Branded Residences – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 11 Dec 2024 13:47:34 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ไทย” ตลาด Branded Residences ใหญ่สุดในเอเชีย กรุงเทพ-ภูเก็ต ติด Top3 https://positioningmag.com/1502852 Wed, 11 Dec 2024 07:29:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502852 ประเทศไทย นอกจากจะเป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวระดับโลก ยังเป็นเมืองบ้านพักตากอากาศของกลุ่มชาวต่างชาติ และขึ้นแท่นตลาด Branded Residences ใหญ่สุดในเอเชีย

นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks เปิดเผยว่า ตลาด Branded Residence ในเอเชีย ปี 2567 มีจำนวน 68,001 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2.66 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ยปีละ 11% ส่วนใหญ่จะเป็น Branded Residence ภายใต้การบริหารของกลุ่มโรงแรม อาทิ Wyndham, Ascott, Banyan Group, Marriott เป็นต้น

โดยมี “ประเทศไทย” เป็นตลาดใหญ่สุด ครองสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ 23.3% รองลงมาเป็น ฟิลิปปินส์ สัดส่วน 17.3% และเกาหลีใต้ สัดส่วน 11.3%

ทั้งนี้ Branded Residence ในไทยมี 65 โครงการ จำนวน 16,271 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5,478 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.91 แสนบาท/ตร.ม.

จำแนกราคาตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่า

  • Branded Residences ใจกลาง กทม. มีราคาเฉลี่ย 8,323 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.91 แสนบาท/ตร.ม.
  • Branded Residences รีสอร์ต ราคาเฉลี่ย 4,614 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.61 แสนบาท/ตร.ม.
  • Branded Residences กลุ่มลักซูรี ราคาเฉลี่ย 12,729 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.45 แสนบาท/ตร.ม.

ไทยมีถึง 4 เมืองที่ติดอันดับ Top 10 ที่มี Branded Residences มากสุดในเอเชีย (ตามจำนวนยูนิต) ดังนี้

  • อันดับ 1 ภูเก็ต ประเทศไทย
  • อันดับ 2 มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับ 3 กรุงเทพ ประเทศไทย
  • อันดับ 4 กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
  • อันดับ 5 พัทยา ประเทศไทย
  • อันดับ 6 ดานัง ประเทศเวียดนาม
  • อันดับ 7 ฮาลองเบย์ ประเทศเวียดนาม
  • อันดับ 8 เซบู ประเทศฟิลิปปินส์
  • อันดับ 9 ปีนัง ประเทศมาเลเซีย
  • อันดับ 10 หัวหิน ประเทศไทย

“คนต่างชาติมักไปทำงานที่สิงคโปร์ แต่เลือกพักอาศัยในประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม Work From Home”

]]>
1502852
“บันยันทรี” เชนโรงแรมที่เปิด Branded Residence เป็นเจ้าแรกบน “เขาใหญ่” เบิกทางทำเลขึ้นสู่ “ระดับโลก” https://positioningmag.com/1456441 Tue, 19 Dec 2023 12:22:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456441 “เขาใหญ่” เป็นทำเลบ้านพักตากอากาศของเศรษฐีไทยมาช้านานแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ต่างชาติมากนัก อย่างไรก็ตาม “บันยันทรี” ที่พัฒนา Branded Residence ในไทยมากว่า 20 ปีกลับเล็งเห็นว่า เขาใหญ่มีโอกาสเป็นทำเลทองแห่งต่อไป จึงร่วมจับมือพัฒนาในโครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” เป็นโครงการที่พักอาศัยที่บริหารโดยเชนโรงแรมระดับโลกแห่งแรกบนเขาใหญ่ เบิกทางให้ทำเลนี้เป็นที่รู้จักระดับสากล

การมี “เชนโรงแรม” ต่างชาติเข้าไปปักหลักในทำเลท่องเที่ยวสักแห่ง เปรียบเหมือนดัชนีชี้วัดที่บอกให้รู้ว่าทำเลนั้นมีศักยภาพพอที่จะดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาได้จำนวนมาก จนต้องอาศัยแบรนด์โรงแรมต่างชาติที่มีฐานลูกค้าทั่วโลกเป็นตัวช่วย

“เขาใหญ่” จึงนับเป็นทำเลล่าสุดในไทยที่มีการยกระดับไปสู่แหล่งท่องเที่ยวตากอากาศระดับสากล จากการเปิดบริการของโรงแรม “อินเตอร์คอนติเนนตัล เขาใหญ่” ไปเมื่อปี 2565 และปี 2566 นี้ยังมีการเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสที่จะมีทั้งคอนโดฯ และวิลล่าแบบ Branded Residence รวมถึงส่วนโรงแรมของเชนระดับสากลอีกแห่งหนึ่ง คือ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์”

โครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 226 ไร่ บนถนนทางหลวงหมายเลข 3052 ใกล้ปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มูลค่าโครงการรวม 17,000 ล้านบาท ภายในแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ

  • โรงแรมบันยันทรี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท จำนวนห้องพัก 120 ห้อง
  • บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ คอนโดมิเนียม 34 อาคาร และ วิลล่า 34 หลัง (รวม 2 เฟส)
  • บ้านพักตากอากาศสั่งสร้าง เดอะ เครสตัน ฮิลล์ 57 แปลง (*ไม่ใช้แบรนด์บันยันทรี)
  • บันยันทรี เวย่า เวลเนส
บันยันทรี เขาใหญ่
ภาพจำลองโครงการบันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์

 

ปั้น “เขาใหญ่” สู่แหล่งตากอากาศระดับโลก

“ชยดิฐ หุตานุวัชร์” ประธานกรรมการ บริษัท เครสตั้น โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารโครงการนี้ มองว่า “เขาใหญ่” เข้าสู่ช่วงจังหวะเหมาะที่จะเปิดตัว Branded Residence จากหลายปัจจัยที่แสดงให้เห็นว่าเมืองมีการเจริญเติบโตพร้อมแล้ว เช่น

  • เขาใหญ่เป็นเมืองตากอากาศในพื้นที่ป่าเขาที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง และจะย่นระยะเวลาเหลือ 1-2 ชั่วโมงได้เมื่อมอเตอร์เวย์โคราช (บางปะอิน-นครราชสีมา) สร้างเสร็จ
  • รถไฟความเร็วสูงช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-โคราช คาดว่าจะสร้างเสร็จปี 2570 ซึ่งจะช่วยให้ความเจริญกระจายออกมาตามเส้นทาง
  • ปัจจุบันเขาใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร-คาเฟ่ต่างๆ

ชยดิฐมองว่า แม้ขณะนี้เขาใหญ่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพียง 1% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่ด้วยการเปิดแบรนด์ระดับสากลในพื้นที่ น่าจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้มากขึ้น ทำให้เขาใหญ่ก้าวสู่ “ระดับโลก”

(ซ้าย) “สจ๊วต เรดดิ้ง” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มบริษัทบันยันทรี และ (ขวา) “ชยดิฐ หุตานุวัชร์” ประธานกรรมการ บริษัท เครสตั้น โฮลดิ้ง จำกัด

 

ซื้อ Branded Residence ที่เขาใหญ่ ถูกกว่าภูเก็ต “เกินครึ่ง”

ด้าน “บันยันทรี” นั้นเป็นเชนที่พัฒนา Branded Residence มากว่า 20 ปีในไทย มีการเปิดขายวิลล่าไปแล้ว 7 เฟสในย่านลากูน่า ภูเก็ต และคอนโดมิเนียมบันยันทรี ริเวอร์ไซด์ ในกรุงเทพฯ ก่อนจะเข้ามาเปิดทำเลใหม่ที่เขาใหญ่

“สจ๊วต เรดดิ้ง” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มบริษัทบันยันทรี มองเทรนด์ Branded Residence ว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ผู้ซื้อชื่นชอบ และทวีปเอเชียคือทวีปที่กำลังเป็นตลาดขาขึ้นสำหรับโปรดักส์ประเภทนี้ โดยในประเทศไทยมี 2 ทำเลที่ติดลิสต์ตลาดน่าสนใจคือ ภูเก็ต และ กรุงเทพฯ

บันยันทรี เขาใหญ่
ห้องตัวอย่างคอนโดฯ แบบ 2 ห้องนอน

อย่างไรก็ตาม บันยันทรีมองว่า “เขาใหญ่” เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพ เพราะลักษณะพื้นที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ ต้องการความสงบเงียบ มีพื้นที่ให้ ‘Work from Anywhere’ ในบรรยากาศดีต่อสุขภาพ อากาศบริสุทธิ์ตลอดปี มีพื้นที่ให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตกลางแจ้ง

ที่สำคัญ ในฐานะที่อยู่ในตลาดไทยมานานทำให้เห็นโอกาสสำหรับกลุ่มนักลงทุน เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภท Branded Residence ในภูเก็ตปัจจุบันเปิดขายราคาเฉลี่ย 400,000 บาทต่อตร.ม. และทำราคาสูงกว่าอสังหาฯ ปกติที่ไม่ได้ใช้แบรนด์เชนโรงแรมได้ถึง 70% เพราะดีมานด์ในตลาดสูงมาก

ขณะที่ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” แห่งนี้ เป็น Branded Residence ที่ทำราคาเฉลี่ยเพียง 180,000 บาทต่อตร.ม. และเป็นราคาที่สูงกว่าอสังหาฯ ที่ไม่ใช่แบรนด์โรงแรมเพียง 30% ทำให้ผู้ซื้อจะได้ราคาที่คุ้มค่ากว่าหากมาเป็น ‘First Mover’ กับบันยันทรีที่นี่

บันยันทรี เขาใหญ่
ห้องตัวอย่างคอนโดฯ แบบ 1 ห้องนอน

ความเป็นไปได้ของการเสนอขายเห็นได้จากการเปิดรอบพรีเซลไปเมื่อไตรมาส 2 ปี 2566 แม้จะยังไม่มีห้องตัวอย่างให้ชมแต่กลับทำยอดขายไปได้แล้ว 1,000 ล้านบาท มีลูกค้าสนใจจองทั้งส่วนวิลล่าและคอนโดฯ

 

ทำเลชิดติดอุทยานฯ เขาใหญ่

นอกจากจะมีแบรนด์เชนโรงแรมต่างชาติบริหารแล้ว ทำเลของ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” ก็นับได้ว่าเป็นทำเลทองของเขาใหญ่ เพราะอยู่ติดกับทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และลักษณะเป็นที่ดินที่ยื่นเข้าไปในช่องเขา ทำให้มีภูเขาโอบล้อมทั้ง 3 ด้าน เป็นจุดที่ได้วิวสวยและได้ลมเย็นผ่านช่องเขาตลอดปี

ที่ดินแปลงนี้เกิดจากการรวบรวมซื้อที่นาหลายแปลงมาต่อเป็นผืนเดียวกันของ “จิณิณ ตระการสืบกุล” ทายาทผู้ผลิตรองเท้าแตะตรา “ม้าดาว” เธอใช้เวลานานมากกว่า 10 ปีในการรวบรวม และเริ่มเปิดแบ่งแปลงขายที่ดินพร้อมบ้านสั่งสร้างสไตล์อเมริกันเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ก่อนที่จะเปิดพื้นที่ส่วนอื่นเพื่อร่วมกับบันยันทรีในการพัฒนาโครงการ

บรรยากาศจากสถานที่จริงของบันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์ ยามพระอาทิตย์ตก

สำหรับเฟสแรกของ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์” จะเปิดขาย 2 โปรดักส์ ได้แก่

  • พูลวิลล่า 21 ยูนิต – บ้านฟังก์ชัน 4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 435 ตารางเมตร ราคา 70-96 ล้านบาท (*ติดสัญญา Investment Program ทั้งหมด โดยเจ้าของสามารถใช้สิทธิเข้าพักในเครือบันยันทรีทั่วโลกได้ 60 วันต่อปี)
  • คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 5 ชั้น 16 อาคาร – ห้องชุด 1-3 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอย 64-295 ตารางเมตร ราคา 15-56 ล้านบาท (*ไม่มีสัญญา Investment Program แต่สามารถเจรจาได้)

เฟสแรกของบันยันทรี เรสซิเดนซ์ เครสตัน ฮิลล์คาดจะก่อสร้างเสร็จปี 2569 ตามด้วยส่วนโรงแรมบันยันทรีที่จะก่อสร้างเสร็จปี 2570 เฟสที่สองของส่วนเรสซิเดนซ์คาดเปิดขายปี 2568 และสร้างเสร็จปี 2570

]]>
1456441
“ฮาบิแทท” ปั้นคอนโดฯ “Branded Residence” จากเชนโรงแรม “วินแดม” เจาะตลาดหรู “พัทยา” https://positioningmag.com/1445603 Tue, 26 Sep 2023 08:42:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445603
  • “ฮาบิแทท” เปิดตัวโครงการที่ 10 ของบริษัทใน “พัทยา” กับโครงการใหม่ “วินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา” ภายใต้เชนโรงแรม “วินแดม” (Wyndham)
  • มองศักยภาพพัทยาพร้อมรับกระแส “Branded Residence” ที่กำลังมีดีมานด์สูง โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดอันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิกของการลงทุนลักษณะนี้
  • กลุ่มผู้ซื้อในพัทยายังมีชาวไทยเป็นกลุ่มหลัก ส่วนต่างชาติได้กำลังซื้อจากรัสเซีย อินเดีย ยุโรป ขณะที่ชาวจีนยังไม่กลับมามากนักจากเศรษฐกิจจีนเองอยู่ในช่วงซบเซา
  • “ฮาบิแทท กรุ๊ป” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นพัฒนาโครงการเพื่อการลงทุนเป็นหลัก ที่ผ่านมาบริษัทเน้นขายคอนโดมิเนียมหรือพูลวิลล่าพ่วง Investment Program (IP) เพื่อนำห้องชุดหรือวิลล่าทั้งหมดในโครงการมาบริหารเป็นโรงแรม มีโครงการที่สร้างชื่อ เช่น ครอส พัทยา โอเชียนเฟียร์, ครอส ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, เบย์เฟียร์ พัทยา เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม โครงการล่าสุดที่บริษัทเปิดตัวนั้นหันมาพัฒนาคอนโดฯ “Branded Residence” โดยไม่พ่วงโปรแกรม IP ในชื่อโครงการ “วินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา” คอนโดฯ ทำเล 250 เมตรจากหาดวงศ์อมาตย์ สูง 36 ชั้น จำนวนห้องชุด 385 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท โครงการนี้เป็นการร่วมทุนกับ “อีซีจี เวนเจอร์ แคปิตอล” ไพรเวทอิควิตี้สัญชาติไทย

    ฮาบิแทท พัทยา
    ส่วนกลางโครงการ วินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา

    “ชนินทร์ วานิชวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทออกแบบโครงการนี้เป็น Branded Residence เพราะเล็งเห็นว่าดีมานด์ในตลาดมีกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่พักตากอากาศส่วนตัวในพัทยาแต่มีบริการแบบโรงแรม จึงเลือกพัฒนาเป็นโปรดักส์ที่แตกต่างจากเดิม

    Branded Residence เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในภาคอสังหาฯ ทั่วโลก โดยมีความต่างจากโรงแรมและคอนโดฯ ปกติคือ ตัวโครงการเป็นคอนโดฯ ที่ไม่ได้ปล่อยเช่ารายวันเหมือนโรงแรม แต่ลูกบ้านสามารถใช้บริการในมาตรฐานของแบรนด์โรงแรมนั้นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น โครงการวินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา บริการพื้นฐานจากวินแดมจะมีคอนเซียจประจำอาคารและผ้าเช็ดตัวที่สระว่ายน้ำ ส่วนบริการที่เรียกใช้พิเศษได้ก็จะมีบริการอย่างรับซักรีด แม่บ้าน รูมเซอร์วิส เช่ารถ จัดเลี้ยง ทำสปา เทรนเนอร์ฟิตเนส เป็นต้น

     

    Branded Residence โปรดักส์สุดฮิตในไทย

    Savills บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ ประเมินว่า ในตลาดเอเชียแปซิฟิกมีโครงการ Branded Residence เปิดตัวเพิ่มขึ้น 216% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นดีมานด์ที่เติบโตต่อเนื่อง

    ถ้าหากเจาะเป็นรายประเทศ C9Hotelworks ประเมินว่าในจำนวน Branded Residence ที่กำลังจะเปิดตัวใหม่รวม 79 โครงการ 16,130 ยูนิตในเอเชียแปซิฟิก มีถึง 29% ที่เป็นการเปิดตัวในประเทศไทย ไทยจึงเป็นแหล่งลงทุนโปรดักส์ลักษณะนี้อันดับ 1 ของภูมิภาค ตามมาอันดับ 2 คือฟิลิปปินส์ และอันดับ 3 คือเวียดนาม

    Branded Residence

    ในไทยนั้น Branded Residence เปิดตัวมากที่สุด 2 เมืองคือ ภูเก็ต กับ กรุงเทพฯ

    จากการสำรวจ “พัทยา” ยังไม่ติดโผเมืองยอดฮิตของการเปิดโครงการลักษณะนี้ แต่ชนินทร์เชื่อว่าพัทยามีศักยภาพมากพอที่จะลงทุน Branded Residence เช่นกัน เพราะพัทยากำลังเติบโตจากโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และเห็นได้ว่าบริษัทใหญ่กำลังก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์หรือโครงการพาณิชย์ระดับบนหลายแห่ง เช่น โครงการอควอทิค พัทยา ของกลุ่ม AWC ซึ่งจะมีทั้งโรงแรมและสวนน้ำขนาดใหญ่ หรือโครงการวงศ์อมาตย์ บีช วิลเลจ ของเครือเซ็นทรัล ซึ่งจะสร้างศูนย์การค้าชายหาดระดับลักชัวรีให้กับพัทยา

     

    เหมาตลาดทั้งอยู่เองและปล่อยเช่า

    สำหรับโครงการวินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา ชนินทร์กล่าวว่ามีเป้าหมายตลาดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม 60% คือกลุ่มครอบครัวที่มองหาบ้านพักตากอากาศ และ 40% กลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่า

    ฮาบิแทท พัทยา
    ภาพตัวอย่างห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน 75 ตร.ม. ห้องชุดที่โครงการนี้เป็นวิวทะเล (Sea View) ทุกยูนิต

    ทำให้การออกแบบห้องชุดจะมีหลายไทป์ให้เลือกเพื่อให้เหมาะกับทุกคน มีตั้งแต่ห้องชุด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 27-66 ตร.ม. แพ็กเกจราคาเริ่ม 4.79 ล้านบาท ซึ่งจะเหมาะกับกลุ่มนักลงทุน

    ไปจนถึงห้องแบบ 2-4 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 70-217 ตร.ม. ราคาตั้งแต่ 13-60 ล้านบาท ซึ่งห้องใหญ่แบบนี้จะเหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการหาห้องพักขนาดใหญ่ อยู่อาศัยได้หลายคนเมื่อมาพักผ่อน

    ชนินทร์ตั้งเป้ายอดขาย 50% ภายใน 1 ปี เชื่อว่าทำเลนี้น่าจะเป็นที่ต้องการ เพราะหาดวงศ์อมาตย์นี้เปรียบได้กับ ‘ถนนหลังสวนแห่งเมืองพัทยา’ ด้วยที่ดินฟรีโฮลด์ค่อนข้างหายาก จึงมีโครงการใหม่เปิดน้อย และวงศ์อมาตย์ยังเป็น 1 ใน 2 หาดของพัทยาที่ไม่มีถนนกั้นระหว่างชายหาดกับโครงการหรือโรงแรม (อีกหาดหนึ่งที่ไม่มีถนนกั้นคือหาดนาจอมเทียน) ทั้งหมดทำให้อัตราดูดซับของทำเลวงศ์อมาตย์สูงถึง 99% เหลือห้องชุดขายประมาณ 100 ยูนิตเท่านั้น

     

    “รัสเซีย” เป็นผู้ซื้อหลัก – “จีน” ยังซึมๆ

    ชนินทร์ระบุว่า ตลาดพัทยา 70% ยังอาศัยกำลังซื้อชาวไทยเป็นหลัก ส่วน 30% ที่เหลือเป็นตลาดต่างชาติ

    ปัจจุบันลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ในพัทยาจะเป็นชาว “รัสเซีย” ตามด้วย อินเดีย ยุโรป และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรัสเซียที่ดีมานด์สูงขึ้นมากเนื่องจากมีแรงบีบจากภายในประเทศ ต้องการย้ายออกเพื่อลี้ภัยสงคราม และประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายอันดับ 3 ของคนรัสเซียรองจากดูไบและตุรกี

    “ชนินทร์ วานิชวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด และ “ปีเตอร์ ลูคัส” กรรมการผู้จัดการ ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้

    ส่วนตลาด “จีน” ที่เคยเข้ามาช้อปอสังหาฯ ในพัทยาช่วงก่อนโควิด-19 ขณะนี้ยังซบเซา เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศจีนไม่ดีนัก และภาคอสังหาฯ ในจีนเองก็เกิดปัญหา ทำให้ขณะนี้กลุ่มลูกค้าจีนที่เข้ามาจะมีเฉพาะระดับเศรษฐีที่พร้อมซื้อโปรดักส์ระดับลักชัวรี

    ด้านผลการดำเนินงานของทั้งบริษัท ปี 2566 ฮาบิแทท กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,000 ล้านบาท เป้ายอดขาย 2,000 ล้านบาท ปีนี้มีเปิดตัวโครงการเดียวคือ วินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา

    ส่วนปี 2567 มีแผนจะเปิดโครงการแรกของบริษัทที่ จ.ภูเก็ต และจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ 3 โครงการ คือ วาลเด้น สุขุมวิท 39, วาลเด้น ทองหล่อ 8 และ รามาดา มิรา นอร์ธ พัทยา

    ]]>
    1445603
    “อนันดาฯ” ปี 2566 ผ่อนคันเร่งเปิดโครงการใหม่ เน้นระบายสต็อกพร้อมอยู่ 45,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1418994 Mon, 13 Feb 2023 09:22:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418994
  • ยังเป็นอีกปีที่ “อนันดาฯ” ต้องใช้ “ลูกอึด” ในการทำธุรกิจ โดยปี 2566 จะเปิดตัวใหม่เพียง 2 โครงการ แต่เป็นโครงการระดับบิ๊กโปรเจ็กต์ มูลค่ารวม 14,600 ล้านบาท
  • สต็อกพร้อมอยู่ปีนี้จะขึ้นไปแตะ 45,000 ล้านบาท เป็นแหล่งทำยอดขายและรายได้ โดยหวังกวาดยอดขายจากกลุ่มต่างชาติโดยเฉพาะ “จีน” ที่ยังนิยมซื้อที่อยู่อาศัยไทย
  • แตกไลน์ธุรกิจใหม่ APSMC ที่ปรึกษารับบริหารโครงการ ประเดิมที่แรกกับสินทรัพย์ของ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ย่านสุขุมวิท 38
  • คำกล่าวเปิดงานแถลงข่าวของ “ชานนท์ เรืองกฤตยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) น่าจะสรุปสถานการณ์ของบริษัทได้ดีที่สุด หลังจากโควิด-19 สร้างผลขาดทุนติดต่อกันในปี 2563-64 และรอบ 9 เดือนแรกปี 2565 ก็ยังคงขาดทุน จึงเป็นช่วง 2-3 ปีที่ค่อนข้างจะ ‘หนัก’ ทีเดียว

    เนื่องจากอนันดาฯ เป็นบริษัทที่เน้นกลยุทธ์พัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ามาตลอด ภายใต้สโลแกน “Urban Living Solutions” ที่เชื่อในการใช้ชีวิตแบบคนเมือง เมื่อโควิด-19 ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคย้ายไปสู่กลุ่มตลาดโครงการแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยว อนันดาฯ จึงมาถึงทางแยกว่าจะเดินไปในทิศทางไหน

    “ชานนท์ เรืองกฤตยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

    “หลายบริษัทรีบเทขายที่ดินที่เตรียมไว้สร้างคอนโดฯ เพื่อดึงกระแสเงินสด (cash flow) กลับเข้ามาในบริษัทก่อน” ชานนท์กล่าว “ส่วนเราเลือกที่จะ balance เรื่องนี้ คือมีการหากระแสเงินสดบ้าง แต่เรายังเชื่อว่าทุกโปรดักส์มีวัฏจักรของมัน เราจึงอดทนไม่เทขายที่ดินไปหมด”

    หลังต้องใช้ลูกอึดมาพักใหญ่ ชานนท์เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่วัฏจักรเริ่มกลับเข้าทางอนันดาฯ อีกครั้ง โดยมองเห็นจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาที่ดินที่ยังคงปรับขึ้นผนวกกับการคมนาคมจากชานเมืองเข้ากรุงก็ยังคงเป็นปัญหาเดิม แปลว่าที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ จะกลับมาตอบโจทย์ ไม่ได้ถูก ‘ดิสรัปต์’ จากโควิด-19

    อีกส่วนคือดีมานด์จากชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ‘ชาวจีน’ ที่ยังมองไทยเป็นบ้านหลังที่สอง และยิ่งต้องการย้ายออกจากจีนมากขึ้นหลังผ่านสถานการณ์โควิด-19

     

    ผ่อนคันเร่งเปิดใหม่ เน้นขายสต็อกพร้อมอยู่

    “ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อนันดาฯ กล่าวต่อถึงแผนธุรกิจปี 2566 จะมีการเปิดตัว 2 โครงการ มูลค่ารวม 14,600 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน ได้แก่

    1.New Branded Residence ทำเลสุขุมวิท 38 มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท – เป็นแบรนด์จากพันธมิตรระดับโลกที่ไม่เคยเปิดในไทยมาก่อน และจะเป็นคอนโดฯ ยูนิตใหญ่ในราคาเริ่มต้น 250,000 บาทต่อตร.ม. ราคาต่อยูนิต 150-300 ล้านบาท

    2.ไอดีโอ พหล-สะพานควาย มูลค่าโครงการ 8,100 ล้านบาท – ทำเลใกล้ BTS สะพานควาย ดีไซน์ห้องชุดแบบ Hybrid New Series ราคาเริ่ม 1 แสนต้นๆ ต่อตร.ม.

    ด้านเป้าหมายยอดขายตั้งไว้ที่ 18,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% เป้าหมายรายได้ 14,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% และที่สำคัญปีนี้อนันดาฯ ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นจะขึ้นไปแตะ 30.6% ด้วย เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 25%

    ปีนี้เปิดใหม่ลดลง แต่ยอดขายและรายได้จะเพิ่มขึ้น มาจาก “สต็อกพร้อมอยู่” ที่อนันดาฯ จะมีในมือกว่า 45,000 ล้านบาทภายในปี 2566 แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

    • โครงการพร้อมอยู่ ณ ต้นปี 2566 ทั้งบ้านและคอนโดฯ รวม 28 โครงการ มูลค่ากว่า 34,000 ล้านบาท
    • โครงการที่จะสร้างเสร็จภายในปี 2566 อีก 3 โครงการ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว อาร์เทล พระราม 9, โครงการทาวน์โฮม อันดา ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ และคอนโดฯ ไอดีโอ จุฬา-สามย่าน
    อนันดา 2566
    ตัวอย่างโครงการพร้อมอยู่: ไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสต์พอยท์

    ปีนี้อนันดาฯ ยังจะเน้นดึงลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะ “คนจีน” เข้าซื้อด้วย โดยตั้งเป้ารับรู้รายได้จากกลุ่มต่างชาติ 3,100 ล้านบาท และเป้ายอดขายใหม่เกือบ 4,500 ล้านบาท เชื่อว่าในตลาดนี้อนันดาฯ จะได้เปรียบในแง่โปรดักส์มีคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้าหลายโครงการแบบพร้อมโอน

     

    APSMC รับเป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการ

    อนันดาฯ ยังมีการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ด้วยในปีนี้โดยใช้ชื่อ APSMC (Ananda Professional Services and Management Consultancy) รับเป็นที่ปรึกษาและรับจ้างบริหารโครงการอสังหาฯ ให้กับเจ้าของแบบ Total Solutions คือรับบริหารตั้งแต่จัดหาที่ดิน ออกแบบ ขายและการตลาด ก่อสร้าง และบริหารจัดการการเงิน

    โดยจะเริ่มรับบริหารโครงการแรกให้กับ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีโครงการมิกซ์ยูสคอนโดฯ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และ F&B อยู่บริเวณสุขุมวิท 38

    อนันดา 2566

    “เราคิดจะทำธุรกิจแบบ APSMC มานานแล้ว เพราะถ้าสมมติให้ธุรกิจอสังหาฯ เป็นโรงงาน วัตถุดิบหลักก็คือที่ดิน หลายบริษัท เช่น บริษัทประกัน ถือที่ดินไว้แต่ต้องการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่ตัวเองถือ เราก็ไปรับจ้างผลิตให้ โดยได้รายได้เป็นค่าธรรมเนียม” ชานนท์กล่าว

    ชานนท์คาดว่า APSMC จะสร้างรายได้ปีแรกได้กว่า 100 ล้านบาท และหวังว่าจะเติบโตมากขึ้นในปีต่อๆ ไป จนสามารถ spin-off เป็นอีกบริษัทได้

     

    ระยะยาว มีแผนเติมพอร์ตอีก 10 โครงการ

    สำหรับภาพระยะยาวของอนันดาฯ ต้องการจะเปิดโครงการเพิ่ม 10 โครงการ มูลค่ารวม 21,200 ล้านบาท แบ่งเป็น

    • โครงการแนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท
    • โครงการคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท
    • โครงการเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ 2 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท

    โดยบริษัทจะเริ่มจัดหาลงทุนที่ดินตั้งแต่ปีนี้ เป็นการยืนยันว่าอนันดาฯ ผ่อนคันเร่งปีนี้แต่ไม่ได้ผ่อนไปอีกยาว

    ]]>
    1418994
    จากไลฟ์สไตล์คนดัง สู่ “Branded Residence” คอนโดฯ พ่วงบริการระดับโรงแรม 5 ดาวในราคาเอื้อมถึงได้โดย “Siamese Asset” https://positioningmag.com/1301797 Wed, 21 Oct 2020 10:00:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301797

    จะดีแค่ไหนถ้าได้อยู่อาศัยใน “บ้าน” ที่มี “บริการระดับโรงแรม” ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตทำให้เหล่าคนดังจำนวนมากเลือกอยู่ในโรงแรม และกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ “Branded Residence” ของคอนโดมิเนียมที่ลูกค้าจะได้ทั้งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และมีบริการต่างๆ พร้อมสรรพ แต่คอนเซ็ปต์คอนโดฯ รูปแบบนี้มักจะมีประเด็น “ราคา” ที่สูงเกินเอื้อม ทำให้ “Siamese Asset” บริษัทอสังหาฯ ไทย เลือกมองมุมใหม่ พัฒนาคอนโดฯ แบรนด์โรงแรมในราคาแสนต้นๆ ต่อตร.ม. เท่านั้นตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่ให้มีโอกาสเป็นเจ้าของ

    ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีเซเลปคนดังระดับโลกหลายรายเลือกพักอาศัยในโรงแรมมากกว่าบ้านพักส่วนตัว บางคนไม่ได้พักเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่อยู่อาศัยนานหลายสิบปีจนโรงแรมกลายเป็นบ้านของเขาหรือเธอ

    สาเหตุที่โรงแรมสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนดังได้มากกว่าบ้านเพราะ “บริการ” ที่มีพร้อมทุกอย่างและตอบสนองได้ 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเปิดประตูที่ยืนประจำที่อยู่เสมอ Concierge ที่จัดการให้ได้ตั้งแต่จองรถลีมูซีนจนถึงจัดงานปาร์ตี้ หรือการสั่งอาหารมาส่งที่ห้องได้แม้จะเป็นเวลาตี 4 ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ที่โรงแรมมอบให้ สร้างความสะดวกและประทับใจจนคนดังหลายคนไม่ย้ายออกจนกว่าจะเสียชีวิต

    ตัวอย่าง 10 คนดังที่เคยพักอาศัยระยะยาวในโรงแรม

    · Michael Jackson : Four Seasons Hotel, นิวยอร์ก, N/A

    · Coco Chanel : The Ritz ปารีส , 1937’s

    · Marilyn Monroe : Beverly Hills Hotel ลอส แอนเจลิส, 1940’s

    · Elizabeth Taylor : Hotel Bel-Air ลอส แอนเจลิส, 1960’s

    · Peter Sellers : The Dorchester Hotel ลอนดอน, 1970’s

    · Keanu Reeves: Chateau Marmont ลอส แอนเจลิส, 1984’s

    · Richard Harris : The Savoy ลอนดอน, ปลายทศวรรษ 1990’s

    · David Beckham : AC Santo Mauro มาดริด, ต้นทศวรรษ 2000’s

    · Robert De Niro : Chateau Marmont ลอส แอนเจลิส, N/A

    · John Travota : Hotel Pink Beach Club เบอร์มิวดา 2000’s

    หนึ่งในคนดังที่พักในโรงแรมอย่างยาวนานคือ Coco Chanel

    ตำนานผู้ก่อตั้งแบรนด์สุดหรู เธอพักใน The Ritz ปารีส นานถึง 34 ปี ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1930s จนถึงทศวรรษ 1960s การเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นบ้านของเธอ ทำให้เธอปรับแต่งห้องพักให้เป็นไปตามรสนิยมของเธอเองด้วย อย่างเช่นการย้ายโซฟากำมะหยี่สีเบจเข้ามาใช้งานและแต่งห้องด้วยดอกไม้ที่เธอชอบ รวมถึงเป็นที่รู้กันว่าเธอมักจะใช้ทางเข้าพนักงานแทนทางเข้าปกติของโรงแรม เพื่อความเป็นส่วนตัว

    อีกหนึ่งคนดังที่พักในโรงแรมคือ Richard Harris

    นักแสดงบทศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ใน Harry Potter เขาพักที่โรงแรม The Savoy ลอนดอน ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990s จนกระทั่งต้องย้ายออกเนื่องจากอาการป่วยและเสียชีวิตในปี 2002 การบริการของโรงแรมใส่ใจเขาทุกรายละเอียดจนทำให้ Harris อาศัยอยู่หลายปี เช่น ข้าวโอ๊ตต้มที่เสิร์ฟตอนเช้าจะต้องมาเสิร์ฟด้วยอุณหภูมิที่เขาพึงพอใจ

    Branded Residence สร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่อยู่อาศัย

    จากไลฟ์สไตล์คนดังและเศรษฐีที่ใช้ชีวิตในโรงแรม ทำให้แบรนด์โรงแรมเริ่มแตกไลน์มาจับธุรกิจ Branded Residence นำบริการแบบโรงแรมและแบรนด์ที่การันตีคุณภาพเข้าไปสร้างคุณค่าให้โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย เกิดเป็นธุรกิจลูกผสมที่พัฒนาบ้านมีกรรมสิทธิ์แต่ยังสะดวกสบายเหมือนอยู่ในโรงแรม

    โครงการที่มีแบรนด์โรงแรมบริการเริ่มแพร่หลายในยุค 1980s โดยเครือ Four Seasons ที่มุ่งมั่นกับธุรกิจนี้ เริ่มต้นจากเมืองบอสตัน สหรัฐฯ และขยายอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเชนโรงแรมอื่นๆ ก็เริ่มพัฒนาตามมาจำนวนมากและเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

    เมื่อเป็นที่อยู่อาศัยขายกรรมสิทธิ์แล้ว แบรนด์โรงแรมไม่เพียงแต่ทำให้ใช้ชีวิตสะดวกขึ้น แบรนด์ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการนั้นๆ ด้วย โดย Savills บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ สำรวจในปี 2018 พบว่า โครงการอสังหาฯ ที่มีแบรนด์โรงแรมบริการสามารถเพิ่มราคาได้สูงกว่าตลาดระดับเดียวกัน 31% เฉลี่ยทั่วโลก และในตลาดประเทศกำลังพัฒนา ราคาที่ทำได้สูงกว่าตลาดจะยิ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว ยกตัวอย่างในกรุงเทพฯ โครงการ Branded Residence สามารถตั้งราคาได้สูงกว่าตลาดถึง 60%

    Siamese Asset เติมฝันคอนโดฯ แบรนด์โรงแรมที่เอื้อมถึงได้

    แม้คอนเซ็ปต์คอนโดฯ ที่มีแบรนด์โรงแรมบริการจะน่าสนใจ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของคอนเซ็ปต์นี้คือมักจะมีแต่คอนโดฯ ระดับซูเปอร์ลักชัวรีเท่านั้นที่เป็น Branded Residence ในกรณีกรุงเทพฯ ประเทศไทย คอนโดฯ ที่มีแบรนด์โรงแรมมักจะอยู่ในกลุ่มราคาสูงเฉียด 300,000 บาทต่อตร.ม.และยังเป็นโครงการในรูปแบบ Leasehold อีกด้วย

    จากจุดนี้เอง Siamese Asset จึงเลือกหยิบคอนเซ็ปต์ Branded Residence มาใช้ในโครงการระดับกลางจนถึงบน ราคาเริ่มต้นเพียงแสนต้นๆต่อตร.ม. ทำให้ผู้ซื้อเอื้อมถึงง่ายกว่าเดิมมาก เพราะบริษัทไม่ได้มองว่าแบรนด์โรงแรมต้องจับกลุ่มกับคอนโดฯ ซูเปอร์ลักชัวรีเท่านั้น แต่คอนโดฯ ระดับที่คนทั่วไปเข้าถึงก็สามารถมีแบรนด์ได้

    ผู้ซื้อยังมีโอกาสเพิ่ม Capital Gain จากคอนโดฯ Branded Residence ของบริษัทได้ด้วย เพราะแม้จะมีเชนโรงแรมบริการ แต่ยังเปิดราคาใกล้เคียงกับตลาด ตามแนวคิดตั้งต้นของบริษัทซึ่งต้องการสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็น Assets of Life ให้ลูกค้ามีสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าได้ในมือ เหมาะกับการลงทุน

    จนถึงปัจจุบัน Siamese Asset เปิดตัว Branded Residence มาแล้ว 4 โครงการ ผ่านความร่วมมือกับเครือ Wyndham Hotel Group จากสหรัฐอเมริกา กระจายในกรุงเทพฯ 4 ทำเล ดังนี้

    1. Wyndham Residence Bangkok, Sukhumvit 16 ระยะ 50 เมตรจาก MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ – ได้ทั้งวิวสวนเบญจกิตติและวิวโค้งแม่น้ำบางกระเจ้า เริ่มต้น 17x,xxx บาทต่อตร.ม.*

    2. Wyndham Garden Residence, Sukhumvit 42 ระยะ 300 เมตรจากรถไฟฟ้า BTS เอกมัย ออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น เริ่มต้น 15x,xxx บาทต่อตร.ม.*

    3. Ramada Plaza Residence, Sukhumvit 48 ระยะ 350 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช ติดถนนใหญ่ – ห้องแบบ Duplex วิวโค้งแม่น้ำ เริ่มต้น 11x,xxx บาทต่อตร.ม.*

    4. Ramada Residence Bangkok, Sukhumvit 87 ระยะ 350 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช ติดถนนใหญ่ – ห้องแบบ Duplex วิวโค้งแม่น้ำ เริ่มต้น 10x,xxx บาทต่อตร.ม.*

    *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

    Wyndham เครือโรงแรมยักษ์ระดับโลก

    สำหรับแบรนด์พันธมิตรของ Siamese Asset อย่าง Wyndham Hotel Group บริษัทนี้มีแบรนด์ในพอร์ตมากกว่า 20 แบรนด์ บริหารโรงแรมกว่า 9,300 แห่งใน 90 ประเทศทั่วโลก เฉพาะในประเทศไทย เครือนี้รับบริหารโรงแรมอยู่ทั้งหมด 13 แห่งในกรุงเทพฯ กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ที่เป็นที่รู้จักคือโรงแรมเก่าแก่อย่าง Ramada Plaza Bangkok by Wyndham Menam Riverside ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    บริการที่แบรนด์ Wyndham และ Ramada จะมอบให้ในโครงการของ Siamese Asset เช่น

    · Personal Concierge Service – อำนวยความสะดวกส่วนบุคคล อาทิ จองรถลีมูซีน จองตั๋วกิจกรรม ค้นหาข้อมูลอีเวนต์ ช่วยขนย้ายกระเป๋าเดินทาง

    · Exclusive Juristic Person – ทีมบริหารจัดการที่พักระดับ 5 ดาว มีบริการพนักงานเปิด-ปิดประตู ทีมทำความสะอาดส่วนตัว โดยพนักงานได้รับการอบรมตามมาตรฐานโรงแรม

    · Room Service – บริการซักรีด ทำความสะอาดห้อง เสิร์ฟอาหารเครื่องดื่ม

    · Private Parking Assistance – พนักงานบริการ Valet Parking รับรถจอดรถ

    · Wyndham Gold Worldwide Rewards – ส่วนลดและแลกคะแนนสะสมเพื่อใช้สิทธิเมื่อเข้าพักโรงแรมในเครือทั่วโลก

    เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ชมตัวอย่างได้ที่นี่ :


    ด้วยบริการในคอนโดฯ ที่ไม่แพ้โครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี ทำให้ผู้ซื้อสามารถสัมผัสการใช้ชีวิตในคอนโดฯ หรูด้วยราคาที่คุ้มค่าได้จากโครงการของ Siamese Asset พร้อมกับเพิ่มโอกาสสร้าง Capital Gain ให้สินทรัพย์ที่ลงทุน จากมูลค่าเพิ่มของแบรนด์ Wyndham และ Ramada ส่งให้โครงการมีปัจจัยบวกที่แข็งแรงกว่าโครงการอื่นในทำเลเดียวกันทันที! และในอนาคตยังมีโครงการที่จะร่วมพันธมิตรกับแบรนด์ดังอย่าง Banyan Tree อีกด้วย

    **ภาพประกอบจากโครงการ Ramada Plaza Residence (Sukhumvit 48) ระยะ 350 เมตร จากรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช 

    สนใจสอบถามรายละเอียดโครงการ Website:https://bit.ly/2FlEnsN

    สนใจลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดขายหุ้น IPO ของ Siamese Asset

    คลิ๊ก : http://www.iposiameseasset.com

    เบอร์โทร:1306

    Line@:https://lin.ee/hfYc1f7 หรือ @siameseassetcorp (มี@)

    #BrandedResidence #SiameseAsset #AssetofLife #SABrandedResidence #WyndhamResidenceBangkok #WyndhamGardenBangkok #RamadaPlazaResidence #RamadaResidenceBangkok

     

    หมายเหตุ: ข้อมูลที่ค้นหาเพิ่มเติมและใช้ประกอบบทความ มีแหล่งอ้างอิงด้านล่างนี้

    · ชีวิตในโรงแรมของ Coco Chanel และ Richard Harris https://www.telegraph.co.uk/travel/hotels/articles/celebrities-who-have-lived-in-hotels/:และ https://www.scmp.com/magazines/style/travel-food/article/2052216/why-coco-chanel-stayed-ritz-paris-over-30-years

    · ประวัติการเติบโตของ Branded Residence : https://www.bllnr.com/taste/a-history-of-branded-residences

    · การเพิ่มราคาได้สูงกว่าตลาดของคอนโดฯ Branded Residence อ้างอิงจาก Savills : https://www.savills.com/research_articles/255800/267026-0/the-branded-residence-price-premium

    · จำนวนโรงแรมของเครือ Wyndham ในไทย : https://www.wyndhamhotels.com/locations?countryCode=TH&ICID=IN:jtk2l994a1tog83

    ]]>
    1301797