LG – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 15 Jan 2024 11:55:32 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 น้ำขึ้นให้รีบตัก! “LG” ตั้งโรงงานผลิต “เครื่องชาร์จอีวี” ในสหรัฐฯ สนองนโยบายไบเดน https://positioningmag.com/1458861 Mon, 15 Jan 2024 10:52:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458861 “LG” เป็นหนึ่งในผู้ผลิต “แบตเตอรี” รายสำคัญในสหรัฐฯ แต่บริษัทจากแดนโสมแห่งนี้ยังต้องการขยายไปผลิต “เครื่องชาร์จอีวี” อีกด้วย โดยบริษัทเพิ่งจะเปิดโรงงานผลิต EV Charger เป็นแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่รัฐเท็กซัส กำลังการผลิต 10,000 เครื่องต่อปี รีบตักตวงโอกาสหลังประธานาธิบดีไบเดนประกาศเร่งเพิ่มสถานีชาร์จรถอีวีสาธารณะทั่วประเทศ

โรงงานผลิตเครื่องชาร์จอีวีของ LG เริ่มต้นการผลิตเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้ในบ้าน กำลังไฟ 11kW แล้ว และจะเริ่มไลน์การผลิตเครื่องชาร์จแบบ ‘Fast Charge’ กำลังไฟ 175 kW ภายในครึ่งปีแรกปี 2024 นี้

LG ยังแถลงด้วยว่า บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนการผลิตเครื่องชาร์จในระดับ ‘Ultra-fast Charge’ กำลังไฟ 350kW ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นการผลิตได้ภายในสิ้นปี 2024

บริษัทจากเกาหลีใต้แห่งนี้ระบุว่า บริษัทเลือกเท็กซัสเพราะมีโรงงานบางส่วนอยู่ที่นั่นแล้ว และเป็นเพราะรัฐเท็กซัสมีเครือข่ายโลจิสติกส์ขนส่งที่ยอดเยี่ยม และยังเป็นแหล่งรวมการดำเนินการของบริษัทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ยานยนต์ไปจนถึงการเงิน (รัฐเท็กซัสเป็นที่ตั้งของโรงประกอบรถยนต์หลายยี่ห้อ เช่น GM, Toyota และ Tesla)

LG กล่าวด้วยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจเกี่ยวกับ “เครื่องชาร์จอีวี” ทั้งในยุโรปและเอเชีย โดยบริษัทร่วมกับพันธมิตรอีก 2 รายเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ผ่านการเข้าซื้อกิจการบริษัท EV Charger สัญชาติเกาหลีใต้ชื่อ “AppleMango” (ก่อนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “HiEV”)

จากการเข้าซื้อกิจการครั้งนั้น LG มองว่าบริษัทจะได้สร้าง ‘synergy’ กับธุรกิจแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอยู่แล้ว รวมถึงสินค้าประเภทเครื่องกักเก็บพลังงานและระบบจัดการพลังงาน และยังจะได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้าน “หน้าจอ” เข้าไปผนวกกับเครื่องชาร์จอีวีเหล่านี้ เพื่อให้ได้สถานีชาร์จที่มีหน้าจอกลางแจ้งแบบกันน้ำ กันฝุ่น และคงทนถาวร

หลังการขยายสู่ธุรกิจใหม่ นำมาสู่การสร้างโอกาสในสหรัฐฯ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลโจ ไบเดนต้องการจะขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น

ปัจจุบันสหรัฐฯ มีเครื่องชาร์จ 169,741 หัวในสถานีชาร์จจำนวน 65,113 แห่งทั่วประเทศ (รวมหัวชาร์จทั้งประเภท DC, Fast Charge และ Ultra-fast Charge) อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไบเดนต้องการขยายจำนวนเครื่องชาร์จสาธารณะเป็น 500,000 หัวทั่วประเทศภายในปี 2030 ซึ่งจะทำให้ LG มีโอกาสการผลิตและขายสินค้า

“จากการลงทุนโรงงานผลิต EV Charger ของเราในเท็กซัส เราจะสามารถสนองตอบความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านรถยนต์อีวีที่เติบโตอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ ได้” Jand Ik-hwan ประธานธุรกิจโซลูชันของ LG กล่าว

Source

]]>
1458861
มองเกม ‘แอลจี’ ทำไมถึงกล้าบุกตลาด ‘โน้ตบุ๊ก’ ครั้งแรกทั้งที่เป็นช่วง ‘ขาลง’ https://positioningmag.com/1428890 Thu, 27 Apr 2023 12:08:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428890 หากพูดถึงแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีใต้อย่า‘แอลจี’ (LG) เชื่อว่าคงไม่มีคนไทยคนไหนไม่รู้จักแบรนด์ที่มีอายุกว่า 70 ปีรายนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ แอลจีไม่เคยทำตลาด แล็ปท็อป ในไทยมาก่อนเลย แม้ว่าจะทำตลาดในเกาหลีใต้มาเป็นสิบ ๆ ปี แถมยังครองสัดส่วนตลาดถึง 80% แต่ในปี 2022 แอลจีก็ได้ส่ง LG gram ลองตลาดไทยและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้ อะไรเป็นเหตุผลให้แอลจีกล้าที่จะบุกตลาดไทย ทั้ง ๆ ที่ตลาดเองก็อยู่ในช่วงขาลง

เปิดตัวในช่วงตลาดขาลง

แอลจีนั้นได้เปิดตัวแล็ปท็อปชื่อ LG gram ตั้งแต่ปี 2015 และปัจจุบันเพิ่งมีวางจำหน่ายไปเพียง 5 ประเทศ เท่านั้น ได้แก่ เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา และไทย โดยหากดูตลาดในช่วงปี 2015 ถือเป็นช่วงที่ตลาดคอมพิวเตอร์-โน้ตบุ๊กทั่วโลกยังอยู่ในช่วงขาลง โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กที่ยอดขาย ลดลง 6.3% ขณะที่ช่วงปี 2018 ตลาดเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่กลุ่มสินค้าที่ผลักดันตลาดนั้นเป็นเซกเมนต์ เกมมิ่ง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่แอลจีจะยังไม่ตัดสินใจส่ง LG gram ทำตลาดไทยตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดในช่วงปี 2020-2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดโน้ตบุ๊กทั่วโลกสามารถ เติบโตได้สูงสุดในรอบ 9 ปี เนื่องจากผู้คนจำต้องหันมาซื้ออุปกรณ์ไอทีเพื่อทำงานและใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงที่ต้องอยู่แต่บ้าน แต่แอลจีก็ยังเข้ามาตลาดในไทย จนมาปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดกลับไปสู่ขาลงอีกครั้ง คำถามคือ แอลจีกลับนำ LG gram มาประเดิมตลาดแล็ปท็อปไทยทำไมในเมื่อเป็นช่วงขาลงของตลาด ทั้งที่ควรนำมารุกตลาดตั้งแต่ช่วงโควิดที่ตลาดกำลังเติบโต

มั่นใจมาถูกเวลา

โดย จีรภา คงสว่างวงศา รองประธานบริหารฝ่ายธุรกิจกลุ่มลูกค้าองค์กรและไอที ภาคพื้นอินโดไชน่า บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่า LG gram นั้นมาถูกเวลา แม้ว่าตลาดโน้ตบุ๊กไทยจะมีแนวโน้มกลับไปเป็นช่วงขาลงก็ตาม แต่เนื่องจากจุดเด่นของ LG gram คือ บางเบาและทนทาน ด้วยน้ำหนักเพียง 1.19 กก. และความทนทานมาตรฐานทางทหาร ซึ่งมั่นใจว่าตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคหลังโควิดที่ออกเดินทางมากขึ้น

นอกจากนี้ LG gram ได้วางตัวจับ กลุ่มพรีเมียม (ราคา 40,000 บาทขึ้นไป) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังมีการแข่งขันไม่สูงอีกทั้งยังมีการเติบโตเพราะไม่ได้ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ปัจจุบัน แล็ปท็อปพรีเมียมมีสัดส่วนประมาณ 17% มีมูลค่าราว 200 ล้านบาท

“เราคิดมานานกว่าจะลองนำ LG gram เข้ามาจำหน่ายในไทย จนเมื่อเราเห็นว่าเทรนด์คนเริ่มเดินทาง ซึ่งสินค้าเราน่าจะตอบโจทย์โดยเฉพาะเรื่องความเบาและความทนทาน ทำให้ปี 2022 จึงเริ่มนำเข้ามาทำตลาด และตัดสินใจทำตลาดอย่างเต็มตัวในปี 2023 เพราะตอนนี้คนไม่ได้พกแค่มือถือ แต่ต้องการดีไวซ์ที่ตอบโจทย์การทำงานหนัก ๆ ได้” จีรภา กล่าว

ต้องการเป็นผู้เซ็ตเทรนด์ใหม่กลุ่มพรีเมียม

จีรภา อธิบายว่า ปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อในพรีเมียมข้อแรกคือ ดีไซน์ ที่ต้องเรียบหรูและน้ำหนักเบา อีกจุดคือ ถือแล้วภูมิใจ (Proud to Own) ซึ่งแอลจีมั่นใจว่า LG gram สามารถตอบโจทย์ทุกด้าน ทั้งดีไซน์เรียบหรูมีความโมเดิร์น ขณะที่สเปกต่าง ๆ ก็ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบา ความทนทาน มีฟีเจอร์ความปลอดภัย ใช้ชิป Intel 13th Generation และภายในปีนี้ แอลจีจะมีไลน์อัพใหม่ ๆ เช่น รุ่นที่ใช้หน้าจอ Oled เข้ามาทำตลาดด้วย

นอกจากนี้ การที่ LG gram ได้วง NewJeans ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีที่กำลังมาแรงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโกลบอล ซึ่งก็จะยิ่งช่วยให้ LG gram เข้าถึง Gen Z ซึ่งแอลจีวางไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง เนื่องจากเห็นว่า เทรนด์ความนิยมของศิลปินเกาหลี กำลังมาแรง

“จากที่ลองตลาดในปี 2022 เราเห็นเทรนด์ที่แปลกมากในไทยคือ เขาชอบสินค้าขนาด 16-17 นิ้วมากกว่า ซึ่งในตลาดไม่ค่อยมี นี่ก็เป็นอีกจุดแข็งของเรา โดยเราต้องการเป็นผู้เซ็ตเทรนด์ใหม่ ๆ ให้ตลาด และเรามั่นใจว่าเราเข้าใจกับไลฟ์สไตล์คนไทย”

ทำการตลาด 360 องศา แม้แต่เซเว่น

โดยในการทำตลาดของ LG gram ในปีแรกนี้ แอลจีได้วางงบไว้ 30-50 ล้านบาท โดยจะทำครบ 360 องศา โดยเฉพาะสื่อ Out of Home ซึ่งจะมีการโฆษณาใน เซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อสร้างการรับรู้ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่เดินทางไปในที่ต่าง ๆ ส่วนช่องทางการขายนอกเหนือจากร้านค้าปลีกไอที และช่องทางออนไลน์แล้ว แอลจีจะวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกด้านไลฟ์สไตล์ด้วย เช่น ช้อปลำโพง Bang and Olufsen เป็นต้น

ทั้งนี้ แอลจีตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาด LG gram ให้เป็น 2% ของตลาดพรีเมียม และมั่นใจว่ายอดขายของ LG gram จะเป็นสัดส่วนถึง 70% ในการสร้างการเติบโตให้กลุ่มสินค้าไอทีเป็น 10% ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มสินค้าไอทีของแอลจีจะเป็นสินค้าจอมอนิเตอร์เป็นหลัก

“แม้แอลจีจะทำตลาดมานาน แต่ในตลาดแล็ปท็อปต้องยอมรับว่าเราเป็นน้องใหม่ แต่เราเชื่อว่าด้วยชื่อแบรนด์ ความยูนีคของฟีเจอร์ ดีไซน์ ความบางเบาและความทนทานของดีไวซ์ เรามั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดได้”

ที่น่าสนใจคือ แอลจีได้แอบเผยว่า กำลังตัดสินใจนำ สมาร์ทโฟน กลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้งเพื่อนำเสนอ อีโคซิสเต็มส์ ให้ครบ ๆ ใครที่เป็นสาวกก็รอได้เลย ทั้งสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปรุ่นใหม่จากแอลจี

]]>
1428890
หยุดกลิ่นเหม็นอับ! LG พัฒนา “กล่องรองเท้า” ดูดความชื้น เอาใจตลาดคนรัก “สนีกเกอร์” https://positioningmag.com/1398531 Thu, 01 Sep 2022 13:17:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398531 LG พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “LG Styler ShoeCase and ShoeCare” กล่องรองเท้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยดูดความชื้นและป้องกันแสงยูวี เอาใจคนรัก “สนีกเกอร์” ปกป้องรองเท้าให้ไม่มีกลิ่น และไม่เสื่อมสภาพเร็ว

LG Electronics โชว์เคสผลิตภัณฑ์ใหม่ที่งาน IFA 2022 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก เป็นกล่องรองเท้าแบบใหม่ในชื่อ “LG Styler ShoeCase and ShoeCare” ที่หวังจะมาแทนที่กล่องรองเท้าพลาสติกแบบเดิมๆ สำหรับคนรักและสะสมรองเท้า

โปรดักส์นี้แยกเป็น 2 ชิ้นย่อย คือ ShoeCare นั้นเป็นตู้รองเท้าปิดทึบหน้าตาเหมือนตู้เย็นขนาดเล็ก แต่เปิดมาด้านในจะเป็นช่องใส่รองเท้า พร้อมกับท่อหัวฉีดที่ใช้เทคโนโลยี TrueSteam ของ LG ในการดูดความชื้นจากรองเท้า ทำให้รองเท้าไม่มีกลิ่นเหม็นอับ แห้งสนิท รู้สึกสบายขึ้นเมื่อสวมใส่

LG ระบุว่าการทำงานของ ShoeCare จะใช้เวลา 37 นาทีในการขจัดความชื้นในรองเท้า (กรณีตั้งโปรแกรมมาตรฐาน) และโปรแกรมการทำงานยังสามารถปรับแต่งให้เข้ากับประเภทวัสดุของรองเท้าได้ด้วย เช่น ผ้าใบ หนังกลับ หนังแท้

รวมถึงระดับ ‘เสียง’ ระหว่างเครื่องทำงานจะอยู่ที่ 35 เดซิเบลเท่านั้น หรือเทียบได้กับเสียงในห้องสมุดที่ถือว่าเป็นเสียงเบา ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน

LG กล่องรองเท้า
LG Styler ShoeCase and ShoeCare

ส่วนโปรดักส์ย่อยอีกชิ้นคือ ShoeCase นั้นเป็น “กล่องเก็บรองเท้า” หน้าบานใส ติดไฟ และฐานเป็นจานหมุน เพื่อโชว์รองเท้าสุดรักของนักสะสมได้อย่างสวยงาม แน่นอนว่ากล่องรองเท้านี้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแสงยูวีและดูดความชื้นออกจากกล่อง เพื่อป้องกันสองสาเหตุที่ทำให้รองเท้าสีซีดและเสื่อมสภาพเร็ว

ShoeCase นั้นสามารถตั้งซ้อนกันได้สูงสุด 4 กล่องเพื่อประหยัดพื้นที่ ขณะที่กล่อง ShoeCare นั้นสามารถนำกล่อง ShoeCase ไปวางซ้อนได้ 1 กล่อง เมื่อวางรวมกับเฟอร์นิเจอร์อื่นในบ้านจะดูแนบเนียนเหมือนเป็นตู้ใบหนึ่งในบ้าน โดยมีรองเท้าสวยๆ วางโชว์เป็นเหมือนของตกแต่ง

LG กล่องรองเท้า
วางเนียนๆ เหมือนเป็นตู้ใบหนึ่ง พร้อมกับเป็นแท่นโชว์รองเท้าสุดเท่

โปรดักส์นี้ของ LG ถูกคิดค้นมาจากอินไซต์ของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยทาง LG มีงานวิจัยพบว่า คนเจนเนอเรชัน “MZ” หรือคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจนซีนั้นมีกลุ่มใหญ่ที่เป็น “สนีกเกอร์เฮด” หรือคนที่รักและสะสมรองเท้าสนีกเกอร์ ทำให้ตลาดสนีกเกอร์ประเภทที่ผลิตจำนวนจำกัด เป็นรุ่นพิเศษ หรือเป็นแบรนด์ลักชัวรีนั้นขายดีมากในช่วงที่ผ่านมา

นั่นหมายความกลุ่มคนเหล่านี้จะต้องการการเก็บรักษารองเท้าไว้เป็นอย่างดี และต้องการโชว์รองเท้าที่เป็นของสะสมของตนเองด้วย ผลิตภัณฑ์นี้ของ LG จึงน่าจะตอบโจทย์ตลาดได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีการวางขายกล่องรองเท้า ShoeCare และ ShoeCase รวมถึงยังไม่ประกาศราคาออกมา สนีกเกอร์เฮดอาจจะต้องอดใจรอกันสักหน่อย

Source

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1398531
ตลาดหด! ทีวี LG ไตรมาสแรกกำไรร่วง 93% พ้นระยะล็อกดาวน์ คนอยู่หน้าจอน้อยลง https://positioningmag.com/1383099 Wed, 27 Apr 2022 09:53:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1383099 ธุรกิจจอแสดงผลของ LG กำไรไตรมาส 1/2022 หดตัวเกือบ 93% เนื่องจากดีมานด์ลดลง เมื่อการล็อกดาวน์ผ่อนคลาย ทำให้ความต้องการทีวี จอคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก ลดตามไปด้วย รวมถึงราคาจอยังลดลง 7-11% ช่วงที่เหลือของปีบริษัทตั้งใจบุกหนักทีวี OLED เกาะตลาดไฮเอนด์ที่โตได้ดีกว่า

LG Display Co. ผู้ผลิตจอแสดงผลรายใหญ่ของเกาหลีใต้ โดยผลิตทั้งโทรทัศน์ และจอคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2022 ของบริษัท รายได้ร่วงลง 6% เทียบกับไตรมาสแรกปีก่อน โดยทำรายได้ไปเพียง 6.5 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.76 แสนล้านบาท)

ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานลดฮวบอย่างหนัก จากช่วงเดียวกันปีก่อนทำได้ 5.23 แสนล้านวอน (ประมาณ 1.42 หมื่นล้านบาท) ลดไปถึง 93% เหลือเพียง 38,300 ล้านวอนเท่านั้น (ประมาณ 1,040 ล้านบาท)

สาเหตุมาจากดีมานด์ที่น้อยลงหลังโรคระบาดคลี่คลาย การล็อกดาวน์จบลงทำให้คนอยู่หน้าจอน้อยลง ซึ่งส่งผลต่อราคาตลาดของจอแสดงผลที่ถูกกดดันให้ต่ำลงไปด้วย

ข้อมูลจาก WitsView พบว่า ราคาจอแสดงผลลดลงไป 7-11% ในช่วงไตรมาสแรก ยิ่งเป็นกลุ่มโทรทัศน์ยิ่งลดหนัก ทีวี LCD ขนาด 55 นิ้วนั้นราคาลดลงไป 16% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และหากเทียบกับเดือนสิงหาคมปี 2021 ราคาปัจจุบันได้ลดลงไปถึง 47% และเป็นราคาต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่โรคระบาดเพิ่งเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ยังเกิดจากปัญหาการส่งมอบสินค้าด้วย เพราะการระบาดและล็อกดาวน์ในจีนทำให้การส่งมอบชิ้นส่วนล่าช้า

 

หันไปเน้นทีวี “ไฮเอนด์” แทน

ปกติหน้าจอแบบ LCD จะคิดเป็นสัดส่วน 60% ของรายได้รวม LG Display ส่วนอีก 30% มาจากหน้าจอ OLED เทคโนโลยีที่สูงกว่า

ทำให้บริษัทคาดว่า กำไรตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปน่าจะดีขึ้น เพราะบริษัทจะออกโทรทัศน์เทคโนโลยีใหม่ OLED.EX ซึ่งให้ภาพคมชัดและสีสดมากขึ้นกว่าจะ OLED แบบเดิม

LG ทีวี
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด OLED EX ที่ LG หมายมั่นจะมากู้กำไรคืนได้ในปี 2022

LG มองว่า แม้ตลาดทีวีโดยรวมจะหดตัวลง แต่มีโอกาสรออยู่ในกลุ่มทีวีไฮเอนด์ เพราะตลาดรวมหดตัวไป 10% และตลาดทีวีจอ LCD ถูกเล่นสงครามราคาหนักจากทีวีจีน แต่ทีวีกลุ่มไฮเอนด์ใช้จอ OLED กลับเติบโตมากกว่า 40% ในไตรมาสแรก จากการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างความต่างในตลาด

ด้านดีลที่ LG กำลังพยายามเจรจาเพื่อเป็นผู้ผลิตจอ OLED ให้กับทีวี Samsung นั้นยังไม่คืบหน้า แต่ว่าโอกาสก็ยังเปิดอยู่ หากทั้งสองบริษัทสามารถเจรจากันได้ลงตัว ดีลนี้ก็อาจเกิดขึ้น

Source: Reuters, Yonhap

]]>
1383099
เนื้อหอม! LG นำทีมเซ็นดีลบริษัทเหมือง “นิกเกิล” อินโดฯ ผลิต “แบตเตอรี่” รถอีวี https://positioningmag.com/1381985 Tue, 19 Apr 2022 12:07:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381985 แหล่งแร่ในอาเซียนเนื้อหอมสุดขีด ล่าสุด LG จากเกาหลีนำทีมกิจการร่วมค้าเข้าลงทุนผลิต “แบตเตอรี่” รถอีวีในอินโดนีเซีย มูลค่ารวมทั้งซัพพลายเชน 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเซ็นดีลกับบริษัทเหมือง “นิกเกิล” ในอินโดฯ เพื่อหาทางรับประกันซัพพลายนิกเกิลว่าจะมีเพียงพอ ในราคายุติธรรม ลดการพึ่งพิงนิกเกิลจากจีน

กิจการร่วมค้าดังกล่าวนำทีมโดย LG Energy บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 2 ของโลก ร่วมกับ LG Chem Ltd., LX International Corp. บริษัทเทรดดิ้งสินค้าโภคภัณฑ์และแร่จากเกาหลี, POSCO Holdings บริษัทผลิตเหล็กเกาหลีใต้ และ Zhejiang Huayou Cobalt ผู้จัดจำหน่ายโคบอลต์หลักจากประเทศจีน

ทั้งหมดร่วมลงนามเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2022 เพื่อทำข้อตกลงกรอบการทำงานโดยไม่ผูกมัด ในการสร้างห่วงโซ่คุณค่าทางการผลิตกับ PT Aneka Tambang Tbk (Antam) บริษัทเหมืองแร่ท้องถิ่น และบริษัทผลิตแบตเตอรี่อินโดนีเซีย Indonesia Battery Corp. (IBC) ตามการรายงานของรัฐบาลอินโดฯ และ LG Energy พวกเขาจะหารือรายละเอียดต่างๆ เช่น เรื่องโครงสร้างความเป็นเจ้าของ กันต่อไปอีกครั้ง

อุตสาหกรรมรถอีวีที่กำลังเป็นขาขึ้น ทำให้การแย่งชิงซัพพลายแร่สำหรับผลิตแบตเตอรี่มากตามไปด้วย (Photo : Shutterstock)

กิจการร่วมค้าแห่งนี้ต้องการจะสร้างซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของการผลิต “แบตเตอรี่” รถอีวี ตั้งแต่การถลุงและการ refine ให้เป็นแร่นิกเกิลบริสุทธิ์ จนถึงการผลิตเป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่ เช่น ขั้วไฟฟ้าแคโทด จนไปสิ้นสุดซัพพลายเชนที่การประกอบเป็นแบตเตอรี่ โดยคาดว่าการลงทุนครั้งนี้จะมีมูลค่าทั้งซัพพลายเชนที่ 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.04 แสนล้านบาท)

ทั้งหมดจะทำให้ประเทศอินโดนีเซียได้ประโยชน์ในการดึงดูดการลงทุนและสร้างงาน ส่วน LG ก็จะลดการพึ่งพิงนิกเกิลจากจีน และควบคุมการได้มาซึ่งซัพพลายการผลิตที่เสถียรมากขึ้น ราคายุติธรรมขึ้น ส่งผลให้บริษัทกำไรดี

กระแสการหาแหล่งซัพพลายที่หลากหลายและมีเสถียรภาพ ยิ่งเร่งตัวขึ้นหลังจากราคานิกเกิลพุ่งสูง ข้อมูลจากตลาดซื้อขายแร่ลอนดอน (LME) ราคานิกเกิลปิดที่ 33,175 เหรียญสหรัฐต่อตัน เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 60% เทียบกับราคาเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2022 วันเปิดเทรดวันแรกของปีนี้

“ข้อตกลงนี้จะช่วยบรรเทาความยากลำบากในการจัดหานิกเกิล เมื่อพวกเขาเข้าไปจัดหานิกเกิลโดยตรงผ่านการจัดการเหมืองแร่ด้วยตนเอง ในระยะยาวจะทำให้ได้นิกเกิลมาหลายร้อยล้านตัน” แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมนี้ในเกาหลีใต้กล่าวกับสำนักข่าว The Korea Economy Daily

อินโดนีเซียนั้นมีแร่นิกเกิลสำรองอยู่ถึง 21 ล้านตันซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดในโลกขณะนี้ นโยบายของประเทศต้องการจะเพิ่มศักยภาพในการสกัดและผลิตแร่ทั้งซัพพลายเชนด้วยตนเอง ทำให้กีดกันการส่งออกเป็นวัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ เพื่อดึงดูดให้บริษัทผลิตแบตเตอรี่เข้ามาตั้งฐานมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น LG Energy ตามข้อตกลงซัพพลายเชนครั้งนี้จะมีการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่มูลค่าลงทุน 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 37,000 ล้านบาท) ที่นิคม Karawang New Industry City ใกล้กับกรุงจาการ์ตา มีกำลังการผลิตต่อปีที่ 10 กิกะวัตต์/ชั่วโมง ซึ่งจะรองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 150,000 คัน คาดว่าโรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิตส่งออกได้ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2024

ไม่ใช่แค่บริษัทเกาหลี บริษัทผลิตแบตเตอรี่รถอีวีอันดับ 1 จากจีนอย่าง Contemporary Amperex Technology Co. Ltd. (CATL) ก็มีการเซ็นสัญญาในวันเดียวกัน และเซ็นกับบริษัทเหมืองแร่ Antam เช่นกัน เพื่อจะสร้างโครงการประกอบแบตเตอรี่มูลค่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.03 แสนล้านบาท) ซึ่งรวมตั้งแต่การสกัดแร่นิกเกิล การผลิตวัตถุดิบเพื่อทำแบตเตอรี่ การผลิตแบตเตอรี่ และรีไซเคิลแบตเตอรี่

เห็นได้ชัดว่าอินโดนีเซียกำลังรับประโยชน์จากช่วงขาขึ้นของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ และราคานิกเกิลที่พุ่งขึ้นหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้บริษัทแบตเตอรี่ต้องเร่งกระจายความเสี่ยง

Source

]]>
1381985
ย้อนรอย 5 นวัตกรรมมือถือ LG ทำไมถึงไม่ปัง? จนต้องถอยทัพจากตลาดสมาร์ทโฟน https://positioningmag.com/1326793 Tue, 06 Apr 2021 15:20:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326793 เป็นทางการแล้วสำหรับ LG ที่ประกาศจะไม่ผลิตสมาร์ทโฟนอีกต่อไปเนื่องจากการตัดสินใจยุติธุรกิจโทรศัพท์มือถือทั่วโลก แม้ความเคลื่อนไหวนี้จะไม่เซอร์ไพรส์วงการโทรคมนาคมโลก แต่ก็ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะ LG ได้ฝากผลงานน่าตื่นตาไว้ไม่น้อยเลย

สำหรับข่าวล่าสุด LG บริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ประกาศว่าจะปิดธุรกิจสมาร์ทโฟนทั่วโลก หลังจากที่ประกาศเลิกขายสมาร์ทโฟนในจีนอย่างเป็นทางการเมื่อกุมภาพันธ์ 2561 ในแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า จะก้าวออกจากการผลิตโทรศัพท์เพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจอื่น เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า สินค้ากลุ่มบ้านอัจฉริยะ และปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ที่ผ่านมา LG เป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนของสหรัฐฯ บริษัทยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนด้านบริการ และการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับลูกค้าผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือไปแล้ว โดยจะวางกรอบระยะเวลาแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

ก้าวที่พลาดไปของ LG เชื่อว่าเกิดจากการวางจุดยืนเน้นผลิตสมาร์ทโฟนระดับกลาง และระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงจากผู้ผลิต เช่น Huawei, Xiaomi และ Oppo ที่เปิดตัวรุ่นที่ราคาถูกกว่า เบื้องต้นจากข้อมูลของเว็บไซต์ TechCrunch มีข่าวลือแพร่สะพัดในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า LG ต้องการขายธุรกิจสมาร์ทโฟน แต่เพราะธุรกิจไม่เติบโตพอทำให้ไม่สามารถบรรลุการซื้อขายได้ตามแผนที่วางไว้

ดังนั้น จึงพามาย้อนรอยดู 5 นวัตกรรมมือถือของ LG กัน

ลำโพง Boombox Speaker ดัง 10 เท่า

หนึ่งในนวัตกรรมที่ LG เคยการันตีไว้คือ ลำโพงบลูมบ็อกซ์ สปีกเกอร์ (Boombox Speaker) ในโทรศัพท์รุ่นถัดไปอย่าง LG G7 ThinQ ว่าจะให้พลังเสียงที่เหนือกว่าลำโพงของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในท้องตลาด โดยย้ำว่าลำโพงจะให้กำลังเสียงเบสเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะที่โทรศัพท์จะถูกวางราบกับโต๊ะเรียบ

ก่อนหน้านี้ LG เคยโชว์ข้อมูลบางส่วนของสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป G7 ThinQ โดยเรียกน้ำย่อยว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีหน้าจอสว่างพิเศษ 1,000 nits เท่ากับ Galaxy Note 8 แต่จะเหนือกว่า iPhone X ที่ถูกทดสอบพบว่ามีค่าความสว่างสูงสุด 625 nits ล่าสุด LG ตัดสินใจเผยแพร่จุดขายใหม่ ก่อนที่สมาร์ทโฟนจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมปีนั้น

จุดขายใหม่ของ LG คือ Boombox Speaker ให้ตัวเลขว่า ลำโพงนี้สามารถเพิ่มระดับเสียงพื้นฐานได้ 6dB พร้อมกับเสียงเบสที่จะดังขึ้น 2 เท่า จากข้อมูลการตรวจวัดของแอลจี เทียบได้ว่าลำโพงของ G7 จะดังกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 10 เท่า

ประเด็นนี้ถูกยอมรับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ เพราะสมาร์ทโฟนมักมีข้อจำกัดทางกายภาพทำให้เสียงจากลำโพงภายในไม่มีคุณภาพเท่าลำโพงคุณภาพสูง กรณีของ LG เจ้าพ่อกิมจิยืนยันว่า ข้อจำกัดทั้งหมดนี้ถูกปลดทิ้งไปได้ เพราะลำโพงใหม่ ซึ่งเหมือนได้โบนัส คุณภาพเสียงเบสจะดีขึ้นอีก หากผู้ใช้วางสมาร์ทโฟนบนพื้นผิวเรียบ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือพื้น

สมาร์ทโฟน 2 หน้าจอ

หลังจากเปิดตัวในงาน IFA ที่กรุงเบอร์ลินเมื่อกลางปี 2561 LG เริ่มจำหน่ายสมาร์ทโฟน 2 หน้าจอ “G8X ThinQ” เมื่อตุลาคม 2562 ความหวังคือการตอบโจทย์ทุกคนที่โดนใจปรากฏการณ์สมาร์ทโฟนพับได้แบบหน้าจอคู่ ท้าชนรุ่นใหญ่ที่มีหน้าจอแสดงผลพับเก็บได้อย่าง Samsung Galaxy หรืออุปกรณ์จอคู่ของ Microsoft อย่าง Surface Duo ที่กำลังจะเปิดตลาด แต่ใช้วิธีแถมจอเสริมเพื่อให้ผู้ใช้ต่อหน้าจอเพิ่มเป็นแอกเซสซอรีที่ถอดออกได้เมื่อไม่ต้องการใช้งาน

G8X ThinQ ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า LG Dual Screen

สำหรับ G8X ThinQ ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า LG Dual Screen จะเริ่มต้นที่ราคา 699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21,200 บาท

ติดกล้อง 5 ตัว

มิถุนายน 2561 ยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้เปิดสงครามกล้องสมาร์ทโฟนให้ร้อนระอุ ด้วยการจัดเต็มกล้อง 5 ตัว เพื่อติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนรุ่นถัดไป คาดว่าจะทำให้มือถือ LG เหนือกว่าสมาร์ทโฟนกล้องคู่ที่ครองตลาดโลกขณะนั้น

รายงานชี้ว่า กล้อง 5 ตัวของ V40 จะประกอบด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับ Huawei P20 Pro ของหัวเว่ย ที่ประเดิมทำระบบกล้องทริปเปิลคาเมราเป็นรายแรก ผลจากการติดกล้อง 3 ตัว จะทำให้การถ่ายภาพหมู่บุคคลมีมิติมากขึ้น อาจให้ผลชัดลึก หรือซูมที่แปลกตาในภาพหมู่ที่มีการนั่งเรียงแถวหน้า และหลัง

LG V40 ThinQ

กล้องอีก 2 ตัวจะถูกติดไว้ที่ด้านหน้าของ V40 ระบบกล้องคู่ด้านหน้านี้เดินตาม HTC U12 Plus ของเอชทีซี จากไต้หวัน ข่าวลือระบุว่า กล้องคู่นี้อาจทำให้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกด้วยใบหน้า รวมถึงใช้งานแอปพลิเคชันวิเคราะห์ใบหน้าอื่นได้ดี

ในที่สุด LG ก็แจ้งเกิด V40 ThinQ จัดเต็มกล้องดิจิทัล 5 ตัวในเครื่องหน้าจอใหญ่ 6.4 นิ้วเครื่องเดียวตามข่าวลือ โดยแบ่งเป็นกล้องหลัง 3 ตัว และกล้องหน้า 2 ตัว หั่นขอบเครื่องให้บางลง พร้อมกับลำโพงเทคโนโลยีใหม่

ราคาพรีเมียม 900-980 เหรียญสหรัฐ หรือ 29,400-32,000 บาท เริ่มทำตลาด 18 ตุลาคม ที่ตลาดสหรัฐฯ

“สมาร์ทโฟนโดรน” บินถ่ายภาพ-ลอยส่องสว่างได้

ก่อนหน้านี้ LG เคยตกเป็นข่าวเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่สามารถบินได้เหมือนโดรน แม้ในเวลานั้นยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม แต่มีการระบุว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะมีโหมด Flying Face time ให้ผู้ใช้ที่มือไม่ว่างสามารถคุยวิดีโอคอลกับปลายสาย โดยที่สมาร์ทโฟนนี้สามารถลอยมาจับภาพใบหน้าผู้ใช้ได้ชนิดไม่ต้องเมื่อยมือ

แน่นอนว่า LG ไม่ได้พัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ออามาวางจำหน่ายจริง ในเวลานั้นสมาร์ทโฟนเครื่องร่อนลูกผสมนี้ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “โดรนโฟน” (Drone Phone) ซึ่ง LG เรียกอีกชื่อว่าแอลจี ยูพลัส (LG U+) ตัวแนวคิด

วิดีโอนี้ถูกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2016 สะท้อนว่าสมาร์ทโฟนทูอินวัน โดรน และโทรศัพท์เคลื่อนที่นี้ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถทำวิดีโอคอลหรือเซลฟี่ได้ โดยที่เครื่องลอยอยู่บนอากาศ จุดนี้มีรายงานว่า LG U+ สามารถหมุนวนเพื่อจับภาพได้แบบ 360 องศา ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังทำกิจกรรมทุกชนิด สามารถบันทึกภาพวินาทีประทับใจได้ ทั้งขณะปีนหน้าผา บันจี้จัมพ์ หรือทำอาหาร

ซื้อ “LG G6” แถมทีวี 43 นิ้ว

สำหรับประเทศไทย ความสดใหม่ที่ LG เคยทำไว้คือการเปิดจำหน่าย LG G6 ที่การันตีเป็นสมาร์ทโฟนแบรนด์แรกที่มาพร้อมดอลบี้ วิชัน HDR 10 และ FullVision หน้าจอขยายเต็ม ใช้งานสะดวกง่ายดายเพียงมือเดียว เวลานั้น LG จับมือเอไอเอส จัดโปรโมชันร่วมกันซื้อ LG G 6 แถมทีวี 43 นิ้ว มูลค่ากว่า 13,900 บาท

โปรโมชันนี้เกิดขึ้นหลังการว่างเว้นการทำตลาดสมาร์ทโฟนไทยไปกว่า 6 เดือน

ทั้ง 5 ความตื่นเต้นจากสมาร์ทโฟน LG เหล่านี้กำลังกลายป็นตำนาน ซึ่งตอกย้ำว่านวัตกรรมน่าตื่นเต้นอาจไม่มีพลังพอที่จะสร้างประโยชน์ให้ยอดขายบริษัทเสมอไป

]]>
1326793
อำลาธุรกิจมือถือ LG ประกาศเลิกผลิต-จำหน่าย ‘สมาร์ทโฟน’ หลังขาดทุนหนัก สู้คู่เเข่งไม่ไหว https://positioningmag.com/1326576 Mon, 05 Apr 2021 04:50:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326576 หลังจากมีข่าวลือมานานเป็นระยะ วันนี้ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการเเล้ว LG Electronics Inc. หรือ LG บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากเกาหลีใต้ ประกาศยุติบทบาทการเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเหตุขาดทุนสะสมต่อเนื่อง จากการเเข่งขันในตลาดที่ดุเดือด

ล่าสุด LG ยื่นเอกสารต่อทางการเกาหลีใต้ว่า บริษัทจะไม่ผลิตและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ นับตั้งเเต่วันที่ 31 ..นี้ เป็นต้นไป ขณะที่สินค้าค้างสต๊อกที่เหลืออยู่ยังวางขายเช่นเดิม (เเต่จะไม่ผลิตใหม่ออกมาแล้ว)

ด้านบริการหลังการขายเเละการอัปเดตซอฟต์เเวร์เครื่องเก่านั้น จะยังคงดำเนินการไปตามปกติ ส่วนการปลดพนักงานจะเปิดเผยในช่วงต่อไป

LG ได้สร้างนวัตกรรมในวงการสมาร์ทโฟนมาหลายอย่าง อาทิเช่น กล้องเลนส์มุมกว้าง เเละเคยขึ้นเเท่นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกในปี 2013

เเต่ด้วยการเเข่งขันสูง จากสองผู้เล่นใหญ่ในตลาดอย่าง Samsung และ Apple ทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของ LG เริ่มขาดทุนต่อเนื่อง มาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2015 ส่งผลให้การขาดทุนสะสมจากการดำเนินงานในปีที่เเล้ว มากถึง 5 ล้านล้านวอน (ราว 1.39 เเสนล้านบาท)

ตามรายงานของ Counterpoint ระบุว่า ในปีที่ผ่านมา LG ส่งมอบสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้เพียง 28 ล้านเครื่อง น้อยมากเมื่อเทียบกับคู่เเข่งอย่าง Samsung ที่ทำได้ถึง 256 ล้านเครื่อง

สำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟนของ LG มีขนาดเล็กที่สุดจากทั้ง 5 หน่วยงานของบริษัท คิดเป็น 7.4% ของรายได้ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 2%

โดย LG เปิดเผยถึงทิศทางต่อไปว่า บริษัทจะหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ที่มีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ สมาร์ทโฮม เเละโซลูชันเกี่ยวกับการบริการ ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีเเละสิทธิบัตรด้านโทรศัพท์ เช่น การส่งข้อมูลในยุค 6G ที่บริษัทมีอยู่ นำไปพัฒนาธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ที่มา : BBC , LG

]]>
1326576
แอลจีชูแนวคิด “พัฒนา-เชื่อมต่อ-เปิดรับ” พร้อมโชว์นวัตกรรม AI สุดล้ำ ด้วย แอลจี ธิงคิว ณ แอลจี อินโนเฟสต์ 2019 https://positioningmag.com/1220605 Tue, 19 Mar 2019 09:49:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1220605 หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งกับการโชว์นวัตกรรมล้ำสมัยที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าในงาน CES 2019 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แอลจีก็ได้นำผลิตภัณฑ์ล่าสุดในกลุ่ม AI ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และเครื่องปรับอากาศ ที่เปิดตัวในงานดังกล่าวมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกภายในงาน LG InnoFest 2019 – APAC ณ ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ภายใต้ LG ThinQ (แอลจี ธิงคิว) พร้อมแนวคิด “พัฒนา-เชื่อมต่อ-เปิดรับ” (Evolve, Connect, Open) ดังเช่นที่แอลจีได้นำเสนอผ่าน LG Mansion หรือบ้านแอลจีหลังใหญ่ เพื่อนำเสนอประสบการณ์การทำงานของ AI ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคน และนำมาซึ่งความสะดวกสบายผ่านการจัดการผลิตภัณฑ์แบบเชิงรุก พร้อมประสิทธิภาพและการบริการที่ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจเชิงบริบท

ทำไมต้องแอลจี ธิงคิว

ในวงการอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า แอลจีนับเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค โดยเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์แรกๆ ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ด้วยแอลจี ธิงคิว เป็นครั้งแรกในปี 2011 ซึ่งประกอบด้วยตู้เย็นอัจฉริยะที่โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ชาญฉลาดต่างๆ เช่น ตัวเลือกด้านการประหยัดพลังงาน ระบบการจัดการอาหารและหน้าจอแอลซีดีบนตัวตู้เย็น ต่อมาในปี 2017 แอลจีได้เปิดตัวแบรนด์ แอลจี ธิงคิว อย่างเป็นทางการ ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ของแอลจี ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น และในปีนี้ แอลจีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี AI ไปอีกขั้น เพื่อนำเสนอประสบการณ์การใช้งานอันล้ำสมัยแบบที่ผู้บริโภคไม่เคยสัมผัสมาก่อน พร้อมผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด และการให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด

ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นของผู้บริโภค

ผู้บริโภคใช้งานผลิตภัณฑ์ได้ง่ายดายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเรียนรู้ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ซึ่งแอลจี ธิงคิว จะช่วยส่งข้อมูลการใช้งานโดยละเอียด ผ่านการส่งข้อความแบบตัวอักษรและเสียง ผู้บริโภคจึงไม่ต้องใช้หนังสือคู่มือ และระบบอัจฉริยะนี้ยังจดจำรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ทำให้ฟังก์ชั่นที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุด จะขึ้นมาเป็นอันดับแรกเพื่อการเข้าถึงที่ง่ายดายยิ่งขึ้น

การจัดการผลิตภัณฑ์แบบเชิงรุกเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

แอลจี ธิงคิว ยังสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยวิเคราะห์และระบุถึงปัญหาและแจ้งเตือนผู้ใช้งาน พร้อมแนะนำทางออกที่ดีที่สุด และหากปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องแก้ไขผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติม ก็จะเชื่อมต่อกับศูนย์บริการใกล้เคียงและนัดเวลาเพื่อเข้ามาตรวจสอบ นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องกรองน้ำของแอลจีจะรับรู้ได้ว่าอะไหล่บางชนิดควรถูกเปลี่ยนใหม่เมื่อไร โดยวิเคราะห์จากพฤติกรรมและรูปแบบการใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตั้งแต่ต้น

การให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดจากความเข้าใจในเชิงบริบทผลิตภัณฑ์ แอลจี ธิงคิว สามารถนำเสนอโซลูชั่นที่ดียิ่งขึ้นสำหรับสถานการณ์บางประเภท ด้วยการรวบรวมพฤติกรรมการใช้งานเข้ากับข้อมูลเชิงบริบท ซึ่งมีลักษณะคล้ายมนุษย์มากขึ้น เช่น เมื่อสั่งงานเครื่องซักผ้าอัจฉริยะ มันจะสามารถแจ้งเตือนว่าผู้ใช้ควรทำความสะอาดถังซักเมื่อไร โดยประเมินจากพฤติกรรมการซักผ้า ความถี่ในการใช้งาน รวมไปถึงสภาพอากาศ ในขณะที่ตู้เย็นสามารถตรวจสอบอาหารที่ถูกแช่อยู่ในตู้เย็น พร้อมประมวลผลและแนะนำว่าอาหารเหล่านั้นสามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอะไรได้บ้าง หุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบบอัจฉริยะสามารถปรับกลยุทธ์การทำความสะอาดให้เหมาะสมตามข้อมูลที่ใช้งานที่ถูกรวบรวมไว้ เช่น ระดับความสะอาดของบ้าน แผนผังของตัวบ้าน และความเคลื่อนไหวภายในบ้าน เป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อสั่งงานเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ มันจะทำหน้าที่วิเคราะห์สภาพอากาศและให้คำแนะนำได้ในทันทีว่าผู้ใช้ควรเปิดใช้เครื่องฟอกอากาศไปจนถึงเวลาใดจนกว่าจะได้อากาศที่บริสุทธิ์ อีกทั้งยังช่วยตรวจสอบอุณหภูมิห้องและสอบถามผู้ใช้ได้ในทันทีว่าต้องการเปิดเครื่องปรับอากาศหรือไม่ เมื่อภายในห้องมีอากาศร้อน ซึ่งการทำงานแบบเชื่อมต่อระหว่างเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ต่างชนิดกันสามารถถูกสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างง่ายดายและอิสระ ผ่านลำโพงผู้ช่วยอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI จาก Google Assistant เพียงเครื่องเดียว

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแอลจีในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยยกระดับการใช้ชีวตที่ดียิ่งขึ้นของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ตอบรับสโลแกน Life’s Good นั่นเอง ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LG ThinQ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ที่ www.lg.com/th

เกี่ยวกับ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ในประเทศไทย

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย (จำกัด) หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านภายใต้แบรนด์ แอลจี โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นสู่ความเป็นแบรนด์ชั้นนำของเมืองไทยที่จะเติมเต็มชีวิตของผู้บริโภคชาวไทยด้วยนวัตกรรมระดับโลกโดยในประเทศไทยนั้น ประกอบไปด้วย 3 หน่วยธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ธุรกิจเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นด้านพลังงานแอลจีเป็นผู้นำด้านการผลิตทีวีจอแบน อุปกรณ์ภาพและเสียง เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า และตู้เย็นที่มีคุณภาพระดับโลก นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยีและคุณภาพที่วางใจได้แล้ว แอลจียังมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบที่น่าสนใจและหลากหลายเพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกน “Life’s Good”

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแอลจีได้ที่ www.LGnewsroom.com และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลจี ประเทศไทย ได้ที่ www.lg.com/th

]]>
1220605
ตลาดเดือดปุด ขายแอร์ยุคใหม่ต้องใช้พรีเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/1162041 Sat, 17 Mar 2018 07:52:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1162041 เทคโนโลยีแอร์ล้ำยุค พูดไปก็เท่านั้น หาพรีเซ็นเตอร์เด็ดให้คนจำแบรนด์ได้ดีกว่า น่าจะเป็นคำตอบที่ตรงที่สุดของเครื่องปรับอากาศแทบทุกแบรนด์ในตลาดไทย ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเมืองร้อนแบบประเทศไทยเรานี้ ทั้งที่ควรจริงเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ควรจะขายได้ด้วยตัวเองมันเอง แต่หลาย ๆ แบรนด์ก็เลือกที่จะใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นดารา นักร้อง หรือคนดังที่เป็นที่นิยมในระดับต้น ๆ ณ ช่วงเวลาที่ปล่อยโฆษณาออกมา ซึ่งพรีเซ็นเตอร์นั้นก็ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศบางแบรนด์ประสบผลสำเร็จสมกับที่ทุ่มทุนใช้พรีเซ็นเตอร์เลยทีเดียว

เรามาเริ่มย้อนดูกันก่อนว่าแต่ละแบรนด์ของเครื่องปรับอากาศไทย ใช้พรีเซ็นเตอร์คนไหนกันมาแล้วบ้าง

Mitsubishi มิตซูบิชิ

  • ครอบครัวโกสิยพงษ์ พ.ศ. 2551
  • โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พ.ศ. 2558-2561

Samsung ซัมซุง

  • อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ พ.ศ. 2553
  • แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และ สงกรานต์ เตชะณรงค์ พ.ศ. 2556
  • ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต พ.ศ. 2560

LG แอลจี

  • ชาคริต แย้มนาม และ วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์ พ.ศ. 2557
  • ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พ.ศ. 2560

Daikin ไดกิ้น

  • ณเดชณ์ คูกิมิยะ พ.ศ. 2558

Panasonic พานาโซนิค

  • ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ พ.ศ. 2555
  • แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ และ นาย ณภัทร เสียงสมบุญ พ.ศ. 2560

Sharp ชาร์ป

  • เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา พ.ศ. 2557

Haier ไฮเออร์

  • บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พ.ศ. 2561

Carrier แคเรียร์

  • ชาคริต แย้มนาม พ.ศ. 2554
  • อิศรา กิจนิตย์ชีว์ หรือ ทอม Room39 พ.ศ. 2561

จากแต่ก่อนที่ทางตลาดเครื่องปรับอากาศต่างห้ำหั่นกันผ่านลูกเล่นของตัวผลิตภัณฑ์เอง เช่น ดักจับฝุ่นละอองในอากาศ สั่งงานด้วยเสียง เป็นต้น

ตอนนี้พร้อมใจกันหันมาใช้พรีเซ็นเตอร์ เป็นตัวแทนส่งไปในสนามรบเพิ่ม อย่างเครื่องปรับอากาศของ Haier (ไฮเออร์) คว้าตัว บอย ปกรณ์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางเครื่องปรับอากาศเป็นครั้งแรกเนื่องจากอยากใช้กระแสการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ ควบคู่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่จาก Haier (ไฮเออร์)

บางแบรนด์ยังคงเลือกไว้วางใจใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิมอย่างต่อเนื่องหลายปีติดกัน เพราะได้ผลตอบรับในด้านยอดขายที่ดีจากการใช้พรีเซ็นเตอร์คนเดิม อย่าง Daikin (ไดกิ้น) ที่พรีเซ็นเตอร์ยังเป็นพระเอกดังอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และ Mitsubichi (มิตซูบิชิ) ที่มีพรีเซ็นเตอร์เป็นพระเอกดังจากทางช่องเดียวกันอย่าง โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ซึ่งดูเหมือนว่านอกจากเครื่องปรับอากาศและโฆษณาที่นำโดยพรีเซ็นเตอร์จะทำงานร่วมกันในการช่วยขายผลิตภัณฑ์ให้แต่แบรนด์แล้ว กระแสของตัวพรีเซ็นเตอร์เองในช่วงเวลาที่โฆษณาออนแอร์อยู่ก็เป็นหนึ่งภาพจำ ทำให้ผู้คนจำภาพเครื่องปรับอากาศนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

เห็นได้ชัดว่า เหตุผลที่ต้องเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นอีกหนึ่งนักรบหลักในการต่อสู้ทางการตลาดกับแบรนด์คู่แข่ง มีด้วยกันหลายเหตุผล เพราะตัวพรีเซ็นเตอร์นั้นจะช่วยชูโรงและอธิบายลูกเล่นข้อดีต่าง ๆ ของตัวเครื่องปรับอากาศได้ดียิ่งขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่าเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้านั่นเอง

อีกทั้งตัวพรีเซ็นเตอร์ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะส่งผลไปยังผลิตภัณฑ์และแบรนด์ให้มีความเชื่อถือด้วย

นอกจากนี้นอกจากฝ่ายแบรนด์จะได้ผลประโยชน์หลักในการขายสินค้าของตนแล้ว ตัวพรีเซ็นเตอร์เอง ก็มีพื้นที่สื่อให้ผู้คนได้เห็นตลอดเหมือนกัน

เรียกได้ว่าได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย อย่างเช่น มิตซูบิชิ ที่มี โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ก็เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของแบรนด์เครื่องปรับอากาศที่เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์และเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสมกับหลาย ๆ ด้าน

ยิ่งตอนนี้อย่างตอนนี้กระแสท่านหมื่นจากละครดังบุพเพสันนิวาสก็ส่งผลให้คนไทยให้ความสนใจกับ โป๊ป ธนวรรธน์ มากขึ้น ตัวโฆษณาของ Mitsubichi (มิตซูบิชิ) เองที่มีโป๊ปแสดงนำก็ทำให้ผู้คนให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมาก ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น

ช่วงเบรกโฆษณาของละครดังสะเทือนอโยธยาอย่าง บุพเพสันนิวาส ตอนนี้ ไม่ใช่แคร์ มิตซูบิชิ ส่งโฆษณาของที่ โป๊ป หรือ พี่หมื่นคนดัง มาออกอากาศอย่างถี่ยิบ และไม่ได้จำกัดแค่เครื่องปรับอากาศ แต่รวมถึงสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่โป๊ปรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทั้งแบรนด์ภายใต้แนวคิด เราคิดจากชีวิตคุณ

หรือแม้กระทั่ง Panasonic (พานาโซนิค) ที่ใช้นางเอกเรตติ้งดีอย่าง แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ร่วมกับพระเอกดาวรุ่งอย่าง นาย ณภัทร เสียงสมบุญ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กัน ก็เพื่อดึงดูดให้ผู้คนมาสนใจชมสินค้ามากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลในช่วงแรก เพราะกระแสละครของทั้งคู่จบไปค่อนข้างเร็วจึงเหลือแค่บางกลุ่มเท่านั้นที่ติดตามอยู่

ฉะนั้นจังหวะหรือทิศทางของกระแสก่อนจะเลือกพรีเซ็นเตอร์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เรียกง่าย ๆ ว่าพรีเซ็นเตอร์เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไปเลยก็ได้

เพราะเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ที่เมื่อแบรนด์ตัดสินใจเลือกใครมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว ภาพลักษณ์ของพรีเซ็นเตอร์จึงเท่ากับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ด้วย.

]]>
1162041
แข่งหนัก LG โบกมือลา เลิกขายสมาร์ทโฟนในจีนอย่างเป็นทางการ https://positioningmag.com/1155618 Mon, 05 Feb 2018 03:26:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155618 แอลจี (LG) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ ประกาศดึงธุรกิจสมาร์ทโฟนออกจากตลาดจีนอย่างเป็นทางการ ยอมรับว่าเป็นผลจากการแข่งขันสุดรุนแรง ถือเป็นการตัดสินใจทิ้งตลาดใหญ่ที่มีฐานผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก

สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ LG วางจำหน่ายในจีนคือรุ่น G5 SE ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2016 สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นรุ่นสำหรับตลาดล่าง หรือ downmarket และเป็นรองรุ่นเรือธงอย่าง G5 นโยบายการเลือกสินค้าของ LG เช่นนี้ตอกย้ำว่าบริษัทกิมจิประเมินตลาดและยอมรับสภาพฝืดเคืองในจีนมาระดับหนึ่งแล้ว

หลังจากที่ปล่อยให้ LG เกียร์ว่างในจีนมาราว 1 ปี ล่าสุดสื่อจีนได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า โดยผู้บริหาร LG ระบุว่าบริษัทจะยุติธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดในประเทศจีน

รายงานระบุว่า นักข่าวสำนัก China Business ที่เข้าเยี่ยมชมสำนักงานของ LG ในกรุงปักกิ่ง เป็นผู้ได้รับข้อมูลนี้จากตัวแทนของ LG แต่ไม่มีการระบุถึงเหตุผลที่แน่ชัด มีเพียงการประเมินเบื้องต้นว่าเป็นเพราะการแข่งขันดุเดือด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ LG ขาดทุนในธุรกิจสมาร์ทโฟนไม่น้อยตลอดปีที่ผ่านมา

LG ระบุในแถลงการณ์ผลประกอบการปี 2017 ว่าในขณะที่รายได้รวมบริษัทเพิ่มขึ้น 10.9% เป็น 5.54 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้เฉพาะธุรกิจสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 2.77 พันล้านเหรียญ แต่ LG ยังคงขาดทุนในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ราว 192.33 ล้านเหรียญ ผลจากค่าใช้จ่ายในธุรกิจที่สูงเกินหน้ายอดขาย ซึ่งไม่มีรายละเอียดว่าเป็นค่าใช้จ่ายจากส่วนใด

อย่างไรก็ตาม LG ชี้ว่าตัวเลขขาดทุนนี้ดีขึ้นมากกว่าการขาดทุน 331.37 ล้านเหรียญเมื่อไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก LG สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นแพงอย่าง LG V30 และสมาร์ทโฟนพรีเมียมรุ่นอื่นได้มากขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจ 

ที่สำคัญคือสมาร์ทโฟน Pixel 2 XL ที่ LG ร่วมมือกับกูเกิล (Google) ผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหญ่จอ OLED จุดนี้ LG ระบุว่าขายดีจนทำให้ยอดขายในมุมจำนวนเครื่องเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จากไตรมาสก่อนหน้า (แต่ก็ยังลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว) ทำให้มีการคาดการณ์ว่า LG อาจหันมาจับตลาดตะวันตกแทนเอเชีย.

สนับสนุนข่าวโดย : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000011671

]]>
1155618