์, ด็อบบี้ เเละชาร์มรูปรถไฟฮอกวอร์ตส์เอ็กซ์เพรส ที่มีป้ายแพลตฟอร์ม 9 3/4 ประทับอยู่

ได้ใจสาวกเวทมนตร์ไปอีกกับจี้รูปตราสัญลักษณ์บ้านต่างๆ ในโรงเรียนฮอกวอร์ตส์ ทั้ง กริฟฟินดอร์, ฮัฟเฟิลพัฟ, เรเวนคลอ และสลิธีริน เเถมด้านหลังของจี้ยังมีประโยคสลักไว้ด้วย เพื่อบอกถึงปรัชญาของแต่ละบ้าน

บ้านสลิธีริน ความเป็นผู้นำ ฉลาดแกมโกง มีความเด็ดขาด
บ้านกริฟฟินดอร์ ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ มีไหวพริบ ชอบความท้าทาย

ส่วนใครอยากได้ ลูกสนิชหรือโกลเดนสนิช ในการแข่งขันควิดดิช มาไว้ครอบครองก็สมใจเเน่นอน เพราะใน
คอลเลกชั่นนี้จะมาอยู่ในจี้และกำไลข้อมือ โดยที่ตัวกำไลข้อมือมีประโยค I Open at the Close สลักอยู่ด้วย

อดใจไม่ไหวเเล้วสิ Pandora x Harry Potter จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและวางขายที่ช็อปของแพนดอร่า 55 สาขาทั่วโลก พร้อมผ่านทางเว็บไซต์ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้

Stephen Fairchild หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์เเละเเบรนด์ของเเพนดอร่า บอกว่า “เครื่องประดับคอลเล็คชั่นนี้จะสื่อถึงเรื่องราวของชีวิต มิตรภาพความรักเเละความกล้าหาญที่ได้บอกเล่าในเเฮร์รี่ พอตเตอร์ ส่งไปยังเหล่าเเฟนๆ ของเเพนดอร่า เราตื่นเต้นมากที่จะได้นำคอลเลกชั่นนี้ไปมอบให้ผู้คนทั่วโลก”

โดยก่อนหน้านี้ เเพนดอร่าเคยทำคอลเลกชั่นกับ The Lion King, Aladdin, Little Mermaid เเละ Frozen ได้รับกระเเสตอบรับอย่างล้นหลามจากเเฟนการ์ตูนดิสนีย์

Photo : Pandora

Source

]]>
1254522