เซ็นทารา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 14 Mar 2024 11:14:08 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เซ็นทารา” วางงบลงทุนกว่า 5,600 ล้านบาท ทุ่มสร้าง 2 โรงแรมใน “มัลดีฟส์” – รีโนเวตใหญ่ “พัทยา” https://positioningmag.com/1466111 Wed, 13 Mar 2024 08:50:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1466111
  • “เซ็นทารา” ธุรกิจโรงแรมภายใต้ CENTEL ประกาศรายได้ปี 2566 เติบโตกว่า 50% พลิกทำกำไรหลังผ่านโควิด-19 ได้สำเร็จ
  • ปี 2567 วางงบลงทุนโรงแรมกว่า 5,600 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรม 2 แห่งใน “มัลดีฟส์” และรีโนเวตใหญ่ใน “พัทยา” และ “หาดกะรน จ.ภูเก็ต”
  • เตรียมเปิดบริการโรงแรมทั้งหมด 6 แห่ง ในมัลดีฟส์, สปป.ลาว และประเทศไทย ตั้งเป้าปีนี้รายได้โตต่อ 15%
  • “ธีระยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CENTEL ร่วมกันแถลงผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ถือเป็น “ปีแห่งการฟื้นตัว” ของ “เซ็นทารา”

    ปีที่แล้วธุรกิจโรงแรมในเครือเซ็นทาราทำรายได้รวม 10,900 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) เติบโตกว่า 50% จากปี 2565 และกลับมาทำกำไรได้สำเร็จโดยมีกำไรสุทธิกว่า 760 ล้านบาท หลังจากธุรกิจโรงแรมขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ขึ้น

    เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า โรงแรมใหม่ที่เปิดบริการในปี 2566

    ความเคลื่อนไหวสำคัญเมื่อปี 2566 เครือเซ็นทารามีการเปิดบริการ “เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า” เป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือในประเทศญี่ปุ่น และทำการรีแบรนด์โรงแรมระดับ 3 ดาวของเครือจากเซ็นทรา บาย เซ็นทาราเป็น “เซ็นทารา ไลฟ์” เพื่อให้แบรนด์ดูเด็กลงและทันสมัยมากขึ้น

     

    ปี 2567 ทุ่มทุนกว่า 5,600 ล้านก่อสร้างโรงแรมใหม่-รีโนเวตแห่งเดิม

    ด้านงบการลงทุน (CAPEX) ของปี 2567 เฉพาะส่วนธุรกิจโรงแรมเซ็นทาราวางงบไว้กว่า 5,600 ล้านบาท โดยมีโครงการใช้งบลงทุน ดังนี้

    • ก่อสร้างโรงแรมใหม่ 2 แห่ง คือ “เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์” จำนวน 145 ห้อง และ “เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” จำนวน 142 ห้อง
    • รีโนเวตใหญ่โรงแรม “เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา” จำนวน 553 ห้อง
    • รีโนเวตใหญ่โรงแรม “เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต” จำนวน 335 ห้อง
    • ค่าเช่าที่ดินโรงแรม “เซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน” ที่ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
    • งบปรับปรุงซ่อมแซมโรงแรมอื่นๆ ตามรอบ
    เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา เตรียมรีโนเวตใหญ่ในปี 2567

    กันย์ ซีเอฟโอของ CENTEL กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนระยะยาว 3 ปี (2567-69) ของ หรือ CENTEL รวมทั้งฝั่งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร วางงบไว้ว่าจะมีการลงทุนรวมระหว่าง 13,000-20,000 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มโรงแรมปีนี้มีการลงทุนใหญ่ในมัลดีฟส์ และจะเริ่มการลงทุนรีโนเวตใหญ่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน ใน 2 ปีข้างหน้า

    ธีระยุทธ์เสริมว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ทเนอร์ร่วมทุนเพื่อลงทุนขยายเฟส 2 ของโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ อีก 200 ห้อง รวมถึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะก่อสร้างโรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ หัวหินในที่ดินที่ได้ต่อสัญญาเช่ากับ ร.ฟ.ท. หากแผนเหล่านี้เป็นไปตามเป้าจะทำให้งบลงทุนใน 3 ปีของ CENTEL ขึ้นไปแตะ 20,000 ล้านบาทได้

    (ซ้าย) “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ CENTEL และ (ขวา) “ธีระยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา

     

    พร้อมเปิดบริการใหม่ 6 แห่งในปีนี้ ตั้งเป้าโต 15%

    ด้านโรงแรมใหม่ที่จะก่อสร้างเสร็จและพร้อมให้บริการของเซ็นทาราในปี 2567 มีทั้งหมด 6 แห่ง ดังนี้

    1. เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์ จำนวน 145 ห้อง
    2. เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย จำนวน 40 ห้อง
    3. เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี จำนวน 110 ห้อง
    4. เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี จำนวน 40 ห้อง
    5. เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ
    6. โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ

    ธุรกิจโรงแรมเซ็นทาราปี 2567 วางเป้ารายได้ไว้ที่ 12,500 ล้านบาท​ (รวมโครงการร่วมทุน) เติบโตประมาณ 14-15% จากปีก่อนหน้า

    เซ็นทารา
    โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ พร้อมเปิดบริการวันที่ 25 มีนาคม 2567

    กันย์กล่าวว่า เป้าหมายบริษัทปีนี้ไม่เน้นการเพิ่มอัตราเข้าพัก (Occupancy Rate) มากนัก โดยวางเป้าไว้ที่ 70-73% แต่จะเน้นการเพิ่มอัตราราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของทั้งพอร์ต จากปีก่อนอยู่ที่ 5,100 บาทต่อวัน ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,500-6,000 บาทต่อวัน เพราะเซ็นทาราต้องการมุ่งเน้นลูกค้าในระดับกลางบนถึงไฮเอนด์มากขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวขณะนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าท่องเที่ยวเองมากกว่ากรุ๊ปทัวร์

    “ปีนี้ประเทศไทยตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวแตะ 35 ล้านคน ซึ่ง 2 เดือนแรกมีเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านคน เทรนด์ในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต เกาะสมุย กระบี่ ถือว่าดีมากๆ อาจจะต้องรอลุ้นปลายปีในช่วงไตรมาส 4 ว่าจะดึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นหรือไม่” ธีระยุทธ์มองภาพธุรกิจท่องเที่ยวของปีนี้ “ดูไบและโอซาก้าก็ไปได้ดี ส่วนมัลดีฟส์ต้องรอลุ้นการเปิดสนามบินเฟสใหม่ที่จะทำให้มัลดีฟส์รับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 7 ล้านคน คาดว่าปลายปีนี้อาจจะเริ่มเปิดใช้บริการ”

     

    คาดขึ้น “Top 100” เมื่อเปิดครบในไปป์ไลน์

    ณ สิ้นปี 2566 เครือเซ็นทารามีโรงแรมที่เปิดบริการแล้ว 51 แห่ง รวมกว่า 11,600 ห้อง และมีโรงแรมอยู่ในไปป์ไลน์ (ระหว่างก่อสร้างหรือเซ็นสัญญาแล้ว) 44 แห่ง รวมกว่า 9,800 ห้อง ทำให้ในพอร์ตโฟลิโอขณะนี้เครือเซ็นทารามีโรงแรมในมืออยู่ 95 แห่ง รวมมากกว่า 21,000 ห้อง

    กันย์กล่าวต่อว่า เมื่อเปิดบริการโรงแรมครบ 95 แห่งในอนาคต เชื่อว่าจะทำให้เครือเซ็นทาราขึ้นไปติด “Top 100” เชนโรงแรมชั้นนำระดับโลกได้ จากปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 111

    ทั้งนี้ เซ็นทารายังมีเป้าหมายการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มอีก 10-15 แห่ง ทั้งในไทย เวียดนาม และตลาดใหม่ๆ ที่ต้องการจะเปิดตลาด เช่น ยุโรป แอฟริกา

    สำหรับเป้าหมายรายได้รวมของ CENTEL ปี 2567 รวมทั้งฝั่งโรงแรมและฝั่งร้านอาหาร กันย์ระบุว่าบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 29,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 15% จากปีก่อนหน้า

    ]]>
    1466111
    เปิดครบ! “มิกซ์ยูส” แห่งแรกของ CPN ที่ “โคราช” เดินหน้าต่อตามแผนที่ อุบล-อยุธยา-ระยอง https://positioningmag.com/1400081 Wed, 14 Sep 2022 03:58:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400081 “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) เปิดตัว “มิกซ์ยูส” แห่งแรกอย่างเป็นทางการที่ “โคราช” มีครบทั้งศูนย์การค้า คอนโดฯ และโรงแรม พร้อมผลักดันการเป็น MICE City อีก 3 แห่งต่อไปกำลังก่อสร้างโรงแรมที่อุบลราชธานี อยุธยา และระยอง พร้อมอัปเดตสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมในพอร์ต “เซ็นทารา” คาดไตรมาส 4 นี้อัตราเข้าพักเฉลี่ยขึ้นไปแตะ 60%

    ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการ “มิกซ์ยูส” ของ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แห่งแรกที่มีครบตามแผนคือ “นครราชสีมา” โดยต่อจิ๊กซอว์ครบเมื่อ “โรงแรมเซ็นทารา โคราช” แกรนด์โอเพนนิ่งเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ทำให้มิกซ์ยูสบริเวณนี้มีครบทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช คอนโดมิเนียม Escent โคราช และโรงแรม มูลค่ารวมทั้งหมด 10,000 ล้านบาท

    “สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ” Head of Hotel Development บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวถึงวิสัยทัศน์การเลือกเปิดโรงแรมใหม่ในโคราชและทำให้เกิดมิกซ์ยูสแห่งแรกของ CPN ว่า เนื่องจากโคราชเป็น 1 ใน 7 เมือง MICE City ที่ได้รับการส่งเสริม และมีโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมที่กำลังก่อสร้างทั้งมอเตอร์เวย์และรถไฟความเร็วสูง ทำให้เมืองนี้มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการจัดอีเวนต์ระดับภูมิภาค

    มิกซ์ยูส CPN โคราช
    Rooftop Pool บนเซ็นทารา โคราช ชั้น 20

    เซ็นทรัลพัฒนาจึงมีโปรเจ็กต์ที่สอดคล้องโดยการจัดพื้นที่หอประชุมขนาดกว่า 3,200 ตร.ม.ในเซ็นทรัล โคราช และห้องประชุมในโรงแรมเซ็นทารา โคราชอีกกว่า 1,000 ตร.ม. ทำให้มีพื้นที่จัดอีเวนต์ขนาดใหญ่ได้ ที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดซอฟต์โอเพนนิ่งโรงแรมมาเกือบ 1 เดือน มีอีเวนต์งานสัมมนาต่อเนื่องทุกสัปดาห์โดยแต่ละงานมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 300 คน

    “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” Head of Marketing บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวต่อว่า หลังจากนี้บริษัทจะร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEP) เพื่อดึงงานอีเวนต์เข้ามาในโคราชให้มากขึ้น โดยเชื่อว่าพื้นที่ของเซ็นทรัลพัฒนาจะตอบโจทย์ได้ดีเพราะมีที่พักกับสถานที่จัดประชุมในบริเวณเดียวกัน และเป็นโรงแรมในระดับมาตรฐานสากล

     

    ไปต่อตามแผนอีก 3 จังหวัดที่กำลังก่อสร้าง

    สำหรับโปรเจ็กต์ถัดไปของแผนมิกซ์ยูส CPN “ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ระบุว่ายังเป็นไปตามแผน คือการสร้างโรงแรมประกบในโครงการศูนย์การค้าและคอนโดฯ ในเครือ ที่เริ่มก่อสร้างแล้วและมีกำหนดการเปิด ดังนี้

    • เซ็นทารา อุบลราชธานี เปิดตัวกลางเดือนธันวาคม 2565 โดยจะเป็นโรงแรมแบบโลว์ไรส์ จำนวนห้องพัก 180 ห้อง
    • เซ็นทารา อยุธยา เปิดตัวปี 2566
    • เซ็นทารา วัน ระยอง เปิดตัวปี 2566

    นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคมนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดแผนโครงการโรงแรมระดับพรีเมียมแมส Go! Hotel แห่งแรกได้ว่าจะปักหมุดทำเลแรกที่ไหน (อ่านรายละเอียดแผน 5 ปีสร้างมิกซ์ยูส 37 แห่งของ CPN ได้ที่นี่)

    (จากซ้าย) “ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, “ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา” Head of Marketing บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, “สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ” Head of Hotel Development บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, “ธีรยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา

     

    ธุรกิจ “โรงแรม” กำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง

    ปิดท้ายสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมกับ “ธีรยุทธ์ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ซึ่งปัจจุบันบริหารโรงแรมอยู่ 49 แห่ง รวมกว่า 10,000 ห้องพัก ใน 6 ประเทศ

    เทรนด์การฟื้นตัวของโรงแรมเครือเซ็นทาราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อไตรมาส 2 ปีนี้อัตราเข้าพักอยู่ที่ 50% ขยับมาในไตรมาส 3 บริษัทคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 53% และในไตรมาส 4 เชื่อว่าจะขึ้นไปถึง 60% โดยมีโรงแรมที่คึกคักโดดเด่นในช่วงนี้คือโรงแรมในกรุงเทพฯ และดูไบ ส่วนมัลดีฟส์ที่เคยมาแรง ขณะนี้อยู่ในช่วงโลว์ซีซันทำให้อัตราเข้าพักอาจจะลดต่ำลงบ้าง

    โดยสรุปแล้วรวมทั้งปี 2565 อัตราเข้าพักคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 50% อย่างไรก็ตาม ถือว่ายังไม่ฟื้นตัวได้เท่ากับปี 2562 ก่อนเกิดโรคระบาด ซึ่งมีอัตราเข้าพักที่ดีกว่านี้ราว 20-30%

    ธีรยุทธ์วิเคราะห์สถานการณ์ว่าขณะนี้ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มเป็นบวกจากการเปิดประเทศ และโรค COVID-19 เริ่มกลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ปัจจัยลบก็มีเช่นกัน จากปัจจัยด้านเงินเฟ้อทำให้ค่าใช้จ่ายสูง และสายการบินยังระมัดระวังการเปิดเที่ยวบินเพิ่ม ทำให้ตัวเลือกการเดินทางของนักท่องเที่ยวมีน้อยกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด มีผลต่อเนื่องถึงปริมาณแขกที่เข้าพักในโรงแรม

    ]]>
    1400081
    CPN ลุยสร้าง “โรงแรม” ประกบศูนย์การค้า 37 แห่ง เปิดแบรนด์ใหม่ “Centara One – Go! Hotel” https://positioningmag.com/1388312 Thu, 09 Jun 2022 10:10:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388312
  • “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) กางแผนลุยธุรกิจ “โรงแรม” เต็มตัว จากเดิมมีเพียง 2 แห่งในพอร์ต อีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มอีก 37 แห่ง รวม 4,000 ห้อง ใน 27 จังหวัด มูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท
  • ทั้งหมดจะประกบกับ “ศูนย์การค้า” ทั้งเซ็นทรัล-โรบินสัน ตามแผนงาน “มิกซ์ยูส” และจะทำให้พอร์ตโรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 10% ของบริษัท
  • ผนึก “เซ็นทารา” เข้ามาบริหาร 3 แบรนด์ ได้แก่ Centara, Centara One และ Go! Hotel สำหรับสองแบรนด์หลังคือแบรนด์ใหม่ “เอ๊กซ์คลูซีฟ” ให้กับเซ็นทรัลพัฒนาเท่านั้น เจาะตลาดโรงแรมระดับกลางและพรีเมียมแมส
  • ปัจจุบัน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) มีโรงแรมเพียง 2 แห่งในพอร์ต คือ โรงแรมฮิลตัน พัทยา และ โรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ อุดรธานี โดยรายได้จากกลุ่มโรงแรมคิดเป็นเพียง 2% ในพอร์ต เพราะดังที่ทราบกันว่าเซ็นทรัลพัฒนาเน้นหนักด้านศูนย์การค้าเป็นหลัก แต่นับจากนี้ CPN จะกระโดดเข้ามาในตลาดโรงแรมเต็มตัวแล้ว

    “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศแผนของบริษัท “5 ปี ขยายโรงแรม 37 แห่ง รวม 4,000 ห้อง ใน 27 จังหวัด มูลค่าการลงทุน 10,000 ล้านบาท” เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นปีแรก

    (จากซ้าย) โรงแรม Centara Ayutthaya, Centara One Rayong และภาพจำลอง Go! Hotel

    การลงทุนครั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาจะประกบโรงแรมเข้ากับศูนย์การค้าในเครือไม่ว่าจะเป็นเซ็นทรัลหรือโรบินสัน ตามนโยบายการดำเนินโครงการแบบ “มิกซ์ยูส” มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียมในบริเวณเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การทำธุรกิจ ‘synergy’ กันได้ ลูกค้ามีความสะดวกสบาย เสริมโอกาสทางการค้าให้กันและกัน

    วัลยายังกล่าวด้วยว่า กลยุทธ์การบุกตลาดโรงแรมครั้งนี้ของ CPN จะตอบโจทย์ทั้งลูกค้าพักผ่อน ธุรกิจ ทำงาน รวมถึงจะมีครบทุกเซ็กเมนต์ และยังเน้นการจ้างงานคนในชุมชน เน้นอัตลักษณ์อาหารและการออกแบบจากท้องถิ่นด้วย เพราะหวังให้โรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนาเป็นมาตรฐานใหม่ทั้งในเมืองหลักและเมืองรองของประเทศ

    “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา

    “ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวขยายความการตัดสินใจพัฒนาโรงแรมมากขึ้นของบริษัท นอกจากนโยบายมิกซ์ยูสแล้ว ยังเกิดจากบริษัทเล็งเห็นว่าการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวได้ดีกว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเดือนเมษายนที่ผ่านมา คนไทยเที่ยวในไทยถึง 30 ล้านคน เทียบกับเมษายน 2562 คนไทยเที่ยวไทย 38 ล้านคน

    นอกจากนี้ยังมีกระแส workation คนย้ายที่ทำงานไปทำงานทางไกลจากจังหวัดที่ได้พักผ่อน รถไม่ติด อากาศบริสุทธิ์ ทำให้ค่าเฉลี่ยการเข้าพักหลัง COVID-19 เพิ่มเป็น 3-5 วัน จากก่อนเกิดโรคระบาดจะเฉลี่ยที่ 2-3 วัน

    CPN โรงแรม
    ภูมิ จิราธิวัฒน์” Head of Hotel Property บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา

    เมื่อรวมกับศักยภาพของเครือเซ็นทรัล ทางเซ็นทรัลพัฒนามีที่ดินใจกลางเมืองจากการพัฒนาศูนย์การค้าอยู่แล้วโดยไม่ต้องจัดซื้อเพิ่ม และมีเซ็นทาราเป็นผู้บริหารโรงแรมที่เชี่ยวชาญ การขยับมาพัฒนาโรงแรมจึงเป็นทิศทางที่เหมาะสม

     

    เปิดแบรนด์ใหม่ ‘Centara One’ และ ‘Go! Hotel’

    ภูมิกล่าวต่อว่า การเปิดตัวโรงแรมทั้งหมด 37 แห่ง ภายใน 5 ปี จะแบ่งเป็น 3 เซ็กเมนต์ครบทุกระดับ ได้แก่

    • Centara แบรนด์ระดับฟูลเซอร์วิส ราคาห้องพักประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป โดยจะเปิดทั้งหมด 4 แห่ง เช่น Centara Korat, Centara Ayutthaya, Centara Ubon
    • Centara One แบรนด์ผสมผสานไลฟ์สไตล์และธุรกิจ (Bleisure) ในระดับกลาง ราคาห้องพักประมาณ 1,500-1,700 บาท จะเปิดทั้งหมด 8 แห่ง เช่น Centara One Rayong
    • Go! Hotel แบรนด์โรงแรมระดับพรีเมียมแมส โรงแรมขนาด 79 ห้อง ราคาห้องพักประมาณ 1,000 บาท จะเปิดทั้งหมด 25 แห่ง มีแผนเปิดแล้ว 7 ทำเล คือ โคราช, อุบลราชธานี, อยุธยา, ระยอง, ศรีราชา, ชลบุรี และเชียงราย
    โรงแรม CPN
    แผนการเปิดโรงแรมของ CPN แบ่งตามแบรนด์

    สำหรับแบรนด์ใหม่คือ Centara One และ Go! Hotel นั้น วัลยากล่าวว่าเกิดจากทางเซ็นทรัลพัฒนาที่ต้องการจะเปิดโรงแรมในหัวเมืองต่างๆ แต่ต้องการแบรนด์ในระดับกลางและพรีเมียมแมสที่จะเข้าถึงตลาดเหล่านั้นได้ ทำให้นำไปพูดคุยกับเซ็นทาราเพื่อวางคอนเซ็ปต์แบรนด์ใหม่ขึ้นมา และจะเป็นแบรนด์ “เอ๊กซ์คลูซีฟ” สำหรับโครงการที่พัฒนาโดย CPN เท่านั้น (ทั้งนี้ Go! Hotel จะเป็นลิขสิทธิ์ของเซ็นทรัลกรุ๊ป เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่เซ็นทรัลดูแลตั้งแต่เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เวียดนาม)

     

    ประเดิมแห่งแรก ‘Centara Korat’

    จากแผนงานดังกล่าว แห่งแรกและแห่งเดียวที่จะเปิดตัวในปี 2565 คือโรงแรม Centara Korat อยู่ในโครงการมิกซ์ยูสร่วมกับเซ็นทรัล โคราช และคอนโดฯ Escent โคราช มูลค่าทั้งโครงการมิกซ์ยูส 10,000 ล้านบาท

    Centara Korat เปิดแกรนด์โอเพนนิ่ง กันยายน 2565

    ภูมิกล่าวถึงโรงแรมนี้ว่า จะเป็นโรงแรมขนาด 218 ห้อง มีไฮไลต์เด่น เช่น ร้านอาหาร House of Kin (เฮาส์ ออฟ กิน) ร้านที่ทานได้ทุกเจนเนอเรชัน มีตั้งแต่ส้มตำถึงเฟรนช์ฟรายส์ สามารถจัดเลี้ยงในโอกาสพิเศษได้, ร้านอาหาร Rooftop ให้คนท้องถิ่นได้มีที่แฮงต์เอาต์พร้อมชมวิวเมืองโคราช, ห้องประชุมพื้นที่ 930 ตารางเมตร รองรับการเป็นจังหวัด MICE City ทั้งหมดนี้จะเปิดบริการกันยายน 2565

     

    ดันพอร์ตโรงแรมขึ้นมาเป็น 10%

    ดังที่กล่าวว่าโรงแรมเป็นสัดส่วนที่น้อยมากในพอร์ตรวมของ CPN ขณะนี้ แต่หลังการเพิ่มแผนงานด้านโรงแรม วัลยามองว่า เมื่อเปิดครบ 37 แห่งใน 5 ปีข้างหน้า พอร์ตโรงแรมจะขึ้นมามีสัดส่วน 10% ของบริษัท

    “เรามั่นใจในการลงทุนเพราะการพักโรงแรมยุคนี้คนไม่ได้ไปเพื่อการท่องเที่ยว แต่มีการไปติดต่อธุรกิจ และการ workation” วัลยากล่าว

    “เราเห็นตัวอย่างจากเมืองนอก แม้เราจะไปเมืองรองของเขาแต่ก็ยังมีโรงแรมที่มีมาตรฐานให้เข้าพัก เราก็อยากจะทำให้ได้เหมือนกัน ยกระดับมาตรฐานโรงแรมในเมืองรองขึ้นมา” ภูมิกล่าว

    ]]>
    1388312
    โรงแรมฟื้นตัว! “เซ็นทารา” วางแผนเปิด 100 แห่งใน 5 ปี สงคราม “รัสเซีย” อาจกระทบระยะยาว https://positioningmag.com/1376586 Mon, 07 Mar 2022 09:45:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1376586
  • ธุรกิจโรงแรมปีนี้เป็นไปในเชิงบวก “เซ็นทารา” วางเป้ารายได้ 5,900 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของรายได้ที่เคยทำได้ในปี 2562 (ก่อนเกิด COVID-19) เตรียมกลับมาให้บริการครบทุกโรงแรม และเปิดบริการเพิ่ม 8 แห่ง
  • เดินหน้าต่อตามแผนระยะยาว 5 ปี มีโรงแรมในพอร์ตเพิ่ม 100 แห่ง (รวมทั้งสัญญาจ้างบริหารและลงทุนเอง) หรือเฉลี่ยเพิ่มปีละ 20 แห่ง วางทำเลหลัก ไทย เวียดนาม ดูไบ จีน และมัลดีฟส์
  • ปัจจัยลบใหม่ที่เข้ามาคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ระยะสั้นยังไม่กระทบ ลูกค้ายังเดินทางเข้าพักปกติ แต่ระยะยาวอาจเกิดปัญหาจากค่าเงินรูเบิลตกต่ำ และอาจมีผลให้การฟื้นตัวเต็มที่ของธุรกิจโรงแรมเลื่อนจากปี 2567 เป็น 2568
  • คาดหวังภาครัฐสนับสนุนท่องเที่ยว เปิดโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟสใหม่ และยกเลิกระบบ Test & Go นักท่องเที่ยวต่างชาติตรวจครั้งเดียวจากต้นทาง เพื่อลดค่าใช้จ่ายจูงใจการเดินทาง
  • หนึ่งในเครือโรงแรมรายใหญ่ของไทยเปิดแผนและวิสัยทัศน์ธุรกิจหลัง COVID-19 มีทิศทางดีขึ้น “ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงินและรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงแผนปี 2565 และแผนระยะยาว 5 ปี (2565-2569)

    สำหรับปี 2565 เซ็นทาราวางเป้ารายได้ 5,900 ล้านบาท (รวมรายได้ทั้งหมดของโรงแรมเซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ต ดูไบ ซึ่งเครือถือหุ้นอยู่ 40%) และเป้าอัตราเข้าพัก 40-50% เป้าหมายรายได้จากห้องที่ขายได้ (ADR) เฉลี่ย 4,100-4,200 บาท และเป้าหมายรายได้เฉลี่ยจากห้องที่มีทั้งหมด (RevPar) วางไว้ที่ 1,700-1,900 บาท

    เซ็นทารา
    เซ็นทารา โฮเทล โคราช เตรียมเปิดบริการปี 2565

    ถือเป็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นมากเทียบกับปี 2564 ซึ่งมีอัตราเข้าพักเพียง 19% และถ้าเทียบกับปี 2562 ซึ่งยังไม่เกิดโรคระบาด ถือว่ารายได้ฟื้นขึ้นมาคิดเป็น 70% ของปี 2562

    ด้านการให้บริการโรงแรม เซ็นทารากำลังจะกลับมาเปิดบริการครบทุกแห่งเดือนเมษายนนี้ โดย 2 แห่งสุดท้ายที่จะกลับมาเปิดอยู่ในภูเก็ต

    ขณะที่การเปิดบริการโรงแรมแห่งใหม่ปี 2565 คาดว่าจะมี 8-10 แห่ง รวมห้องพักราว 1,000 ห้อง ทำเลทั้งในไทยและต่างประเทศ เช่น อุบลราชธานี, นครราชสีมา, กาตาร์, โอมาน, สปป.ลาว

     

    ปีนี้หวังพึ่งโรงแรมต่างประเทศ ในไทยลุ้นชาวจีนกลับมา

    หากเจาะลึกในประมาณการของปีนี้ กันย์ระบุว่ารายได้จะมาจากโรงแรมในมัลดีฟส์ 22% โรงแรมในดูไบ 20% และโรงแรมในไทยส่วนที่เหลือ 58%

    เมื่อเทียบกับปี 2562 ปีนั้นรายได้จากโรงแรมในไทยจะมีสัดส่วน 70% และจากต่างประเทศ 30% เห็นได้ว่าปีนี้โรงแรมในต่างประเทศฟื้นตัวได้มากกว่า

    เซ็นทารา แกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์

    “ดาวรุ่งของเราปีนี้จะเป็นโรงแรมต่างประเทศทั้งในมัลดีฟส์และดูไบ โดยเฉพาะมัลดีฟส์ที่ล่าสุดมีอัตราเข้าพัก 100% ในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว เฉลี่ยแล้วดีกว่าช่วงเดียวกันเมื่อปี 2562” ธีระยุทธกล่าว

    ตลาดประเทศไทยนั้นมองว่าช่วงครึ่งปีแรก 2565 จะยังต้องเน้นนักท่องเที่ยวในประเทศก่อน คิดเป็นอัตรา 80-90% ของทั้งหมด ส่วนครึ่งปีหลังนั้นคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น จากนักท่องเที่ยวยุโรปที่มักจะเข้ามาช่วงไตรมาส 4 และนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเริ่มเดินทางได้ไตรมาส 3

    “พาร์ตเนอร์ธุรกิจในจีนแจ้งว่านโยบายรัฐขณะนี้น่าจะผ่อนคลายการเดินทางช่วงไตรมาส 3 ที่จริงแล้วการเดินทางออกไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือขากลับเข้าประเทศจีนซึ่งยังต้องกักตัว 14-21 วัน ทำให้ชาวจีนไม่สะดวก ถ้าหากจีนปลดล็อกจุดนี้หรือลดเหลือไม่เกิน 7 วัน น่าจะได้เห็นชาวจีนกลับมาประเทศไทยซึ่งเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ที่คนจีนชื่นชอบอยู่แล้ว” ธีระยุทธกล่าว

     

    แผนลงทุน-เซ็นดีลบริหาร รวม 100 แห่งภายใน 5 ปี

    ณ สิ้นปี 2564 เซ็นทารามีโรงแรมภายใต้การบริหาร 85 โรงแรม (17,448 ห้อง) แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 46 โรงแรม (9,410 ห้อง) และโรงแรมที่อยู่ระหว่างพัฒนา 39 โรงแรม (8,038 ห้อง)

    ธีระยุทธกล่าวว่า “เซ็นทารา” ตั้งเป้าที่จะมีโรงแรมภายใต้การบริหารเพิ่มอีก “100 โรงแรม ภายใน 5 ปี” หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20 โรงแรม ซึ่งรวมทั้งการลงทุนพัฒนาโรงแรมเอง (own property) และสัญญารับบริหาร (managed property)

    ภาพร่างโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่น Taisei Corporation และ Kaden Realty & Development

    ในรอบ 5 ปีนี้ เซ็นทารามีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโรงแรมเองอยู่แล้วอย่างน้อย 5 แห่ง (รวมที่มีการจอยต์เวนเจอร์กับทุนท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ด้วย) ได้แก่ ทำเลเกาะลันตา จ.กระบี่, ทำเลเขาเต่า หัวหิน, โรงแรมในมัลดีฟส์เพิ่มอีก 2-3 แห่ง และโรงแรมในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อสร้างไปแล้ว 38% จะพร้อมเปิดบริการปี 2566

    ส่วนที่เหลือที่จะมองหาดีลเซ็นสัญญารับจ้างบริหาร เซ็นทารามีโลเคชันหลัก คือ “เวียดนาม” ซึ่งตั้งเป้าจะเปิดเพิ่ม 20 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 1 แห่งที่เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่ โดยปีนี้มีดีลระหว่างเจรจาแล้ว 7-8 แห่ง

    เซ็นทารา มิราจ รีสอร์ท มุยเน่ โรงแรมแรกของเครือในเวียดนาม

    อีกประเทศหนึ่งคือ “จีน” ซึ่งมีดีลเจรจาอยู่ 3 แห่ง และในประเทศ “ไทย” เองก็มีเจรจาดีลกับเจ้าของโรงแรม 3 แห่ง ส่วนทำเลที่คาดหวังอื่นๆ จะเกาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเป็นหลัก

    ด้านความมั่นใจในการลงทุนของเจ้าของโปรเจกต์ ผู้บริหารเซ็นทารามองว่าธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่มองระยะยาว และนักลงทุนยังคงมั่นใจการกลับมาของการท่องเที่ยว จึงยังลงทุนต่อเนื่อง

     

    “รัสเซีย” ระยะสั้นยังปกติ แต่อาจส่งผลระยะยาว

    ขณะที่ประเด็นร้อนในช่วงนี้อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ธีระยุทธกล่าวว่า ระยะสั้นยังไม่เห็นผลกระทบ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันของนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จะออกต่างประเทศอยู่แล้ว ส่วนที่ยังเดินทางมาก็ไม่มีการยกเลิก และยังไม่มีข้อติดขัดด้านการชำระเงิน เนื่องจากส่วนใหญ่เซ็นทาราจะรับจองแบบชำระเงินล่วงหน้า (pre-paid)

    สัดส่วนของนักท่องเที่ยวรัสเซียในเครือเซ็นทาราเฉพาะช่วงไฮซีซัน (ช่วงปลายปีจนถึงต้นปี) ในภูเก็ตจะอยู่ที่ 20% ดูไบ 11% และมัลดีฟส์ 6-7%

    โรงแรมในภูเก็ตเป็นพอร์ตที่มีสัดส่วนแขกชาวรัสเซียมากที่สุดในเครือ (ภาพจากโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต)

    ธีระยุทธมองว่า ชาวรัสเซียอาจจะไม่ใช่สัดส่วนพอร์ตใหญ่แต่ก็ต้องจับตามองระยะยาวว่าสงครามจะยาวนานแค่ไหน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียหลังค่าเงินรูเบิลร่วงลงไปแล้ว 40% จะทำให้ชาวรัสเซียมีกำลังซื้อน้อยลงแน่นอน ซึ่งเซ็นทารากำลังหานักท่องเที่ยวทดแทน

    กลุ่มที่เป็นเป้าหมายคือ “อินเดีย” ซึ่งนิยมเดินทางเข้าทั้งมัลดีฟส์และไทย “ออสเตรเลีย” ซึ่งเริ่มเปิดประเทศเดินทางได้สะดวกแล้ว และ “ยุโรป” ซึ่งจะต้องจัดโปรโมชันมากขึ้นสำหรับกลุ่มนี้ เนื่องจากปัญหาปิดน่านฟ้าอาจทำให้ค่าตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น

    ธีระยุทธยังกล่าวถึงโอกาสใน “ซาอุดีอาระเบีย” จากการฟื้นความสัมพันธ์ เซ็นทาราจะเริ่มเจาะตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวซาอุฯ เข้าไทยและดูไบ และอนาคตอาจหาโอกาสการลงทุนในซาอุฯ เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่ของตะวันออกกลางที่มีการเดินทางเข้าออกมาก และประชาชนมีกำลังซื้อสูง

     

    อ้อนภาครัฐจัด “เราเที่ยวด้วยกัน” ยกเลิก Test & Go

    จากการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ธีระยุทธมองว่าน่าจะทำให้การฟื้นตัวเต็มที่เท่ากับปี 2562 ของธุรกิจโรงแรม เลื่อนจากที่คาดไว้ปี 2567 เป็นปี 2568

    “ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ “กันย์ ศรีสมพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่การเงินและรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)

    หากจะกระตุ้นให้โรงแรมฟื้นตัวได้ดีขึ้น มองว่านโยบายภาครัฐจะช่วยสนับสนุนได้ดี ยกตัวอย่างเช่น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งประสบความสำเร็จมาก รายได้ถึง 20% ของเซ็นทาราเมื่อปี 2564 เกิดจากโครงการนี้ และหากมีเฟสใหม่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้การท่องเที่ยวในประเทศคึกคัก

    อีกส่วนหนึ่งคือการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองว่าควรจะยกเลิกระบบ Test & Go เหลือเพียงการตรวจจากประเทศต้นทางครั้งเดียว ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวลดลงมากและมีไทยเป็นตัวเลือกการเดินทางมากขึ้น

    ]]>
    1376586