Digital Asset – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 15 Feb 2024 12:36:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Gulf Binance ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ผู้เล่นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลภายใน 2 ปี ชูจุดเด่นแพลตฟอร์มอยู่ภายใต้การกำกับดูแล https://positioningmag.com/1462845 Thu, 15 Feb 2024 10:14:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462845 บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Binance TH ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ผู้เล่นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลภายใน 2 ปี ชูจุดเด่นแพลตฟอร์มอยู่ภายใต้การกำกับดูแล ขณะที่ด้านการตลาดเน้นการตลาดโดยใช้ Key Opinion Leader หรือการแนะนำปากต่อปากเป็นหลัก

Gulf Binance เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Binance TH ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยชูจุดเด่นค่าธรรมเนียมซื้อขายที่สูสีกับคู่แข่งในตลาด แพลตฟอร์มอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และยังรวมถึงแพลตฟอร์มมีเหรียญซื้อขายมากกว่า 115 เหรียญ

สาเหตุที่ทำให้บริษัทเจาะตลาดประเทศไทย เนื่องจากเห็นกระแสตอบรับสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทยที่มีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับทั่วโลก โดยตัวเลขผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลที่มากถึง 21.9% มากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 2 เท่า

ข้อมูลของ Chainalysis ยังได้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 10 ของโลก ในด้านการยอมรับให้เกิดการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล และประเทศไทยยังมีการเติบโตของผู้พัฒนาที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 43% สูงสุดในอาเซียน

นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด กล่าวถึงตลาดในประเทศไทยมีการยอมรับถึงสินทรัพย์ดิจิทัล การเข้ามาของ Gulf Binance จะช่วยสนับสนุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชน และเศรษฐกิจดิจิทัล

กลยุทธ์หลักที่ Gulf Binance ได้นำมาเจาะตลาดในประเทศไทย

  1. การให้ความสำคัญกับผู้ใช้
  2. การพัฒนาประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
  3. การสร้างชุมชนผู้ใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้มแข็ง
  4. การให้การศึกษาในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล
  5. การปฏิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล

ค่าธรรมซื้อขายของ Binance TH มีค่าธรรมเนียม 0.1% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่ USDT และ 0.25% สำหรับการซื้อขายระหว่างคู่เงินบาท (THB) กับสินทรัพย์ดิจิทัล

โดย Binance TH มีฟีเจอร์สำคัญที่เน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้งาน เช่น การแจ้งเตือนราคา (Price Alert) การแจ้งเตือนความเคลื่อนไหวสินทรัพย์ในพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Tracking) และมาตรการป้องกันที่จำกัดการถอนสินทรัพย์ (Whitelist Function) ในขณะเดียวกันก็จะมีเทคโนโลยีตรวจสอบเพื่อป้องกันการฟอกเงิน โดยใช้ข้อมูลจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐอย่าง ปปง. หรือบริษัทเอกชน

ในส่วนกลยุทธ์ด้านการตลาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ได้กล่าวว่าจะเน้นใช้ Key Opinion Leader (KOL) ที่ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการบอกปากต่อปาก แต่จะไม่เน้นการโปรโมตโฆษณาเหมือนกับคู่แข่งรายอื่น

Gulf Binance ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายในเครือของไบแนนซ์ (Binance) และ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด

ปัจจุบันแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Binance TH มีผู้ใช้งานลงทะเบียนอยู่ที่ 50,000 ราย หลังจากเปิดใช้งานแพลตฟอร์มมาเป็นระยะเวลา 1 เดือน และตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ผู้เล่นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลภายใน 2 ปี

]]>
1462845
KBank ประกาศเข้าซื้อหุ้นกิจการ Satang Pro สัดส่วน 97% ลุยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล https://positioningmag.com/1449708 Mon, 30 Oct 2023 05:10:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449708 ธนาคารกสิกรไทย แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการจัดตั้งบริษัทลูก โดยจะเน้นธุรกิจไปยังสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังประกาศถึงการเข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 97% ของสตางค์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในชื่อ Satang Pro

ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการจัดตั้งบริษัทลูกในชื่อ ยูนิต้า แคปิทัล มีทุนจดทะเบียน 3,705 ล้านบาท รวมถึงมีการจดทะเบียนบริษัทภายในกลุ่มธุรกิจทางการเงินเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยบริษัทลูกที่ KBank ได้ตั้งขึ้นผ่าน ยูนิต้า แคปิทัล ได้แก่ 

  1. บริษัท ออร์บิกซ์ คัสโทเรียน จํากัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ถือหุ้นโดย ยูนิต้า แคปิทัล สัดส่วน 100% วัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ทำธุรกิจผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (อยู่ระหว่างเตรียมขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ)
  2. บริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จํากัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทถือหุ้นโดย ยูนิต้า แคปิทัล สัดส่วน 100% วัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัท ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (อยู่ระหว่างเตรียมขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ)
  3. บริษัท ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น จํากัด ทุนจดทะเบียน 260 ล้านบาท ถือหุ้นโดย ยูนิต้า แคปิทัล สัดส่วน 100% ทำธุรกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชน

นอกจากนี้ KBank ยังเปิดเผยว่า ยูนิต้า แคปิทัล ได้เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยถือหุ้นสัดส่วน 97% โดย สตางค์ คอร์ปอเรชั่น เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยในชื่อ Satang Pro อย่างไรก็ดีทางธนาคารฯ ไม่ได้มีการเปิดเผยของมูลค่าการเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด

สำหรับ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น เจ้าของแพลตฟอร์ม Satang Pro นั้นก่อตั้งในปี 2017 ถ้าหากไปดูผลประกอบการในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 28.44 ล้านบาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 73.53 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนล่าสุด 92 ล้านบาท

]]>
1449708
InnovestX เปิดตัวซูเปอร์แอปสำหรับการลงทุน ตั้งเป้ามีลูกค้า 4-5 ล้านราย IPO ภายใน 3 ปี https://positioningmag.com/1403618 Fri, 07 Oct 2022 10:11:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403618 บล. InnovestX ประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ Future of Finance Reimagined โดยล่าสุดได้เปิดตัวซูเปอร์แอปสำหรับการลงทุนซึ่งสามารถลงทุนได้ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะเดียวกันบริษัทหลักทรัพย์รายนี้ยังเตรียมที่จะขยายฐานลูกค้าไปในอาเซียน โดยตั้งเป้ามีลูกค้ารวม 4-5 ล้านราย IPO ภายใน 3 ปีหลังจากนี้

หลังจากที่ บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) แล้ว ล่าสุดได้มีการประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ภายใต้แนวคิด Future of Finance Reimagined โดยมองถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมาได้เปลี่ยนภูมิทัศน์ของการลงทุนไปอย่างมาก

ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์และขับเคลื่อนอนาคตโลกการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัล และถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ส่งผลให้โลกการเงินเติบโตอย่างก้าวกระโดด นำมาซึ่งโอกาส และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ทั้งในอุตสาหกรรมการเงิน และการลงทุนให้กับทุกคน

ความสามารถทางเทคโนโลยี ผสานเข้ากับความเชี่ยวชาญในธุรกิจ และความเข้าใจนักลงทุน ทำให้บริษัทฯ ได้พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนใหม่ในชื่อ InnovestX ซูเปอร์แอปแรกในไทยที่รวมทุกสินทรัพย์ในแอปเดียว ครอบคลุม ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านการออกแบบภายใต้แนวคิดบนพื้นฐานของความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุน หรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์

โดยฟังก์ชันของแอปพลิเคชัน InnovestX มีตั้งแต่มือใหม่สามารถลงทุนตามเหล่ากูรูชื่อดังด้านการลงทุนที่สามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงของผู้ลงทุน หรือแม้แต่การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง จนถึงตั้งเตือนความเคลื่อนไหวในสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่ เช่น หุ้นสหรัฐมีความเคลื่อนไหวในแง่บวกหรือลบ ก็จะมีการแจ้งเตือน เป็นต้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ได้กล่าวว่า เขาต้องการที่จะทำให้คนไทยนั้นเข้าถึงการลงทุนได้อย่างสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม และชี้ว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคในการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาจะหมดไป

ขณะที่สิ่งที่แตกต่างของ InnovestX เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มการลงทุนคู่แข่งนั้น ดร.อารักษ์ ได้ชี้ว่า “เราอยากเป็นพาร์ตเนอร์กับลูกค้า และต้องการเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่สินทรัพย์หรือโลกดิจิทัล รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน”

นอกจากนี้เขายังได้กล่าวถึงกลยุทธ์ของบริษัทว่าจากเดิมที่บริษัทหลักทรัพย์จะเน้นการเติบโตแบบธรรมชาติ (Organic Growth) แต่หลังจากนี้แผนธุรกิจจะเน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากขึ้น และจะเน้นไปยังรายได้ใหม่ๆ ที่มาจากสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงการผนึกกำลังกับบริษัทในเครือ SCBX เช่น TokenX หรือแม้แต่ SCB10X ในการออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจของ InnovestX มุ่งหวังจะขยายจำนวนผู้ใช้งาน 4 ถึง 5 ล้านราย และเป็น Top 5 ในธุรกิจด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลในอาเซียนภายใน 3 ปี ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และทำ IPO ต่อไป

]]>
1403618
KTC จับมือ XSpring ออกบัตรกดเงินสดรูปแบบใหม่ เปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นวงเงินพร้อมใช้ https://positioningmag.com/1395834 Wed, 10 Aug 2022 16:13:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1395834 KTC จับมือ XSpring เปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นวงเงินสดพร้อมใช้ รายแรกในเมืองไทยในเวลานี้ โดยสามารถอนุมัติบัตรได้ไวสุดภายใน 1 สัปดาห์ สามารถนำลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยทำให้ส่วนแบ่งการตลาดนั้นเพิ่มมากขึ้น

วรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในเครือ XSpring กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้และทำให้ประชาชนบางส่วนประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง ทำให้แนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลที่ยังคงขยายตัวได้ดีในครึ่งปีหลัง และในประเทศไทยยังไม่มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นหลักประกัน จึงทำให้บริษัทได้จับมือร่วมกับ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) เพื่อออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมา

สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่รองรับในช่วงเริ่มต้นได้แก่ Bitcoin และ Ethereum โดยให้อัตราส่วนการให้สินเชื่อโดยเทียบกับมูลค่าหลักประกัน (LTV) อยู่ที่ 50% เช่น ถ้าหาก Bitcoin มีมูลค่า 1 ล้านบาท ก็จะได้วงเงินที่ 500,000 บาท เป็นต้น ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยนั้นจะคิดไม่เกิน 15% ต่อปี และหลังจากนี้จะขยายไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ในภายหลัง

ในเรื่องของความเสี่ยงนั้นทาง XSpring ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าว ถ้าหากราคาสินทรัพย์ที่มาเป็นหลักประกันลดลง ก็จะมีการแจ้งเตือนกับลูกค้า และถ้าหากลูกค้าต้องการเพิ่มวงเงินก็สามารถติดต่อทางบริษัทเพื่อที่จะขอเพิ่มวงเงินได้ โดยนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นหลักประกันเพิ่มเติม

วงเงินที่ของบัตรกดเงินสดนี้จะเริ่มต้นที่ 10,000 บาท สูงสุดอยู่ที่ 1 ล้านบาท ระยะเวลาในการทำบัตรเงินสดนี้จะอยู่ที่ราวๆ 1 สัปดาห์ และจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ถ้าหากเป็นลูกค้าของแพลตฟอร์ม XSpring อยู่แล้ว

ทาง XSpring คาดการณ์ว่า ความร่วมมือดังกล่าว ภายใน 3 ปี จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้านักลงทุนได้ถึง 5 ถึง 10% จากจำนวนบัญชีทั้งหมดที่ซื้อขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อได้ 5,000 ถึง 7,000 ล้านบาท

ขณะที่ พิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจสินเชื่อบุคคลของ KTC กล่าวว่าความร่วมมือกับ XSpring ในครั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ของวงการสินเชื่อ และเป็นโอกาสให้บริษัทได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ดิจิทัล รวมถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นอกเหนือลูกค้ากลุ่มเดิมของบริษัทที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ซึ่งจะทำให้ KTC มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย

]]>
1395834
‘Binance’ ได้รับอนุมัติทำธุรกิจ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ในกรุงอาบูดาบี เร่งรุกตลาดตะวันออกกลาง https://positioningmag.com/1381329 Mon, 11 Apr 2022 12:12:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381329 ‘Binance’ แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับอนุมัติตามหลักการให้ดำเนินธุรกิจในกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นับเป็นก้าวสำคัญของการขยายตลาดเทรดคริปโตฯในตะวันออกกลาง

โดยก่อนหน้านี้ Binance ได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบมาเเล้วจากบาห์เรนและดูไบมาเเล้ว

ซึ่งการอนุมัติตามหลักการจาก Abu Dhabi Global Market (ADGM) ครั้งนี้ จะทำให้ Binance สามารถดำเนินการเป็นนายหน้าตัวแทนจำหน่ายในสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ได้ เเละคาดว่าต่อไปจะสามารถดำเนินการในฐานะบริษัทที่ได้รับอนุญาตอย่างเต็มที่

ADGM ยังแสดงเจตจำนงที่จะให้การอนุมัติด้านกฎระเบียบที่คล้ายคลึงกันกับบริษัทท้องถิ่นและบริษัทด้านคริปโตเคอร์เรนซี่ระดับโลกอื่นๆ เพื่อทำให้อาบูดาบีเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์เสมือนและเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

โดย Dhaher bin Dhaher ซีอีโอของ ADGM เเสดงความยินดีกับการออกใบอนุญาติดังกล่าว เเละสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือ Binance ในการที่จะพยายามจัดตั้งสาขาของบริษัทในกรุงอาบูดาบีด้วย

ที่ผ่านมา Binance มีการดำเนินงานโดยอิสระจากกฎระเบียบในท้องถิ่น เเต่อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก บริษัทจึงเริ่มเปลี่ยนแนวทางมาประนีประนอมมากขึ้น

นอกจาก Binance แล้ว แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังอีกเจ้าอย่าง FTX ก็เพิ่งได้รับใบอนุญาตในการดำเนินงานในดูไบ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ กำลังสนใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจในตะวันออกกลางมากขึ้น หลังภูมิภาคนี้เริ่มลดมาตรการควบคุมลงเเละเปิดประตูรับกระเเสคริปโตเคอร์เรนซี

 

ที่มา : CNBC , cointelegraph 

]]>
1381329
‘กสิกรไทย’ กับกลยุทธ์การเติบโต ฉบับ ‘THE METAMORPHOSIS’ พัฒนาเทคโนโลยี จับโอกาสตลาดอาเซียน https://positioningmag.com/1367289 Fri, 17 Dec 2021 04:00:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1367289

ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการปรับตัวที่โดดเด่นเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและแตกต่างของ ‘ธนาคารกสิกรไทย’ (KBank) ที่สร้างปรากฏการณ์มาหลายครั้ง

ความเคลื่อนไหวล่าสุดกับการประกาศยกทัพบุกตลาดภูมิภาค ด้วยแนวคิด “THE METAMORPHOSIS” กลายร่างธนาคาร ให้เติบโตมากกว่าเดิมแบบ “ไร้ขีดจำกัด ไร้รอยต่อ และไร้ขอบเขต” น่าสนใจยิ่ง เพราะสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายที่ชัดเจนในการ บุกทำตลาดต่างประเทศ เพื่อให้ทุกคน ‘เข้าถึง’ การเงินบนโลกดิจิทัล

โอกาสนี้ เห็นได้จากทิศทางการเติบโตของธุรกิจธนาคารในระดับภูมิภาคของ KBank ที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดด ท่ามกลางความโกลาหลของเศรษฐกิจโลกในช่วงวิกฤตโควิด-19

โดยในปี 2564 มีการเติบโตมากกว่าปีก่อนหน้าถึง 34% ซึ่งธนาคารได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2566 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจในต่างประเทศเป็น 5% ของรายได้สุทธิธนาคารทั้งหมด (Net Total Income-NTI) หรือมีรายได้เติบโตถึง 5 เท่า  พร้อมขยายฐานลูกค้าดิจิทัลเป็น 6.5 ล้านราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1.6 ล้านราย และเพิ่มเป็น 10 ล้านรายภายในปี 2567

เส้นทางสู่เป้าหมาย เต็มไปด้วยความท้าทายมากมายรออยู่ ทั้งเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน วางเเผนกลยุทธ์รองรับทุกการเปลี่ยนเเปลง การสร้างสรรค์เทคโนโลยีเเละพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการบริหารจัดการองค์กรให้เป็น ‘หนึ่งเดียวกัน’ ผสมผสานความหลากหลายของเชื้อชาติเเละวัฒนธรรม ดึงดูด Top Talent จากทั่วโลก


เติบโตไร้ขีดจำกัด ฉบับ THE METAMORPHOSIS

ภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก เเละมีเเนวโน้มจะเติบโตได้ต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า เเละเส้นทางนี้ก็เหมือนการ ‘วิ่งมาราธอน’ ที่ต้องใช้ความพยายาม อดทนเเละต้องคว้าโอกาสสำคัญให้ได้ พร้อมการวางเเผนกลยุทธ์ที่ดี การเติบโตของ KBank จึงเปรียบเสมือน ‘Metamorphosis’ วิวัฒนาการเชิงความคิด การเติบโตผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างรวดเร็วตามเป้าธุรกิจที่ท้าทาย

เปลี่ยนปรัชญาทางธุรกิจไปสู่การให้บริการที่เหนือกว่าธุรกิจธนาคาร ผ่านการสร้างโซลูชันและยกระดับการให้บริการเพื่อมอบชีวิตที่ดีให้ลูกค้า ตาม 3 วิสัยทัศน์หลัก คือ

Limitless Opportunity ธนาคารกสิกรไทยจะไม่ติดกรอบอยู่แค่การทำธุรกิจในประเทศไทย การเติบโตของธนาคารสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกภูมิภาคอย่างไร้ขีดจำกัด

Seamless Connectivity ด้วยการสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจาก KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP (KBTG) ทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรทั้งการลงทุน ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ

Borderless Growth สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ศักยภาพ (Capabilities) ทุก ๆ ด้านของคนกสิกรไทยที่จะต้องเติบโตได้อย่างไร้ขอบเขต


โอกาสอยู่ในทุกๆ การเปลี่ยนเเปลง

ด้าน พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ชี้ว่า โลกยุคใหม่หลังโควิด-19 เปลี่ยนเเปลงไปอย่างมาก มีทั้งความซับซ้อนเเละท้าทาย เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาดิสรัปเร็วกว่าเดิม 4-10 ปี ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็ว (Morph) และเปิดรับทักษะสมัยใหม่ โดยสามารถเเบ่งเป็น 4 ธีมการเปลี่ยนเเปลงของโลกในระยะต่อไป ได้เเก่

DECOUPLING สำนักวิจัยหลายแห่งคาดว่าภายในปี 2573 เศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลานี้ เกิดการประลองกันของมหาอำนาจโลก มีการกีดกันทางการค้าและเเข่งขันกันด้านเทคโนโลยี เหล่านี้เป็นโอกาสที่ไทยเเละ ‘อาเซียน’ จะสามารถเชื่อมต่อกับสองห่วงโซ่ทั้งจีน และสหรัฐฯ จากการเปิดกว้างต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับทั้งสองขั้วอำนาจ ซึ่งต้องมองเรื่องนี้ให้เป็นโอกาสมากกว่าอุปสรรค

ในประเด็นต่อมาคือ REGIONALIZATION 2.0 การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของจีน ที่จะผันตัวเองจากแหล่งผลิตสินค้าราคาถูกไปเป็นประเทศ ที่เน้นการส่งออกสินค้าไฮเทคและนวัตกรรม

“ธุรกิจของจีนจะทยอยย้ายฐานการผลิตสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้นไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งมีศักยภาพสูง ในการเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน เพื่อรองรับตลาดผู้บริโภคชนชั้นกลางจำนวนมาก รวมถึงมีความได้เปรียบทั้งเรื่องความสัมพันธ์ วิถีชีวิต มีศักยภาพสูงในการลงทุนทั้งเรื่องของค่าแรง กฎระเบียบต่างๆ”

สำหรับโอกาสของ NEXT-GEN DIGITALIZATION เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยขับเคลื่อนและสร้างโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้นเพิ่มขีดความสามารถของ SMEs ยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบรับการเปลี่ยนผ่านสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

ส่วนอีกกระแสสำคัญของปัจจุบัน คือ DECARBONIZATION ที่นานาประเทศเริ่มมุ่งไปสู่ ‘สังคมไร้คาร์บอน’ ซึ่งการตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ยังเป็นเรื่องที่ท้าทาย

โดยทางจีนที่เป็นผู้ปล่อยคาร์บอนสูงที่สุด ก็มีการประกาศเป้าหมายนี้มาเเล้ว เชื่อว่าต่อไปจะได้เห็นความร่วมมือกันของหลายประเทศ ทั้งภาครัฐเเละเอกชนในด้านต่างๆ อย่างพลังงานลมและโซลาร์เซลล์ เเละรถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ

“นี่เป็นโอกาสของการทำธุรกิจในการสร้างห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain) ของไทยเเละอาเซียน ยกระดับเศรษฐกิจเก่าไปสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างอุตสาหกรรมใหม่สู่ New S-Curve ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคบนเส้นทางการเติบโตยั่งยืนในอนาคตข้างหน้า”

ด้านความเห็นต่อกระเเส Crypto Economy ผู้บริหารกสิกรไทยมองว่า ต่อไปจะเป็นการรวมกันระหว่างตลาดการเงิน สินทรัพย์ดิจิทัลเเละภาคธุรกิจต่างๆ เช่นการนำ  Metaverse มาปรับใช้ จะช่วยสร้างผลิตภาพที่สูงขึ้น การซื้อขายผ่านเงินสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) หรือซื้อขายผ่าน NFT (Non-Fungible Token) สถาบันการเงินจึงต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมรับทุกบริการเพื่อธุรกิจยุคใหม่

 ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา KBTG เพิ่งส่งบริษัทลูกในเครืออย่าง KASIKORN X หรือ KX เดินเกมสร้างธุรกิจใหม่บนโลกของ DeFi เปิดตัว ‘Coral’  มาร์เก็ตเพลส NFT ที่ซื้อขายง่ายด้วยสกุลเงินทั่วไป สร้างโอกาสศิลปินไทยสู่ระดับสากล (คลิกอ่าน ที่นี่)

 โดยโจทย์หลักของ KBank คือ การมุ่งสู่โลกการเงินแห่งอนาคต ยกระดับความสามารถความรู้ให้ทั้งบุคลากรของธนาคาร และลูกค้าเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างยั่งยืน และเรื่อง ESG ที่การเติบโตของธุรกิจไม่ได้ดูแค่ผลกำไรเท่านั้น เเต่จะต้องสร้างสิ่งดีๆ ให้สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย


เทคโนโลยีคือจุดเชื่อมโยง ต่อยอดฟินเทคจีน-อาเซียน

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG (Group Chairman-KASIKORN BUSINESS-TECHNOLOGY GROUP) กล่าวถึงประเด็นที่น่าสนในของ ‘ตลาดจีน’ ว่ามี FinTech Landscape ที่ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้น จากจำนวนประชากรที่มีมากกว่า 1,412 ล้านคน เเละมีการใช้โทรศัพท์มือถือสูงมากๆ ใช้จ่ายด้านออนไลน์สูง เเละเป็นตลาดที่มีการเเข่งขันสูง เป็นโอกาสของกสิกรไทยที่จะเข้าไปเจาะตลาดเเละเรียนรู้ได้

ในปี 2563 ที่ผ่านมา KBTG ได้มีการจัดตั้งบริษัท ไคไท่ เทคโนโลยี จำกัด (KAITAI Technology Company Limited : KTECH) ที่เซินเจิ้น ซึ่งภารกิจหลักๆ  คือการ ‘หาบุคลากร’ จีนที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีมาร่วมทีมเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร เเลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งต่อยอดโอกาสทางธุรกิจจากฟินเทคในจีนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากไปสู่ทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

โดยเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในจีน ก็คือ คลาวด์คอมพิวติ้ง นาโนไฟเเนนซ์ ปัญญาประดิษฐ์ บล็อกเชน 5G เเละความปลอกภัยไซเบอร์

ความสำเร็จในก้าวปีแรกของ KBTG คือ การมีส่วนร่วมใน 14 โครงการสำคัญ ครอบคลุมในทุกประสบการณ์ทางการเงิน ทั้งด้านการปล่อยกู้ เงินฝาก การชำระเงิน รวมทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์กับ 7 พันธมิตรสำคัญในประเทศจีน  และมีแผนเพิ่มทีมงานให้ใหญ่ขึ้นถึง 12 เท่า ภายในปี 2569  “การทำงานของเราจะเป็นไปในรูปแบบ Fast-Fun-Flow-Feedback ทำอย่างรวดเร็วด้วยความสนุก”

ส่วนเป้าหมายจำนวนผู้ใช้ K PLUS ทั้งในไทยและต่างประเทศนั้น ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 50 ล้านผู้ใช้ในอีก 5  ปีข้างหน้า ซึ่งตอนนี้จำนวนผู้ใช้ในปัจจุบันก็ใกล้เเตะ 20 ล้านรายแล้ว


World Business Group : ก้าวต่อไป KBank ธนาคารเเห่งภูมิภาค

ภัทรพงศ์ อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับศักยภาพของกลุ่ม World Business Group (WBG) ที่ได้สร้างการเปลี่ยนสู่ธุรกิจ ธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค ว่า ด้วยความที่ KBank นิยามตัวเองว่าเป็นเทคสตาร์ทอัพที่มี banking license จึงเข้าไปทำตลาดใหม่ๆ ได้อย่าง ‘ตัวเบา’ โดยการเดินหน้าธุรกิจตามโมเดล Kasikorn China ในจีนนั้นจะใช้บนปรัชญา “Better Me” ที่มุ่งให้การสนับสนุนลูกค้าที่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน และมุ่งมั่นนำพาตัวเองสู่อิสรภาพทางการเงินสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนที่มุ่งเน้นการพัฒนาแบบยั่งยืนพร้อมจะนำแนวคิดธุรกิจนี้ขยายไปต่อยัง ‘เวียดนาม’ ที่ได้เดินหน้าด้วยดิจิทัล แบงกิ้งอย่างเต็มรูปแบบ

ได้แก่ KBank Biz Loan สินเชื่อดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการขออนุมัติวงเงินและ K PLUS Vietnam โมบาย แบงกิ้งที่ต่อยอดจากต้นแบบ K PLUS ในประเทศไทย

“ในอนาคตจะมีการเปิดตัวธุรกิจใหม่บนโมเดล Banking-as-a Service (BaaS) ในการให้บริการมากกว่าธุรกิจการเงินที่จะเริ่มที่เวียดนามเป็นแห่งแรก เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกที่มากกว่าในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ช่วยให้ฟินเทครายย่อยมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกันและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น”

สำหรับในตลาดกัมพูชา KBank พร้อมเปิดตัว Payroll Lending ที่ทำให้ลูกค้าได้รับสินเชื่ออย่างง่ายดาย ผ่านแอปพลิเคชันของพันธมิตร ส่วนในฝั่ง สปป.ลาวจะยังคงเดินหน้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานบริการ QR KBank จากปัจจุบันที่มี 1.3 แสนรายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายการใช้งานให้ครอบคลุมทุกธุรกรรมการเงินของลูกค้า

เป้าหมายถัดไปของธนาคารกสิกรไทย คือ การเชื่อมต่อกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่สุดและมีประชากรจำนวนมากที่สุดในภูมิภาค โดยปัจจุบันธนาคารได้เร่งสร้างพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อขยายโอกาสในการทำธุรกิจและส่งมอบบริการทางการเงินให้กับลูกค้าในอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ยังมีแผนในการจัดตั้งบริษัท K VISION FINANCIAL (KVF) เพื่อขยายการลงทุนด้านดิจิทัลในธุรกิจต่าง ๆ ด้วยเป้าหมายในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนพันธมิตรทางธุรกิจ สู่การเป็น Ecosystem ทางการเงินในระดับภูมิภาค พร้อมชูแผนการสร้าง บริการทางการเงินเพื่อรองรับตลาด Digital Asset ที่จะเติบโตในตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศจีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม

เปิดพื้นที่เเชร์ไอเดีย เป็นองค์กรสำหรับ Talent ทั่วโลก

จากเป้าหมายและพันธกิจที่ใหญ่ขึ้น  WBG ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานเป็น 1,037 คนในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นถึง 52% จากปี 2563 เพื่อขยายศักยภาพของทีมให้ไปสู่ความสำเร็จได้ และด้วยความตั้งใจที่จะเป็นองค์กรสำหรับ Talent ทั่วโลก

ธนาคารได้เสนอแนวคิด “World of Borderless Growth” เพื่อสื่อสารให้คนรุ่นใหม่เห็นโอกาสในการเติบโตอย่างไร้ขอบเขตทุกมิติ อย่าง

Personal Growth การเติบโตผ่านประสบการณ์ทำงานจริงที่ท้าทาย

Growth of Team การเติบโตร่วมกับทีมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน

Growth of Partners การเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรทั้ง Tech Company และ Startup ระดับโลก

Growth of Community การเติบโตเคียงข้างกับสังคมผ่านทุกภารกิจ (Mission) ของ WBG ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

“เราจะได้สร้างสิ่งใหม่ๆ เรื่องใหม่ๆ ที่ไม่ใช่เเค่พนักงานไม่เคยทำ เเต่ KBank เองก็ยังไม่เคยทำ เป็นประสบการณ์ใหม่ของทีมงานที่จะได้ไปเจอ ให้โอกาสในการเเสดงศักยภาพ เเชร์ไอเดียทำงาน เราต้องการคนรุ่นใหม่ที่ใจกล้า มีความอยากเรียนรู้เข้ามาช่วยเราทำงาน เเละเติบโตไปด้วยกัน”  ชัช เหลืองอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าว

โดยสิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยอยากจะเป็นจริงๆ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า คือการเป็นธนาคารที่ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือลูกค้า เเละ ‘เป็นที่รัก’ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไหนๆ เเละก็เชื่อว่าทีมงานของเราทุกคนมีความเชื่อเเละปรัชญานี้เหมือนกัน ที่จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต พัฒนาสิ่งที่ดีกว่าให้กับโลก

 

]]>
1367289
บล.ไทยพาณิชย์ เปิดรับสมัคร “SCBS IWP ครั้งที่ 7” หลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับนักลงทุนยุคใหม่สู่ความมั่งคั่งแห่งโลกอนาคต https://positioningmag.com/1365781 Fri, 10 Dec 2021 07:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365781

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) มุ่งต่อยอดความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัทด้าน Securities และ Trading พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมรองรับการลงทุนแห่งอนาคต ล่าสุด เตรียมเปิดหลักสูตร “SCBS Infinite Wealth Program (SCBS IWP) ครั้งที่ 7” ภายใต้แนวคิด “สู่ความมั่งคั่งและโอกาสที่ยั่งยืนแห่งโลกอนาคต” หลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ ให้พร้อมบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนแห่งโลกอนาคต อัดแน่นเนื้อหาอย่างเข้มข้นทั้งด้านการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน สินทรัพย์ดิจิทัลแห่งโลกอนาคต (Digital Assets) จากผู้บุกเบิกด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และความรู้ด้าน Soft Skills จากนักพัฒนาศักยภาพชื่อดัง ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ มุมมอง กลยุทธ์ และความรู้ในทุกมิติเกี่ยวกับการลงทุน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นนักลงทุนแห่งโลกอนาคตเต็มรูปแบบ รับสมัครนักลงทุนยุคใหม่ที่สนใจเข้าร่วมที่ www.SCBS.com/IWP ตั้งแต่วันนี้ – 7 มกราคม 2565

นายอิทธิพันธ์ เจียกเจิม กรรมการผู้จัดการ Chief Digital Business Group Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) และผู้อำนวยการหลักสูตร IWP กล่าวว่า

“บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์มุ่งต่อยอดความแข็งแกร่งด้าน Securities และ Trading พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรม เพื่อเร่งการเติบโตด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) รวมถึงเตรียมความพร้อมในการสร้างนวัตกรรมการลงทุนแห่งอนาคตที่จะเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจการเงินและธนาคารในอนาคต ท่ามกลางกระแสความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่กำลังได้รับความนิยมและมีผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมาก บล.ไทยพาณิชย์ มุ่งมั่นผลักดัน รวมถึงสร้างระบบนิเวศทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Ecosystem) ในระดับประเทศให้มีความแข็งแกร่งและเติบโต ล่าสุด ได้พัฒนาต่อยอดหลักสูตร “SCBS Infinite Wealth Program (SCBS IWP) ครั้งที่ 7” ภายใต้แนวคิด “สู่ความมั่งคั่งและโอกาสที่ยั่งยืนแห่งโลกอนาคต” เตรียมความพร้อมให้นักลงทุนยุคใหม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการลงทุนแห่งอนาคต ซึ่งเนื้อหาหลักสูตรครอบคลุมเรื่องการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และนักลงทุนระดับเซียน สินทรัพย์ดิจิทัลแห่งโลกอนาคต (Digital Asset) จากผู้ที่บุกเบิกด้านสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีความรู้ด้าน Soft Skills จากนักพัฒนาศักยภาพระดับประเทศ ร่วมแชร์ประสบการณ์ มุมมอง กลยุทธ์ด้านลงทุนยุค New Normal เพื่อยกระดับองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพนักลงทุนไทย สร้างแรงบันดาลใจในการลงทุน และสร้างชุมชนนักลงทุนยุคใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายธนา เธียรอัจฉริยะ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาหลักสูตร เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตร SCBS IWP ครั้งที่ 7 นี้ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความพร้อมให้กับนักลงทุนสู่โอกาสและความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนแห่งโลกอนาคต”

วิทยากรที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ และความรู้ในหลักสูตร “SCBS IWP ครั้งที่ 7” อาทิ:

  •  สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์
  •  เอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์
  •  นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (CIO) SCBAM
  •  Andrew Stotz, CEO of A.Stotz Investment Research
  •  คมสันต์ แซ่ลี ประธานกรรมการบริหาร (CEO) Flash Express ยูนิคอร์นสัญชาติไทยรายแรก ซึ่งเป็นธุรกิจดาวรุ่งหลังยุคโควิด19
  •  ทชา ปัญญาเนรมิตดี Co-Founder Alpha Finance Lab ผู้เชี่ยวชาญด้าน Decentralized Finance (DeFi)
  •  ดร. ธันวา อาภรณ์ทิพย์ Blockchain Technical Advisor บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X)
  •  กษิดิ์เดช พูลสุขสมบัติ CEO และ Co-Founder แห่ง APE BOARD แพลตฟอร์มรวบรวม และแสดงพอร์ตการลงทุนใน DeFi ส่วนบุคคล ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย
  •  อ. ตั๊ม พิริยะ สัมพันธารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Bitcoin, Managing Director แห่ง CholokeDotCom และกรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย
  •  ท็อป – จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Group CEO ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
  •  ต้อง – กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร เจ้าของเพจ “แปดบรรทัดครึ่ง” ผู้ริเริ่มนำ “DESIGN THINKING” วิธีการสร้างนวัตกรรมจาก ซิลิคอน วัลเลย์ มาใช้ในองค์กรชั้นนำของไทย
  •  เคน – นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการและบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD
  •  ผศ.ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ธนา เธียรอัจฉริยะ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ปรึกษาหลักสูตร SCBS IWP#7

สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วม และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหลักสูตร SCBS IWP ครั้งที่ 7 ได้ที่ http://www.SCBS.com/IWP ตั้งแต่วันนี้ – 7 มกราคม 2565 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ SCBS Call Center 02-949-1999 (ในเวลาทำการ) รับจำนวนจำกัด เพียง 20 ท่านสุดท้ายเท่านั้น

#SCBS #SCBSIWP7 #Infinite-Wealth-Program

]]>
1365781