MUJI – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 09 Apr 2024 05:34:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เมื่อ MUJI สยายปีกสู่ภาคใต้ เปิดสาขาแรกที่ “เซ็นทรัล หาดใหญ่” ตอกย้ำ Lifestyle Destination ตัวจริง https://positioningmag.com/1469477 Tue, 09 Apr 2024 11:38:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469477

หาดใหญ่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของภาคใต้ เรียกได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจก็ไม่มีผิด แถมยังเป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ที่ทางเซ็นทรัลพัฒนา เลือกเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ และประเดิมปี 2567 เซ็นทรัล หาดใหญ่ได้ฤกษ์เปิด MUJI สาขาแรกของภาคใต้ เป็นการตอกย้ำภาพการเป็น Lifestyle Destination ตัวจริงเสียงจริง

MUJI เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น มีสินค้าให้เลือกหลากหลายทั้งกลุ่มเสื้อผ้า ของใช้ในบ้าน ของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย หลายคนติดใจ และชื่นชอบ MUJI ด้วยความที่เป็นแบรนด์ที่สินค้ามีดีไซน์ที่เรียบง่าย และอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ

ก่อนหน้านี้ MUJI เลือกที่ขยายสาขาในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ แต่เปิดต้นปี 2567 MUJI ได้เปิดสาขาใหม่ล่าสุดเรียกว่าเป็นสาขาแรกในโซนภาคใต้เลยก็ว่าได้ ได้เปิดสาขาที่ 35 ในประเทศไทย ปักหมุดที่ “เซ็นทรัล หาดใหญ่” ศูนย์การค้าแห่งเดียวในจังหวัดสงขลาที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง และตลาดท้องถิ่น รองรับความต้องการของนักช้อปทั้งในอำเภอหาดใหญ่ ตัวเมืองจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียง

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“จังหวัดสงขลามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภาคใต้ โดยสถิติล่าสุด ระบุว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด หรือ GPP คิดเป็น 243 ล้านบาท รายได้ต่อหัวของจังหวัดประมาณ 145,000 บาท/คน/ปี (จากประชากรปัจจุบัน 1.43 ล้านคน) ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 14 ของประเทศและเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้  ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียในสัดส่วนสูงที่สุดของประเทศ เปรียบเสมือนศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ การเปิด MUJI แห่งแรกในภาคใต้ที่เซ็นทรัล หาดใหญ่ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำศักยภาพของเซ็นทรัล หาดใหญ่ในการเป็นแลนด์มาร์คสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียอีกด้วย”

MUJI เซ็นทรัล หาดใหญ่ ออกแบบและตกแต่งภายใต้แนวคิดดั้งเดิมของ MUJI คือเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ผสมผสานกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วยบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น แบ่งสัดส่วนของประเภทสินค้าอย่างเป็นระเบียบ และครบครันไปด้วยสินค้า MUJI มากมายให้เลือกสรรกว่า 3,000 รายการ

เริ่มด้วย โซนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่อยากให้ชาวใต้ได้ลองเครื่องแต่งกายสไตล์เบสิกสไตล์ MUJI ที่มิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับไอเท็มตัวโปรด มาพร้อมไฮไลท์ คอลเลคชัน Spring/Summer 2024 ในสไตล์และสีสันที่หลากหลาย พร้อมกันนี้ยังมีเครื่องประดับต่างๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า ถุงเท้า หมวก ให้เลือกช้อปอีกมากมาย ถัดมากับ โซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เอาใจคนรักบ้าน รวบรวมสินค้าจำเป็นสำหรับห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นอุปกรณ์ทำความสะอาด กล่องและอุปกรณ์เอนกประสงค์จัดระเบียบบ้านทุกรูปแบบ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายและปราณีต พร้อมฟังก์ชันตามมาตรฐานประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เครื่องเขียนและสำนักงาน ตอบโจทย์นักเรียน นักศึกษา และพนักงานออฟฟิศ ราคาเริ่มต้นหลักสิบ

และเอาใจคนรักการท่องเที่ยวกับ MUJI to GO อุปกรณ์สำหรับการเดินทาง รวบรวมอุปกรณ์จำเป็น ที่มอบความสะดวกสบายให้กับการเดินทางในทุกๆ รูปแบบ ต่อด้วยโซน Health & Beauty ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม รวมไปถึงอุปกรณ์แต่งหน้า, เครื่องสำอาง และเครื่องหอมอโรม่าหลากหลายกลิ่น ที่โดดเด่นด้วยส่วนผสมที่สกัดจากธรรมชาติ และปราศจากสารเคมี พร้อมกันนี้ยังมี โซนขนมและอาหารสำเร็จรูปจาก MUJI แบบจัดเต็ม เช่น เค้กบามคูเฮน, ชอคโกแลตเคลือบสตรอวเบอร์รี, ขนมปังโดรายากิ, ปลาแฮร์ริงอบแห้ง และขนมญี่ปุ่นรสชาติอร่อยอีกมากมาย

ที่สำคัญ ห้ามพลาดไฮไลท์! เอาใจคาเฟ่ ฮอปเปอร์กับ MUJI Coffee Corner บริการเครื่องดื่มกาแฟ และอีกมากมาย ราคาเริ่มต้นเพียง 60 บาท พร้อมเสิร์ฟขนมเค้กและของหวานสไตล์ญี่ปุ่น เริ่มต้น 49 บาทเช่น พุดดิ้งรสนม (ราคา 49 บาท), มินิ ทีรามิสุ (ราคา 69 บาท), ขนมฟุวะ ฟุวะ (ราคา 69 บาท), มินิ ชีสเค้ก (ราคา 69 บาท) และอีกมากมาย พร้อมกันนี้ ยังมีจำหน่ายไอศกรีมแบบถ้วย 9 รสชาติ ราคา 49 บาท ให้ชาวหาดใหญ่ได้สัมผัสรสชาติความอร่อยอย่างจุใจ

นอกจาก MUJI แล้วภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ ยังพร้อมเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตด้วยพันธมิตรร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำ ที่ยกทัพมามอบประสบการณ์การช้อปปิ้งหลากหลายครบทุกมิติอาทิ MLB, GENTLE WOMAN, CHARLES & KEITH, LYN, LEVI’S, MC JEANS, YUEDPAO, ADIDAS ORIGINAL, THE NORTH FACE, CROCS และอีกมากมาย

ร่วมสัมผัสประสบการณ์ไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบจาก MUJI ครั้งแรกในภาคใต้ ที่ร้าน MUJI CENTRAL HATYAI ชั้น 1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตที่หลากหลายได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งเดสติเนชั่นใจกลางแหล่งท่องเที่ยวแห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดสงขลา

]]>
1469477
เจาะธุรกิจ MUJI ในประเทศไทย ร้านเป็นแบบไหน? สินค้าอะไรขายดี? ลูกค้าคือใคร? https://positioningmag.com/1455006 Fri, 08 Dec 2023 10:58:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455006 1455006 “MUJI” ต้องทลายภาพจำเรื่อง “ราคา” เพื่อเป็นแบรนด์ “สินค้าในชีวิตประจำวัน” ของคนไทยให้ได้ https://positioningmag.com/1454469 Tue, 05 Dec 2023 10:39:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454469 MUJI (มูจิ) อยู่ในไทยมา 17 ปีแล้ว ทำให้ “ภาพจำ” เรื่อง “ราคา” เป็นสิ่งที่ลบล้างยาก แต่แบรนด์ต้องทำให้ได้หากอยากจะขยายสาขาไปทั่วประเทศไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ และเป็นแบรนด์สินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปที่คนไทยเข้าถึงได้ง่าย

แบรนด์ MUJI ที่ญี่ปุ่นถือเป็นแบรนด์สินค้าที่เรียบง่าย ใช้ในชีวิตประจำวัน และราคาไม่แพง แต่ทันทีที่สินค้านำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 17 ปีก่อน กลับกลายเป็นแบรนด์ที่ถูกมองว่า ‘ดีไซน์มินิมอลแต่ราคาแม็กซิมัม’ คนทั่วไปไม่สามารถหยิบจับซื้อได้บ่อยๆ

จนกระทั่งเมื่อ 4 ปีก่อน ทางบริษัทแม่ในญี่ปุ่นมีเป้าหมายใหม่สำหรับ MUJI ประเทศไทยว่า “MUJI จะต้องเป็นแบรนด์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยให้ได้”

 

ปรับราคาลงให้ “เข้าถึงได้ง่าย”

เมื่อจะเป็นแบรนด์สำหรับ “คนไทย” หมายถึงแบรนด์จะต้อง “แมส” เรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องทำจึงเป็นการปรับราคาสินค้าให้ “เข้าถึงได้ง่าย”

ตั้งแต่นั้นมา MUJI จึงเริ่มทยอยปรับลดราคาสินค้าลงมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันทางบริษัทประกาศว่า 52% ของรายการสินค้าทั้งหมดในร้านอยู่ในช่วงราคาต่ำกว่า 300 บาท

MUJI

“อกิฮิโร่ คาโมการิ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่า ด้วยภาพจำที่ติดในใจคนไทยมานานทำให้ภารกิจนี้ไม่ง่ายเลย

“เรามาเปิดร้าน MUJI ในไทยได้เกือบ 17 ปีแล้ว ซึ่งมาใหม่ๆ ก็ราคาสูงจริง ก่อนที่เราจะพยายามเปลี่ยนมุมมองความคิดของคนไทยต่อ MUJI ด้วยการลดราคาเมื่อ 4 ปีก่อน” คาโมการิกล่าว “แน่นอนว่าเมื่อคนติดภาพมานานก็อาจจะเปลี่ยนมุมมองได้ยาก แต่ ณ วันนี้ สินค้าและโปรโมชันจะทำให้เข้าถึงคนไทยได้ง่ายมากขึ้น”

“นอกจากลดราคาแล้วเรามีการวางโซนสินค้าต่ำกว่า 300 บาทในหลายสาขา ส่วนใหญ่โซนนี้จะนำมาไว้หน้าร้านเลยเพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน ปรากฏว่าคนให้ความสนใจมาก”

“อกิฮิโร่ คาโมการิ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด

คาโมการิบอกด้วยว่า การปรับลดราคามาหลายรอบจนถึงปัจจุบันนี้ราคาน่าจะอยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับตลาดและกลุ่มเป้าหมายแล้ว

แต่ถ้าถามว่าเมื่อไหร่ที่คนไทยจะรู้สึกว่า ‘MUJI ไม่แพง’ ก็อาจจะยังต้องใช้เวลาอีกสักพักเหมือนกัน

 

ครึ่งหนึ่งของการขยายสาขาจะออกสู่ “ต่างจังหวัด”

เมื่อจะเป็นแบรนด์ของคนไทยไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ ทำให้ MUJI ต้องคิดขยายสาขาออก “ต่างจังหวัด” ให้มากขึ้น

ปัจจุบัน MUJI มีทั้งหมด 32 สาขา โดยมีเพียง 4 สาขาที่อยู่ในต่างจังหวัด คือ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี

MUJI
บรรยากาศในร้าน MUJI สาขาเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

คาโมการิเปิดแผนของ MUJI ในอนาคตจะเริ่มขยายสาขาให้มากขึ้นโดยจะขยายปีละ 8-10 สาขา เริ่มตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

“ครึ่งหนึ่ง” ของการขยายสาขาเหล่านี้จะเน้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงตั้งเป้าจะให้มีสาขาระดับ “แฟลกชิปสโตร์” อย่างน้อย 1 สาขาในแต่ละภูมิภาคด้วย

 

“MUJI แฟลกชิปสโตร์” โชว์คอนเซ็ปต์แบรนด์

MUJI เพิ่งเปิด “แฟลกชิปสโตร์” แห่งแรกไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 สถานที่ตั้งไม่ใช่ในกรุงเทพฯ แต่เป็นที่ “เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต”

นิยามแฟลกชิปสโตร์ของ MUJI แน่นอนว่าต้องมีพื้นที่ใหญ่กว่าปกติ โดยสาขาเชียงใหม่ แอร์พอร์ตมีพื้นที่ถึง 3,000 ตร.ม. ใหญ่กว่าสาขามาตรฐานเป็นเท่าตัว

สินค้าเอ๊กซ์คลูซีฟในโครงการ Found MUJI Thailand

รวมถึงเป็นสาขาที่มีความร่วมมือและสนับสนุนท้องถิ่น มีการเปิดพื้นที่ “ตลาดนัดมูจิ” ให้ร้านค้าท้องถิ่นนำสินค้าพื้นเมืองเข้ามาขาย และมีสินค้าเอ๊กซ์คลูซีฟที่พัฒนาร่วมกันกับวิสาหกิจชุมชนเพื่อมาขายในร้าน

คาโมการิกล่าวว่า แฟลกชิปสโตร์ลักษณะนี้จะมีการขยายไปทุกภูมิภาค เริ่มจากปี 2567 จะมี 1 สาขาในกรุงเทพฯ และ 1 สาขาในภาคใต้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นจังหวัดภูเก็ต

รวมถึงมีแผนว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมีแฟลกชิปสโตร์ในภาคอีสาน ขณะนี้กำลังชั่งน้ำหนักระหว่างจังหวัดขอนแก่นกับอุดรธานี

 

เบื้องหลังการบริหาร “แยกทีม” จากเซ็นทรัล

อีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่า MUJI กำลังเอาจริงกับตลาดประเทศไทย คือการปรับเปลี่ยนการบริหารมาดำเนินการเองมากขึ้น

อย่างที่ทราบว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทร่วมทุนกับเครือเซ็นทรัล ในอดีตจึงมีการทำงานโดยใช้ทรัพยากรของเซ็นทรัล แต่เมื่อ 2 ปีก่อน คาโมการิกล่าวว่าบริษัทเริ่มแยกทีมเป็นเอกเทศมากขึ้น งานส่วนใหญ่เปลี่ยนมาเป็นทีมของ MUJI โดยตรง เช่น การจัดการสาขาหน้าร้าน, ฝ่ายการตลาด, ทีมงานแอดมิน เหลือเพียงฝ่ายโลจิสติกส์และการเงินที่ยังใช้ทรัพยากรร่วมกับเซ็นทรัล

แน่นอนว่าการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ยังต้องตัดสินใจร่วมกันเพราะเป็นบริษัทร่วมทุน แต่การบริหารงานเริ่มคล่องตัวกว่า และทำให้ MUJI จะขยายสาขาได้ถึงปีละ 8-10 สาขา จากเดิมขยับปีละไม่เกิน 2-3 สาขา

ศักยภาพของประเทศไทยนั้นทำให้บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นยอมทุ่มทุน เพราะปัจจุบันไทยทำยอดขายให้ MUJI ได้เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และปี 2566 นี้คาโมการิคาดว่ายอดขายในไทยจะโตแบบ ‘ดับเบิลดิจิต’ เทียบกับปีก่อน (*MUJI มีขายอยู่ใน 6 ประเทศอาเซียน คือ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม)

“ยอดขายจากกรุงเทพฯ เติบโตได้ดี และมองว่าในต่างจังหวัดนั้นคนไทยก็มีกำลังซื้อเหมือนกัน” คาโมการิกล่าว “คนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก และไปเที่ยวทั้งประเทศเลยไม่ใช่แค่ในโตเกียว เราจึงน่าจะมีโอกาสการขายสูง”

]]>
1454469
“เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต” รีโนเวตใหญ่ในรอบ 27 ปี ปรับลุค “โมเดิร์นล้านนา” ดึงแบรนด์ระดับโลกเข้าศูนย์ฯ https://positioningmag.com/1454144 Fri, 01 Dec 2023 09:11:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454144 “เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต” เตรียมงบแตะ 2,000 ล้านบาทรีโนเวตใหญ่นับแต่ก่อตั้ง เปลี่ยนลุคใหม่เป็น “โมเดิร์นล้านนา” อัปเกรดดึงดูด “แบรนด์ระดับโลก” เข้าศูนย์ฯ วางเป้าเพิ่มแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 50% ของพื้นที่เช่า เพิ่มการใช้จ่าย 20-30% ต่อคน

“อิศเรศ จิราธิวัฒน์” Head of Fashion and Luxury Partner Management บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยถึงโครงการรีโนเวตใหญ่ “เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต” ซึ่งจะเป็นการรีโนเวตใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์การค้าเมื่อปี 2539

โครงการนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนแตะ 2,000 ล้านบาท ปรับใหญ่ทั้งภายนอกและภายในศูนย์ฯ ให้เป็นลุคใหม่ในสไตล์ “โมเดิร์นล้านนา” มีความทันสมัยมากขึ้น และปรับพื้นที่เช่าร้านค้าให้รองรับร้านขนาดใหญ่เกิน 1,000 ตร.ม.ได้มากขึ้น

การปรับปรุงพื้นที่ในครั้งนี้จะไม่มีการปิดถาวร แต่จะทยอยปิดปรับปรุงเป็นโซนๆ แบ่งเป็น 3 เฟส คาดจะเปลี่ยนโฉมเสร็จเรียบร้อยภายในไตรมาส 4/2568

เป้าหมายในการปรับปรุงศูนย์ฯ เพื่อดึงดูดให้ “แบรนด์ระดับโลก” สนใจเช่าพื้นที่ในเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ตมากขึ้น โดยวางเป้าว่าจะดึงดูดให้มีแบรนด์ใหม่เข้ามาในศูนย์ฯ​ อย่างน้อย 50% ของพื้นที่

MUJI
MUJI เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต สาขาแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทย

โดยขณะนี้มีแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาจับจองพื้นที่แล้วตั้งแต่ก่อนรีโนเวตคือ “MUJI” แฟลกชิปสโตร์ พื้นที่ 3,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถือเป็นแบรนด์ระดับโลกแบรนด์แรกที่เป็นหมุดหมายในการดึงแม่เหล็กใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์ฯ

อิศเรศคาดว่า การรีโนเวตและดึงแบรนด์ใหม่เข้ามาในศูนย์ฯ จะช่วยให้มีทราฟฟิกเข้ามามากขึ้น 10-15% จากปัจจุบันมีทราฟฟิกอยู่ราว 40,000 คนต่อวัน และทำให้มีการใช้จ่ายสูงขึ้น 20-30% จากปัจจุบันมีการใช้จ่ายเฉลี่ย 4,000 บาทต่อคนต่อวัน

“ศักยภาพกำลังซื้อคนเชียงใหม่นั้นสูงขึ้น เพราะอินเตอร์แบรนด์เองบอกข้อมูลกับเราว่าช่องทางอีคอมเมิร์ซของแบรนด์มีลูกค้าจากภาคเหนือเข้ามาเยอะขึ้นมาก ทำให้แบรนด์ต้องการจะมาเปิดช็อปในภาคเหนือ เราจึงต้องมีการปรับปรุงเพื่อรองรับแบรนด์ได้มากขึ้น” อิศเรศกล่าว

ปัจจุบันเซ็นทรัลพัฒนามีศูนย์การค้า 5 แห่งในภาคเหนือ ได้แก่ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล เชียงราย, เซ็นทรัล ลำปาง และเซ็นทรัล พิษณุโลก และจะมีการเปิดตัวแห่งที่ 6 ในปี 2567 คือ เซ็นทรัล นครสวรรค์

]]>
1454144
“ไม่ได้แพงอย่างที่คิด” มุมมองใหม่ที่ MUJI อยากให้ทุกคนเข้าใจ https://positioningmag.com/1413921 Mon, 26 Dec 2022 06:35:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413921
  • ทำอย่างไรถึงจะดึงลูกค้าเข้าร้านได้มากกว่านี้ และเห็นว่าสินค้าของแบรนด์น่าสนใจ “MUJI” กำลังแก้โจทย์เหล่านี้ด้วยโซน “สินค้าราคาไม่เกิน 300 บาท”
  • พร้อมเร่งนำเข้าสินค้ากลุ่ม “อาหาร” เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 10% ของร้าน เพราะเป็นสินค้าที่จะเร่งทราฟฟิก ลูกค้ากลับมาซื้อได้บ่อยๆ
  • ด้านการขยายสาขา วางเป้าเพิ่มอีก 10 สาขาภายในปี 2567 เน้นทำเลปริมณฑลและต่างจังหวัด ไซส์มาตรฐาน “ร้านขนาดใหญ่” 1,500 ตารางเมตร
  • แบรนด์ MUJI (มูจิ) เป็นแบรนด์ที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นในกลุ่มคนรักดีไซน์แบบ “มินิมอล” แต่ปัญหาก็คือ มินิมอลแบบ MUJI มักจะถูกมองว่า “แพง” แม้จะมีคุณภาพดีก็ตาม ซึ่งอาจจะทำให้ลูกค้าบางกลุ่มหนีไปเลือกหาแบรนด์อื่นที่ทำตามปรัชญามินิมอลกันมากมายในวันนี้

    เพื่อจะแก้โจทย์ดังกล่าว ทำให้ MUJI ปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2563 แบรนด์มีการ “ปรับลดราคา” สินค้าหลายรายการ และปี 2564 ก็มีการปรับลงอีก จนทำให้ราคาสินค้านับว่า “จับต้องได้” ขึ้นกว่าเดิมมาก

    MUJI
    MUJI สาขาโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์

    แต่ “ภาพจำ” ไม่ใช่เรื่องที่ลบกันได้ง่ายๆ ทำให้แบรนด์ต้องพยายามมากขึ้น ในปี 2565 นี้จึงเป็นอีกความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ MUJI จัดโซน “สินค้าราคาไม่เกิน 300 บาท” ไว้ในสาขาใหม่ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ ทำให้สินค้าราคาจับต้องได้โดดเด่นสะดุดตา มาวางรวมกันให้ลูกค้าเห็นว่ามีหลายๆ อย่างที่พวกเขาซื้อไปลองใช้ได้

    “โซนสินค้าราคาไม่เกิน 300 บาทหรือ Affordable Area ในไทยนั้นได้แรงบันดาลใจจากร้าน MUJI 500 yen ที่เพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่น” อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

    “เพราะลูกค้าไทยมองว่า MUJI คุณภาพดีแต่ราคาสูง ทั้งที่จริงแล้ว สินค้ากลุ่มของใช้ในบ้านของเรากว่า 4,000 รายการ มีถึง 50% หรือกว่า 2,000 รายการที่ราคาไม่เกิน 300 บาท เราจึงอยากให้โซนนี้ช่วยสื่อสารให้ชัดเจนว่า จริงๆ แล้วแบรนด์ของเรามีสินค้าราคาย่อมเยาด้วยเหมือนกัน”

    MUJI
    โซนสินค้าราคาไม่เกิน 300 บาท

    สินค้าในโซน 300 บาทมักจะเป็นของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ในบ้านชิ้นเล็กๆ เช่น กระดาษเช็ดแว่นตา ราคา 35 บาท (*สินค้าชิ้นนี้เป็นของที่ขายดีที่สุดในไทย), ถุงเท้าแพ็ก 3 คู่ ราคา 190 บาท, ลูกกลิ้งทำความสะอาดพรม ราคา 190 บาท, เหยือกน้ำ ราคา 190 บาท เป็นต้น ทั้งหมดเป็นสินค้าที่แบรนด์วางขายอยู่แล้ว ไม่ได้ผลิตหรือออกแบบใหม่เพื่อให้อยู่ในกลุ่มราคานี้

    คาโมการิกล่าวว่า โซนราคาไม่เกิน 300 บาทน่าจะมีการขยายไปยังสาขาอื่นๆ ต่อไป แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นสาขาใดบ้าง

     

    “อาหาร” แม่เหล็กดึงคนเข้าร้านให้บ่อยขึ้น

    คาโมการิกล่าวถึงอีกกลยุทธ์หนึ่งที่หวังจะช่วยดึงทราฟฟิกเข้าร้าน คือการขยายสินค้าหมวด “อาหาร” ให้มากขึ้น เพราะอาหารเป็นสินค้าใช้แล้วหมดไป จะทำให้ลูกค้าแวะกลับมาซื้อได้อีกบ่อยๆ และเหมือนกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่เมื่อเข้ามาแล้วก็มักจะแวะเดินชมร้านเผื่อหยิบสินค้าอื่นกลับไปด้วย

    MUJI
    แกงกะหรี่สำเร็จรูป สินค้าใหม่ในหมวดอาหารที่หวังว่าจะเป็นแม่เหล็กใหม่ดึงลูกค้า

    ปัจจุบัน MUJI ไทยแบ่งสัดส่วนสินค้าออกเป็น กลุ่มเสื้อผ้า-เครื่องแต่งกาย 50% กลุ่มของใช้ในบ้าน-เฟอร์นิเจอร์-ของใช้ส่วนตัว 48% และกลุ่มอาหาร 2% ทั้งที่ในญี่ปุ่นนั้น ร้าน MUJI มีกลุ่มอาหารจำหน่ายเป็นจำนวนมาก บริษัทจึงต้องการจะเร่งสินค้าหมวดอาหารให้เพิ่มสัดส่วนเป็น 10%

    ล่าสุด MUJI มีการนำเข้าสินค้า “แกงกะหรี่สำเร็จรูป” เข้ามา 5 รสชาติ ซึ่งหวังว่าจะเป็นแม่เหล็กดึงลูกค้าได้เหมือนกับที่ญี่ปุ่น จากปัจจุบันลูกค้าไทยจะชอบสินค้าอาหารของแบรนด์ เช่น ขนมบามคุเฮน, ขนมสตรอว์เบอร์รี่เคลือบช็อกโกแลต, เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น

     

    ASEAN MD กลุ่มสินค้าที่พัฒนาต่อเนื่อง

    อีกส่วนที่ MUJI เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 และจะทำอย่างต่อเนื่องคือการพัฒนาสินค้า ASEAN MD เริ่มมาจากความเข้าใจของ MUJI ว่า ลูกค้าในอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตบางอย่างก็ไม่เหมือนคนญี่ปุ่น ทำให้อุปกรณ์ของใช้ต่างๆ ก็นิยมต่างกันด้วย บริษัทแม่ในญี่ปุ่นจึงออกแบบสินค้าเพื่อมาวางขายในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ

    ยกตัวอย่างสินค้า ASEAN MD เช่น ม๊อบถูพื้น, หมอนข้าง, ผ้านวมแบบบาง, เสื้อผ้าใยผ้าระบายอากาศร้อน สิ่งของเหล่านี้เป็นวิถีของคนอาเซียนหรือคนไทย และแบรนด์จะดีไซน์สินค้าใหม่ออกมาในอีกหลายหมวด เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวขนาดเล็ก, อาหาร จากปัจจุบัน MUJI ไทยวางขายสินค้ากลุ่ม ASEAN MD อยู่ราว 30% ของร้าน ต่อไปสัดส่วนน่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก

    ผ้านวมแบบบาง สินค้า ASEAN MD ออกแบบมาเพื่อให้ตรงกับภูมิอากาศแบบอาเซียนที่ไม่หนาวเหมือนในญี่ปุ่น

     

    ขยายสาขาเจาะทำเลที่ ‘ไม่ใช่’ ใจกลางกรุงเทพฯ

    จากแนวทางการปรับมุมมองต่อแบรนด์ และพัฒนาสินค้าให้ ‘localized’ สูงขึ้น การขยายสาขาก็จะสอดคล้องเช่นกัน

    “การขยายทำเลของเราต่อไปจะเน้นให้เข้าถึงคนหมู่มาก ขยายไปกว้างขึ้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้สาขาใหม่จะเน้นออกไปในปริมณฑลและต่างจังหวัด” คาโมการิกล่าว

    สิ้นปี 2565 นี้ MUJI จะมีครบ 29 สาขา โดยมีเพียง 3 สาขาในต่างจังหวัด คือ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล ชลบุรี และเซ็นทรัล ศรีราชา

    MUJI สาขาเซ็นทรัล ชลบุรี

    แผนการเปิดสาขาปี 2566-67 จะเปิดรวม 10 สาขา โดยเฉพาะในปี 2566 ตั้งเป้าจะเปิดให้ได้ 7 สาขาภายในปีเดียว มีสาขาต่างจังหวัดที่คาดว่าจะเปิดแน่นอนแล้วคือ เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และอีกสาขาหนึ่งกำลังมองหาทำเลในภาคใต้ รวมถึงมีความสนใจทำเลในภาคอีสานด้วย

    คาโมการิยังบอกด้วยว่า สาขาใหม่ๆ จะพยายามเน้นหาพื้นที่ลงร้านได้ใน “ขนาดมาตรฐาน” คือ 1,500 ตารางเมตรขึ้นไป ถือเป็นร้านแนวใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิมของ MUJI ไทย เพราะพบว่าลูกค้าให้การตอบรับดี ชื่นชอบที่ร้านใหญ่มีสินค้าให้เลือกเยอะเหมือนที่ญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าร้านที่เป็นไซส์ใหญ่ของแบรนด์ต่างทำยอดขายได้ในอันดับต้นๆ ของประเทศ เช่น สาขาเอ็มควอเทียร์, สาขาสามย่านมิตรทาวน์, สาขาเซ็นทรัล ชิดลม เป็นต้น

    ทั้งหมดเป็นแผนการเดินหน้าต่อของแบรนด์ต้นตำรับมินิมอลจากญี่ปุ่น โดยบริษัทเชื่อว่าปี 2566 จะเป็นปีที่สดใสของ MUJI คาดทำรายได้ได้มากกว่าปี 2562 (ก่อนโควิด-19)

    ]]>
    1413921
    Asava ลุยธุรกิจ “ยูนิฟอร์ม” พร้อมความฝันอยากเป็นแบบ MUJI มีจานชาม เฟอร์นิเจอร์ https://positioningmag.com/1404033 Tue, 11 Oct 2022 13:48:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404033
  • Asava ดันธุรกิจ ASAVA uniform หรือชุดยูนิฟอร์มองค์กรให้แกร่งขึ้น จากเทรนด์หลายองค์กรให้ความสำคัญกับชุดพนักงาน
  • ยูนิฟอร์มเปรียบเหมือนเครื่องมือการตลาดชั้นดี ถ้าพนักงานแฮปปี้ ก็เป็น Soft Power ให้บริษัทได้
  • ความฝันของหมู Asava อยากให้ Asava เป็นเหมือนแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง IKEA และ MUJI มีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่จานชาม เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ต่างๆ เป็นแบรนด์ที่อิมแพคกับผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน
  • ตลาดลักชัวรีกระทบน้อย แต่ไม่ใช่ไม่โดน

    ในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมาทั้งหมด 2 ปี หลายธุรกิจได้รับผลกระแทบ ไม่เว้นแต่ธุรกิจแฟชั่น แต่ในกลุ่มลักชัวรีอาจจะกระทบน้อยหน่อย เพราะกลุ่มลูกค้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ แถมยังได้อานิสงส์จากการไม่ได้เดินทางไปใช้จ่ายต่างประเทศ ทำให้ได้ใช้จ่ายเงินในประเทศมากขึ้นด้วยซ้ำ

    Positioning มีโอกาสพูดคุยกับ “พลพัฒน์ อัศวะประภา” หรือ aka หมู อาซาว่า ดีไซเนอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Asava แบรนด์ไทยแฟชั่นระดับลักชัวรี ในปีนี้แบรนด์อายุครบ 14 ปี ได้ยอมรับว่าช่วง COVID-19 ได้ช่วงที่หนักที่สุดที่เคยเจอ แต่ยังดีที่หันมาโฟกัสตลาดออนไลน์ และธุรกิจชุดยูนิฟอร์มมากขึ้น ยอดขายจึงไม่ลดลงมากเท่าไหร่

    “ในช่วง COVID-19 ยังมีความโชคดีหน่อยที่เริ่มทำออนไลน์มา 3-4 ปี ทำให้สะดุดนิดหน่อย แต่ยอดขายไม่ลดลงมาก ในปีแรกมีผลกระทบมาก เพราะคนไทยปรับตัวไม่ถูก แต่ในปีนี้คนเริ่มคุ้นชิน สุขภาพจิตดีขึ้น ยิ่งสินค้าแบรนด์ลักชัวรีได้เอฟเฟกต์ดี เพราะคนไม่เดินทาง ซื้อของในประเทศมากขึ้น”

    พลพัฒน์ได้ประเมินถึงตลาดแฟชั่นว่ามีแลนด์สเคปที่เปลี่ยนไปมานานแล้ว หลายแบรนด์เริ่มลงมาจับตลาดออนไลน์ พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปเริ่มซื้อของออนไลน์ในชิ้นใหญ่ขึ้น มูลค่าสูงขึ้น จากแต่ก่อนจะซื้อของมูลค่าไม่สูง เพราะกลัวโดนโกง ได้ของปลอม

    ปัจจุบัน Asava Group มีทั้งหมด 6 แบรนด์ ได้แก่ Asava, ASV, Asava White, ASAVA uniform, MOO และ Sava Dining สำหรับแบรนด์ Sava Dining เป็นธุรกิจร้านอาหาร ตอนนี้มี 3 สาขา เตรียมขยายเพิ่มเป็น 7 สาขา พลพัฒน์เล่าถึงที่มาในการเปิดร้านว่า “เกิดจากแรงยุ” ตอนนั้นได้คุยกับคุณแอ๊ว ศุภลักษณ์ อัมพุช ตอนเปิดเอ็มควอเทียร์ แล้วพี่แอ๊วบอกว่าคาแรกเตอร์เหมือนกับกับพี่ภาณุ (ผู้ก่อตั้ง Greyhound) ลองทำร้านอาหารดูสิ ก็เลยทำ

    ไม่คิดแบบยูนิฟอร์ม คิดแบบคอลเลกชัน

    นอกจากการบุกตลาดออนไลน์แล้ว Asava เองก็ต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการหารายได้จากกลุ่มอื่นมากขึ้น ธุรกิจที่มาแรงที่สุดก็คือ “ยูนิฟอร์ม” หรือชุดพนักงาน เป็นการจับธุรกิจ B2B มากขึ้น

    ถ้าที่ผ่านมาหลายคนมองว่า Asava ได้อยู่เบื้องหลังชุดราตรีของเหล่าเซเลบริตี้มากมาย และเวทีนางงาม ตอนนี้พูดได้ว่า Asava ก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของชุดพนักงานของบริษัทต่างๆ ด้วย

    Asava ได้เริ่มธุรกิจยูนิฟอร์มตั้งแต่ปี 2553 ได้ตั้งยูนิต ASAVA uniform ขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ สำหรับการออกแบบชุดยูนิฟอร์มใหม่ลูกค้า แบรนด์แรกที่ได้ทำก็คือ “บางกอกแอร์เวย์ส” จากที่ไม่เคยทำชุดยูนิฟอร์มมาก่อน จนกลายเป็นแบรนด์สร้างชื่อให้ลูกค้าแบรนด์อื่นๆ ติดต่อให้ Asava ทำอย่างต่อเนื่อง

    พลพัฒน์เริ่มเล่าว่า “งานชิ้นแรกที่ได้ทำก็คือ บางกอกแอร์เวย์ส เพราะผู้บริหารเป็นลูกค้า Asava อยู่แล้ว เลยมาชวนทำ ตอนนั้นแบรนด์ไม่ได้เปลี่ยนยูนิฟอร์มมา 30 ปีแล้ว มีโจทย์ที่ว่าอยากให้โมเดิร์นขึ้น คำว่าบูทีคแอร์ไลน์เพิ่งมาพอดี เลยใช้สีฟ้าเทอร์ควอยซ์เข้ามา เปลี่ยนจากแอร์ที่คุ้นชินกับการใส่กระโปรง มาเป็น “กระเปง” (กระโปรง+กางเกง) เป็นการพลิกกระดานของวงการแอร์โฮสเตสเลย เพราะรูทบินของบางกอกแอร์เวย์ส่วนใหญ่เป็นเมืองท่องเที่ยว อย่างบาหลี สมุย เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องทางการมาก สวยแต่ลำลองได้ คิดแค่ว่าเปลี่ยนทั้งทีต้องทำให้คนรู้สึกได้”

    จากผลงานแรกทำให้สำนักพิมพ์ Conde Nast Traveler เลือกเป็น 1 ใน 7 ชุดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่มีความสวยงาม และโดดเด่นที่สุด เคียงคู่กับผลงานจาก Yves Saint Laurent และ Chistain LaCroix ที่ดีไซน์ให้สายการบินระดับโลกอื่นๆ

    หลังจากนั้นก็เป็นการเปิดประตูให้ลูกค้าแบรนด์อื่นติดต่อให้ Asava ดีไซน์ยูนิฟอร์มมากขึ้น แรกเริ่มมีพนักงานแค่ไม่กี่คน จนต้องเปิดแผนกใหม่ ทั้งดีไซเนอร์, AE, Customer Service, Merchandiser พลพัฒน์บอกว่าต้องเริ่มต้นกระบวนการเองทั้งหมด ตั้งแต่คิด ให้คำปรึกษา มีแนวคิดที่ว่าเหมือนทำคอลเลกชันใหม่ให้ลูกค้า

    “วิธีการคิดยูนิฟอร์มของเราจะไม่มองว่าเป็นยูนิฟอร์ม แต่กระบวนการคิดเหมือนเป็นคอลเลกชันใหม่เลย การคิดก็ใส่หัวแฟชั่น ให้คำปรึกษา กลยุทธ์ เพื่อให้เข้ากับองค์กร ต่างจากการคิดทำยูนิฟอร์มของบริษัทอื่นๆ” 

    ยูนิฟอร์มดี เป็น Soft Power ให้องค์กร

    ชุดยูนิฟอร์มเป็นหน้าที่ของฝ่าย HR หรือการตลาดกันแน่ เป็นคำถามที่ชวนคิด…

    หลายองค์กรมองว่าการทำยูนิฟอร์มพนักงานเป็นภาระหน้าที่ของฝ่าย HR หรือบริหารบุคคล ในการดูแลพนักงานในบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เกือบ 100% ชุดยูนิฟอร์มก็จะออกมาในรูปแบบเสื้อโปโล หรือเสื้อเชิ้ตพร้อมปักโลโก้บริษัท ผ้าที่ใช้ก็อาจจะไม่ได้สวมใส่สบายมากนัก เพราะดูเรื่องราคาเป็นหลัก

    SO Sofitel Hua Hin x ASAVA

    แต่ในช่วงหลายปีมานี้หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญกับการดีไซน์ยูนิฟอร์มมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นงานสายบริการต่างๆ สายการบิน, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, ธนาคาร, โรงแรม หรือเป็นงานที่พนักงานต้องพบเจอกับลูกค้าเยอะ โจทย์อาจจะมีทั้งต้องการให้พนักงานใส่ทำงานแล้วดูกระฉับกระเฉง สบายตัว อีกส่วนก็เพื่อสร้างแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น

    “แต่ก่อนคนจะคิดว่าการทำยูนิฟอร์มต้องทำร่วมกับฝ่าย HR แต่จริงๆ แล้วชุดยูนิฟอร์มเนี่ย เป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำ PR อย่างหนึ่งเลย สามารถดูได้ว่าองค์กรคิดอย่างไร มีวิสัยทัศน์อย่างไร สิ่งที่อยากพูดนอกองค์กร หรืออยากให้ลูกค้ารู้สึกอย่างไรกับแบรนด์ ต้องสื่อทั้งคนที่ไม่ใช่ลูกค้า และอยากให้เป็นลูกค้า รวมถึงพนักงาน บางคนมองแค่ว่ายูนิฟอร์มก็แค่ทำเสื้อให้พนักงานใส่สบายสุด แต่ถ้าใช้ยูนิฟอร์มทำหน้าที่มากกว่าใส่สบาย สามารถเป็นเครื่องมือการตลาดได้ มีผลต่อผู้บริโภค มันคือ Soft Power สำหรับองค์กร ยูนิฟอร์มจะมีอิทธิพลอย่างมาก ต้องเจอกับลูกค้าตลอด เป็นกระบอกเสียง สะกดจิตคนได้มากที่สุด แต่บางทีคนจะคิดไม่ถึง” 

    Bangkok Bank x ASAVA

    ในกระบวนการทำยูนิฟอร์มโปรเจกต์หนึ่ง พลพัฒน์บอกว่าต้องคุยกับกับทีมฝ่ายการตลาด ทีมสร้างแบรนด์ เพื่อให้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง รีเสิร์ชต้องแน่น บรีฟต้องแน่น ถ้ายูนิฟอร์มส่งไปฝ่ายบุคคลก็จะดูเรื่องงบประมาณ สุดท้ายก็เน้นที่เรื่องราคา และใส่สบาย

    ปัจจุบัน ASAVA uniform มีลูกค้าที่หลากหลายอุตสาหกรรม เช่น บางกอกแอร์เวย์ส, แสนสิริ, เมืองไทยประกันชีวิต, โรงแรม So Sofitel Huahin, โรงแรมสินธร เคมปินสกี้, ดีแทค, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

    ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่ให้ดีไซน์ใหม่อยู่เรื่อยๆ ถึงแม้จะมีลูกค้าติดต่อมาเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าจะรับทำได้หมด เพราะแต่ละแบรนด์จะมีสัญญาแตกต่างกันไป เช่น บางโรงแรมจะมีเซ็นสัญญา 1 ปีในการไม่ไปรับทำให้โรงแรมอื่นในจังหวัดเดียวกัน, สายการบินมีข้อสัญญาว่าห้ามทำให้สายการบินอื่น, โอเปอเรเตอร์ไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร ส่วนธนาคารจะแล้วแต่แบรนด์ ส่วนใหญ่จะมีการคุยข้อตกลงกัน

    dtac x ASAVA

    “ตอนเริ่มทำยูนิฟอร์มใหม่ๆ มีคนถามว่าขาลงหรอ แบรนด์ไฮแฟชั่นไม่ค่อยชอบทำยูนิฟอร์มกัน แต่มองว่าเป็นช่วงขาขึ้นมากกว่า เป็นความฝันส่วนตัวเลย ว่าอยากให้แบรนด์มีอิทธิพล เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนไทย มีความสุขเห็นคนใส่เสื้อผ้าเรา ใส่ชุดแล้วแฮปปี้”

    ตอนนี้ยูนิตของยูนิฟอร์มมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีสัดส่วนรายได้ 40% และกลุ่มของแฟชั่น 60%

    อยากให้ Asava เหมือน IKEA – MUJI

    “ไม่อยากมีแค่แฟชั่น อยากมี IMOO (อิหมู) เหมือน IKEA”

    นอกจากบทบาทใหญ่ของพลพัฒน์ที่หลายคนรู้จักจะเป็นดีไซเนอร์ นักธุรกิจ ตอนนี้ยังมีบทบาทอื่นๆ ที่ปรึกษา อาจารย์ นายกสมาคมดีไซเนอร์ เจ้าของร้านอาหาร

    ถ้าถามว่าความฝันของพลพัฒน์ที่มีต่อ Asava เป็นอย่างไร แน่นอนว่ามีความเล่นใหญ่ อยากให้แบรนด์มีอิทธิพลต่อชีวิตคน อยากเหมือน IKEA และ MUJI ที่มีสินค้าทุกอย่าง

    “เคยดู IKEA กับ MUJI มีวิธีคิดที่ใหญ่จริงๆ IKEA ปฏิวัติวงการเฟอร์นิเจอร์ ส่วน MUJI ในความมินิมัล เซ็นลงไปในเสื้อผ้า จานชามต่างๆ สำหรับนักออกแบบแล้วถ้าเอาแบรนด์ไปอยู่ในชีวิตคนได้มันจะยิ่งใหญ่มาก อยากขยายความฝันของเราให้มีอิทธิพลของคน ไม่ต้องรู้สึกว่าคนต้องซื้อเสื้อทุกวัน หรือมีของเยอะแยะ แต่มีของที่ตรงกับจิตวิญญาณตัวเอง ไม่สอนลูกค้าว่ามีของเยอะ ให้คนรู้จักตัวเอง เข้าใจอินเนอร์ตัวเอง”

    แถมยังพูดติดตลกว่า ต่อไปอาจจะเห็น Asava มีจานชามเป็นของตัวเองก็ได้ หรือไม่ก็มี IMOO (อิหมู) 
    ]]>
    1404033
    MUJI เปิดตัวร้านขายสินค้า 500 เยนครั้งแรกในญี่ปุ่น เจาะกลุ่มผู้บริโภคต้องการสินค้าราคาถูก https://positioningmag.com/1403014 Tue, 04 Oct 2022 04:12:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403014 MUJI แบรนด์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวร้านขายสินค้า 500 เยนครั้งแรกในญี่ปุ่น โดยสาขาแรกตั้งอยู่ในสถานีรถไฟในกรุงโตเกียว ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวของบริษัทนั้นต้องการที่จะเจาะลูกค้าที่ต้องการสินค้าราคาถูกที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

    สำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่า MUJI ได้เปิดตัวร้านขายสินค้าภายใต้ราคา 500 เยนครั้งแรกในญี่ปุ่น โดยเจาะกลุ่มไปที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เน้นสินค้าราคาถูก สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ทุกวัน ซึ่งในร้านค้าดังกล่าวนี้จะมีสินค้าวางขายราวๆ 3,000 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อุปกรณ์ต่างๆ หลากหลายชนิด

    สำหรับร้านดังกล่าวนี้เปิดตัวในกรุงโตเกียวในสถานีรถไฟ JR Mitaka โดยมีพื้นที่ 181 ตารางเมตร ซึ่ง MUJI ได้เปิดเผยว่า 70% ของร้านค้าดังกล่าวนี้มีสินค้าราคาต่ำหรือเท่ากับ 500 เยน

    สื่อของญี่ปุ่นยังได้รายงานว่าสาเหตุที่ MUJI เปิดร้านขายสินค้าภายใต้ราคา 500 เยน ส่วนหนึ่งมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นต้องการสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น

    ร้าน 500 เยนของ MUJI นี้ Ryohin Keikaku ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MUJI ตั้งเป้าจะเปิด 30 ร้านให้ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023 โดยจะเน้นไปตามสถานีรถไฟ รวมถึงแหล่งชุมชน และจะมีการขยายสาขาเพิ่มเติมหลังจากนี้

    ]]>
    1403014
    ผลิตมาเลยได้ไหม! “MUJI” ดีไซน์ของใช้ในบ้าน 12 ชิ้น สำหรับคอนโดฯ เล็กจิ๋วในโลกอนาคต https://positioningmag.com/1351439 Mon, 13 Sep 2021 05:19:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1351439 โปรเจกต์พิเศษของ MUJI กับ University of Art and Design จากโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ ออกแบบของใช้ในบ้าน 12 ชิ้น ตอบโจทย์โลกอนาคตที่ที่พักอาศัยจะเล็กลงเรื่อยๆ บางชิ้นเห็นแล้วอยากให้ผลิตออกมาเลย!

    MUJI ร่วมกับ University of Art and Design จากเมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ ออกแบบของใช้ในโปรเจกต์พิเศษ “Compact Life” ดีไซน์ของใช้ในบ้านที่จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยภายในห้องชุดขนาดเล็กจิ๋ว โดยมีการผลิตชิ้นโปรโตไทป์ไปจัดแสดงในงาน Milan Design Week 2021 เมื่อวันที่ 5-10 กันยายน 2021

    แบรนด์ MUJI นั้นขึ้นชื่อเรื่องงานดีไซน์แบบมินิมอลและการออกแบบสิ่งของให้เหมาะกับการใช้ชีวิตจริงของคน สำหรับโปรเจกต์นี้แบรนด์ร่วมงานกับนักศึกษามหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรีสาขาออกแบบอุตสาหกรรม เพื่อศึกษาชีวิตของนักศึกษาในหอพัก และร่วมกันสอบถามผู้คนรอบโลกเพื่อตอบโจทย์การใช้พื้นที่ในห้องขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    จากการศึกษาออกแบบร่วมกัน ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นสิ่งของเครื่องใช้ 12 ชิ้น จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นของใช้ที่สามารถฟังก์ชันได้หลายหน้าที่ และมักจะเกี่ยวพันกับการเป็น ‘ที่เก็บของ’ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของการอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ (*งานดีไซน์เหล่านี้เป็นงานคอนเซ็ปต์ ยังไม่มีวางจำหน่าย)

    ตัวอย่างงานดีไซน์ที่น่าสนใจ เช่น “Stepladder Basket” หรือบันไดเก็บของ ลูกผสมระหว่างบันไดเล็กๆ ที่ไว้ใช้ปีนขึ้นไปหยิบของในที่สูง แต่มีตะกร้าด้านล่างไว้เก็บของได้ด้วย ไม่ต้องเสียพื้นที่ว่างไปเปล่าๆ

    อีกชิ้นหนึ่งคือ “Whiteboard/Mirror Shelf” นึกภาพห้องที่แคบมาก โต๊ะเครื่องแป้งคงจะต้องหดตัวเหลือเป็นชั้นวางของที่มีกระจกอยู่ด้านหน้าแบบนี้ ด้านหลังเว้นเป็นช่องไว้วางหวี โลชั่น สำลี ฯลฯ และมีตะขอด้านล่างไว้แขวนผ้าขนหนูหรือถุงใส่ของอื่นๆ เพิ่มเติม กระจกยังสามารถเขียนจดเรื่องเตือนความจำได้เหมือนไวท์บอร์ดด้วย

    สายของเยอะน่าจะชอบสิ่งนี้ “Steel Wire Basket Trolley” ที่ว่างใต้เตียงทิ้งไว้เปล่าๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าเรามีถาดตะกร้าล้อเลื่อนคงจะดี เพื่อจะได้ไถของเข้าไปเก็บใต้เตียงได้ และใส่เข้าไปได้เต็มพื้นที่ ไถเข้าไถออกได้ง่ายกว่าปัจจุบันที่หลายๆ คนน่าจะใช้กล่องเก็บของกันอยู่

    ของชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจคือ “Insect House” เป็นชิ้นเดียวใน 12 ชิ้นที่สร้างมาเพื่อประดับบ้าน ให้ความเพลิดเพลินใจเป็นหลัก ประกอบขึ้นจากบ้องไม้ไผ่ในกรงเหล็ก จุดประสงค์คือจะให้ผึ้งมาทำรัง! ผู้ออกแบบมองว่าจะเป็นการนำธรรมชาติเข้ามาใกล้ชิดกับคนเมืองในที่แคบ (สำหรับคนกลัวแมลงคงจะไม่เหมาะเท่าไหร่)

    สิ่งของชิ้นอื่นๆ อีกหลายชิ้นมีตั้งแต่ซองแขวนผนังไว้เก็บของจิปาถะ เสาที่มีช่องปักร่มและถาดวางกุญแจเหมาะวางหน้าประตู ไปจนถึงโต๊ะข้างเตียงหน้าแคบเหมาะกับห้องเล็กๆ เป็นต้น

    ไปชมงานดีไซน์ทั้งหมดในโปรเจ็กต์นี้และเครดิตชื่อผู้ออกแบบได้ที่นี่ >> ecal.ch

    Source

    อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

    ]]>
    1351439
    เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ร่วมค้นหาความสุขสนุกรับซัมเมอร์ พร้อมเปิด Season ใหม่ กับสินค้า Fashion & Lifestlye กับแคมเปญ “THE MALL SUMMER EXPLORER” https://positioningmag.com/1327025 Sat, 10 Apr 2021 04:00:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327025

    ซัมเมอร์นี้ เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ คืนกำไรให้นักช้อป จับมือพันธมิตรทางธุรกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ จํากัด (มหาชน), บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรร้านค้าในศูนย์การค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำกว่า 700 ร้าน ไม่ว่าจะเป็น MUJI, EVEANDBOY, UNIQLO, ANELLO, CHARLES & KEITH และ CHEVIT-D BY SCG จัดแคมเปญ THE MALL SUMMER EXPLORER” ร้อนนี้    ช้อปสุขสนุกไปกับสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์รุ่นล่าสุดต้อนรับซัมเมอร์ สุดคุ้มกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษภาคม 2564 ที่เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

    นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำกว่า 700 ร้าน ในศูนย์การค้าทั้งกลุ่มแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ยกขบวนสินค้าคอลเลคชั่นรุ่นล่าสุดรับลมร้อน รวมทั้งมอบดีลสุดพิเศษให้เลือกช้อปมากมาย อาทิ

    • UNIQLO พบกับโปรโมชั่นพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ ช้อปครบ 2,400 บาท รับทันที Cooler Bag (ตั้งแต่วันที่ 2-30 เมษายน 2564 สินค้าสมนาคุณมีจำนวนจำกัด) และ Weekly Promotion สินค้าไฮไลท์ในราคาพิเศษ พร้อมด้วยสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ประจำสัปดาห์ ให้ได้อัพเดทลุคสำหรับทุกวัน ทุกโอกาส

    • EVEANDBOY อัพเดทไอเท็มฮิต! ซัมเมอร์ HOT! ลดสูงสุด 60% สินค้าแบรนด์ดัง ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น และเคาน์เตอร์แบรนด์ รวมถึงน้ำหอมแท้ 100% รุ่นดัง และกิ๊ฟท์เซ็ตสุดปัง ที่ตัวแม่ต้องรีบช้อป ตั้งแต่วันนี้ – 24 เมษายน 2564

    • CHIVIT-D by SCG พบกับสินค้าคุณภาพที่ SCG คัดสรรมาอย่างดีสำหรับลูกค้าที่ห่วงใยในสุขภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น พิเศษ ซื้อสินค้าครบ 1,500 บาทขึ้นไป รับคูปองเงินสด 100 บาทเพื่อใช้ในบิลถัดไป ตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2564 และเตรียมพบกับกิจกรรมดีๆอีกมากมายตลอดเดือน อาทิ กิจกรรมให้ความรู้ “ภาวะมวลกล้ามเนื้อสลายในผู้สูงวัย” และกิจกรรม workshop ที่ร้าน CHIVIT-D by SCG ชั้น 6 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

    • MUJI พบกับสินค้าคุณภาพ สวมใส่สบายรับหน้าร้อน อาทิ เครื่องแต่งกายจากผ้าลินิน100% เสื้อยืดและเสื้อฮู้ดกัน UV พลาดไม่ได้กับสินค้าปรับราคาพิเศษและสินค้าราคาพิเศษประจำสัปดาห์ ที่คัดสรรมาให้แฟนสินค้า MUJI อย่างจุใจ พิเศษ!!เอาใจเหล่า Café hopper พบเมนูใหม่ Summer Soda โซดาผลไม้ต้อนรับหน้าร้อน มี 4 รสชาติให้เลือกลิ้มลองได้ที่ MUJI Coffee Corner ชั้น 2            เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

    • THE NEXT พบกับสินค้าแว่นสายตาและแว่นกันแดด จากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Bolon, ic!berlin, Ray-Ban, Nike, Lacoste และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆอีกมากมาย พร้อมด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ ลดสูงสุด 50% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

    • CHARLES & KEITH พบกับ New Arrivals “Summer Wardrobe” โดดเด่นด้วยสไตล์สดใสกับ คอลเลคชั่นซัมเมอร์ใหม่ล่าสุด พิเศษ สมาชิก MinorPlus รับส่วนลดทันที 5% เฉพาะสินค้าราคาปกติ

    • MOSHI MOSHI พบกับบูธจำหน่ายสินค้าสุดพิเศษจาก MOSHI MOSHI ได้ที่ชั้น 1 M Lifestyle Hall เดอะมอลลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

    • SEOULCHON พบกับอาหารกว่า 20 เมนู ด้วยวัตถุดิบหลักที่ส่งตรงจากเกาหลี เลือกใช้ของที่สดใหม่มาปรุงให้ลูกค้าเสมอ พิเศษสมาชิก M Card สะสมยอดซื้อในศูนย์ตามเงื่อนไข รับคูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อทานครบ 500 บาทขึ้นไป

    มอบโปรโมชั่นสะสมแสตมป์สุดฟิน ยิ่งช้อปมาก ยิ่งมีสิทธิ์เป็น Top Spenders รับฟรี! แพคเกจที่พักสุดหรูจากโรงแรมชั้นนำให้ไปพักผ่อนคลายร้อนรับซัมเมอร์ทุกสัปดาห์ ที่ Anantara Bophut Koh Samui Resort รวม 30 รางวัล มูลค่ากว่า 7 แสนบาท พร้อมคืนกำไรให้นักช้อปได้เติม Point แรงเวอร์ รับ Voucher สุดฟินสูงสุด 1,300 บาท และรับคะแนนสะสม 1,000 M Point เพียงช้อปครบทุก 1,000 บาท สะสมแสตมป์ 1 ดวง

    • สมาชิก M Card สะสมครบ 5 ดวง รับทันที 1,000 M Point / สะสมครบ 10 ดวง รับบัตรกำนัลร้านค้าสูงสุด 500 บาท จากร้านค้าชั้นนำ อาทิ CHARLES & KEITH, ANELLO, THE NEXT, SONY BY บูรพวัฒน์, CHIVIT-D BY SCG, SEOUL CHON และ MISTER DONUT
    • สำหรับลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิต Citi, SCB M VISA, AEON สะสมครบ 2, 4, 6, 8 และ 10 ดวง รับเพิ่มบัตรกำนัลศูนย์ฯ 100 บาท / สะสมครบ 10 ดวง เลือกรับบัตรกำนัลร้าน EVEANDBOY, SIZZLER, UNIQLO มูลค่า 500 บาท
    • พิเศษเฉพาะลูกค้าบัตรเครดิต Citi สะสมครบ 10 ดวง รับเพิ่มบัตรกำนัลศูนย์ฯ อีก 300 บาท
    • เฉพาะลูกค้า AIS และ AIS Fibre รับบัตรกำนัลห้างฯ 100 บาท เมื่อช้อปครบ 2,000 บาท

     ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุขในซัมเมอร์ พร้อมสนุกกับโปรโมชั่นสะสมแสตมป์ ลุ้นเป็น Top Spenders รับฟรี! แพคเกจที่พักสุดหรูจากโรงแรมชั้นนำทุกสัปดาห์ กับแคมเปญ “THE MALL SUMMER EXPLORER” ตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษภาคม 2564 ที่เดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน

    ]]>
    1327025
    ปรับอีก! MUJI ปรับราคาเสื้อผ้าลินินลง 30% เตรียมเปิด “ตลาดนัดมูจิ” หนุนร้านค้าท้องถิ่น https://positioningmag.com/1322061 Fri, 05 Mar 2021 05:33:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322061 แฟนผ้าลินินแบรนด์ MUJI เตรียมช้อป มูจิ ประเทศไทย เดินหน้าปรับราคาสินค้าต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศปรับราคาสินค้าเสื้อผ้าลินินออร์แกนิกผลิตจากธรรมชาติลง 18%-30% รวม 32 รายการ ให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้า MUJI ได้ง่าย และมากขึ้น เตรียมเปิด “ตลาดนัดมูจิ” เพื่อสนับสนุนร้านค้าในท้องถิ่นตามสาขาตลอดปี

    ปรับแล้วปรับอีก!

    เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้เอง MUJI ก็เพิ่งประกาศปรับลดราคาสินค้าลงอีกกว่า 217 รายการ มีทั้งสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ รอบนี้ MUJI ยังจัดหนักในการลดราคาสินค้าลงอีก เป็นกลุ่มเสื้อผ้า ลดตั้งแต่ 18-30% รวม 32 รายการ

    ชูโรงสินค้าเสื้อผ้าลินินขายดีสูงสุด 3 รายการ

    1. เสื้อเชิ้ตลินินปกตั้ง (ผู้หญิง) ลดราคาจาก 990 เหลือ 790 บาท
    2. เสื้อเชิ้ตลินินปกกว้าง (ผู้ชาย) ลดราคาจาก 990 เหลือ 790 บาท
    3. เสื้อเชิ้ตลินิน (ผู้หญิง) ลดราคาจาก 990 เหลือ 790 บาท

    นอกจากสินค้าทั้ง 3 รายการ ยังมีรายการอื่นๆ อีก ได้แก่ กระโปรงลินิน เสื้อคลุมลินิน กางเกงลินิน และหมวกลินิน เป็นต้น ดีเดย์พร้อมกันทุกช่องทาง 5 มีนาคมนี้ สานต่อกลยุทธ์ของแบรนด์ในประเทศไทย เพื่อให้เข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า ให้เลือกช้อปที่ 20 สาขา ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งผ่านช่องทางออนไลน์ของ Central Online ทั้งทางเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน

    อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า

    “สินค้าหมวดเสื้อผ้าลินิน เป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่ขายดีตลอดทั้งปีในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน เพื่อเป็นการดำเนินงานตามหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ MUJI ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้นยิ่งขึ้น ผ่านกลยุทธ์การตลาดด้านราคา โดยได้เลือกปรับราคาสินค้าเสื้อผ้าลินินลงจากปี 2563 ที่ผ่านมา โดยปรับลดราคาลงตั้งแต่ 18% – 30% รวม 32 รายการ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป

    คุณสมบัติเฉพาะของเสื้อผ้าลินินของ MUJI เลือกใช้ผ้าลินินออร์แกนิกจากเส้นใยลินินซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นใยที่แข็งแกร่งที่สุดในธรรมชาติ ปราศจากการใช้ยาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมี จากประเทศฝรั่งเศส เป็นผ้าที่แข็งแต่นุ่ม สวมใส่สบาย เส้นใยลินินจะมีความแข็งแรงยิ่งขึ้นเมื่อเปียกน้ำ และมันวาวมากยิ่งขึ้นทุกครั้งที่นำไปซัก จึงเป็นเหตุผลที่เหมาะสำหรับซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ในระยะยาว เพื่อความคุ้มค่าในการใช้งาน

    เปิดตลาดนัดมูจิ หมุนเวียนตามสาขา

    ในปี 2564 นี้ MUJI ยังคงพยายามในการเข้าถึงลูกค้าคนไทย นอกจากการปรับราคาลงแล้ว ยังมีการสร้างแบรนด์มากขึ้น เพื่อให้ MUJI กลายเป็นแบรนด์สินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น

    อย่างเช่น สินค้าเสื้อผ้าลินิน MUJI ได้ลดกระบวนการผลิตที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ได้ราคาสินค้าใหม่ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น โดยยังคงคุณภาพตามมาตรฐานตามแบบฉบับของ MUJI รวมไปถึงการบริหารจัดการกระบวนการกระจายสินค้า เพื่อให้มีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนภาพรวมของสินค้าได้ดีที่สุด และนำประโยชน์จากกระบวนการดังกล่าวไปส่งต่อสู่ลูกค้า

    รวมถึงการสนับสนุนร้านค้าท้องถิ่นด้วยการจัดกิจกรรม “ตลาดนัดมูจิ” เป็นการรวบรวมร้านที่มีวิสัยทัศน์แบบเดียวกับ MUJI คืออยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเรียบง่าย มีรูปแบบเป็น Pop-up store หมุนเวียนไปตามสาขาต่างๆ ของ MUJI เป็นประจำตลอดปี

    ]]>
    1322061